ป่วยรักษาได้ เมื่อเป็นไทยแล้ว
คุณป้าท่านหนึ่งได้ขอความช่วยเหลือผ่านทางโรงพยาบาลศิริราช เพราะตนเองขาดสิทธิในการรักษาพยาบาลฟรี เนื่องจากขาดหลักฐานแสดงว่าเป็นคนไทย ทาง รพ.ศิริราช จึงได้ประสานมาที่มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก เพื่อขอความช่วยเหลือ
หลังจากที่มูลนิธิฯได้รับแจ้ง ได้ลงพื้นที่สอบข้อเท็จจริง และได้ความว่า ป้าแดงเกิดที่อำเภอเมือง จังหวัดอุดร(ปัจจุบันเป็นอำเภอกุดจับแล้ว) แต่ได้ไปแจ้งชื่อตนเองว่า นางอารี...... เกิดวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๐๓ เรียนจบชั้น ม.ศ. ๓ ที่โรงเรียนกุดจับประชาสรรค์ ครั้นได้เช็คฐานข้อมูลแล้วไม่ชื่อดังกล่าว จึงได้นัดป้ามาพบที่มูลนิธิฯ เพื่อที่จะเดินทางไปที่ จ.อุดรฯ ติดตามหาญาติพี่น้องและโรงเรียนที่ป้าเคยเรียน
เดินทางครั้งแรกในวันที่ ๑๐ มิ.ย. ๕๓ เมื่อเดินทางไปถึงอำเภอเมืองที่ป้าบอกว่ามารดาเคยมาอาศัยอยู่ ไปถึงบ้านพบแต่ลูกๆหลานๆ ซึ่งมีคนรู้จักป้าน้อยมาก จากนั้นจึงเดินทางไปที่อำเภอกุดจับ ที่ป้าบอกว่าเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนกุดจับประชาสรรค์ ในชั้น ม.ศ. ๑-๓ ผลปรากฏว่าค้นหาทางทะเบียนนักเรียน ค้นเท่าไหร่ก็ไม่เจอ
เริ่มหมดความหวังแล้วหรือ ? ครูบุ๋มจึงให้กำลังใจว่า “ลองไปดูโรงเรียนที่ป้าเคยเรียนในชั้นประถมดูซิ....? ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงได้ ระหว่างเดินทางนั้นป้าก็ได้บ่นว่าคงไม่มีโอกาสแน่ๆเลย พวกเราลงจากรถประจำทางเมื่อมาถึงโรงเรียนแห่งหนึ่งที่ป้าบอกว่าเคยเรียนอยู่ที่นั่น ป้าแสดงความดีใจออกมาแล้วบอกกับครูบุ๋มว่า “ให้ใช้ชื่อ “แดง ชินพะวอ ” ดูว่าจะเจอหรือเปล่า เดินทางไปถึง ร.ร.พบกับอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งป้าเองก็ไม่ทราบว่าเป็นอาจารย์ที่เคยสอนป้าในสมัยเด็ก และมีเพื่อนๆของป้านั่งคุยกันอยู่หลายคน ทุกคนมองมาที่ป้าแล้วพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ใช่แดงหรือเปล่า” ป้าตอบว่า “ใช่” เริ่มมีความหวังแล้วซิป้า จากนั้นอาจารย์ จึงพาป้าไปพบกับท่านผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหัวขั้ว เพื่อออกหลักฐานรับรองการศึกษา ให้กับป้าเพื่อที่จะไปดำเนินการขอเพิ่มชื่อ อาจารย์บอกกับป้าแดงว่ามีญาติอยู่ใกล้โรงเรียนนะ เป็นญาติทางมารดาที่เหลืออยู่ จึงได้พาพวกเราไปพบ ระหว่างนั้นป้ารู้สึกตื่นเต้นมาก ไม่คิดว่าจะได้เจอกัน เพราะตนเองออกจากหมู่บ้านนี้ไปนานมาก
ภาพที่ได้เจอทุกคนสวมกอดกัน ร้องไห้ ทำให้ชาวบ้านแตกตื่นกัน จากนั้นทางเจ้าหน้าที่งานทะเบียนได้นัดให้เจ้าบ้าน /ผู้ใหญ่บ้าน / อาจารย์ เพื่อที่จะนัดสอบปากคำเบื้องต้น หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ฯ จึงให้ผู้ใหญ่บ้านทำการประชาคมหมู่บ้านก่อนว่ามีใครรู้จักนางสาวแดง ชินพะวอ ผลคือที่ประชุมยืนยันว่ารู้จัก
จากนั้นพวกเราจึงได้เดินทางกับกรุงเทพฯ ประมาณ ๓๐ วัน ผู้ใหญ่บ้านได้แจ้งมาว่านายอำเภอให้พาป้าแดงลงไป เพื่อให้ชาวบ้านชี้ตัวว่าเคยเห็น รู้จักไหม...? คณะเราจึงได้เดินทางไปรอบที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๕ พ.ย. ๕๓ แต่ครั้งนี้เราใช้รถมูลนิธิฯ และนำเสื้อผ้าไปบริจาคให้กับชาวบ้านด้วย คณะเราไปถึงที่บ้านจึงนัดชาวบ้านในวันรุ่งขึ้นของวันอาทิตย์ เพราะทุกคนจะอยู่บ้านกัน ชาวบ้านต่างก็เป็นเพื่อนเก่าของป้าที่เคยเรียนเมื่อสมัยเด็กมาเป็นพยานรับรองให้ ทุกคนดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่า ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ ทำไมปล่อยเรื่องไว้นานจัง ไม่รีบทำ” ทางผู้ใหญ่บ้านเก็บภาพ และให้บรรดาเพื่อนต่างลงรายชื่อไว้เป็นหลักฐาน และนำส่งเสนอเจ้าหน้าที่งานทะเบียนต่อไป จากนั้นจึงเดินทางกลับเพื่อรอผลการอนุมัติจากท่านนายอำเภอ
จนกระทั่งเย็นของวันที่ ๒๒ มี.ค. ๕๔ ทางญาติของป้าแดงได้โทรศัพท์มาบอกว่า มีข่าวดีมาบอกนะทางอำเภอได้เพิ่มชื่อป้าแดงเข้าทะเบียนบ้านให้แล้ว ให้ครูบุ๋มพาป้าแดงมาถ่ายบัตรประชาชนได้เลย วันไหนก็ได้ ครูบุ๋มไม่รอช้ารีบติดต่อกับป้าแดง ให้เตรียมตัวลงไปที่อุดรอีกครั้ง เราเดินทางกลางคืนของวันอาทิตย์ที่ ๒๗ มี.ค. ไปเช้าอีกวันใหม่ ระหว่างเดินทางป้าแดงก็ตื่นเต้นตลอดทาง บอกว่านอนไม่หลับเลยตั้งแต่ครูบุ๋มโทรไปบอก ดีใจมากๆ ขอบคุณ ครูนิด-ครูบุ๋ม ที่ช่วยให้ป้ามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ป้าจะทำความดีถวายในหลวงว่าป้าได้ทำบัตรประชาชนแล้ว