แม่น้องโอ๊ต
กรณีของผู้ปกครองท่านหนึ่ง ของน้องโอ๊ต ที่มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก ได้ช่วยเหลืออยู่ น้องโอ๊ตได้รับการช่วยเหลือจากโครงการบ้านอุปถัมภ์เด็ก มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก น้องโอ๊ต ยังไม่ได้ย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้านมาที่มูลนิธิฯ ทางโรงเรียนที่น้องโอ๊ต เรียนอยู่อยากให้มีชื่อในเขตพื้นที่ของการศึกษา และน้องโอ๊ตประสบปัญหาที่ว่า แม่ของน้องโอ๊ต นั้นมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านกลาง ซึ่งไม่สามารถดำเนินการอะไรได้เลย ทางครูบ้านฯ จึงได้ให้ผู้ปกครองมาคุยกับครูบุ๋ม จะช่วยเหลืออย่างไร
หลังจากที่ได้สอบถามข้อมูลเบื้องต้น ได้ความว่า แม่ของน้องโอ๊ตได้ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ฯ ที่อำเภอองค์รักษ์ หลายครั้งแล้ว ซึ่งตอนนั้นตนเองก็มีชื่อในทะเบียนบ้าน แต่อาศัยบ้านเขาอยู่ วันหนึ่งก็ไม่ทราบสาเหตุเหมือนกัน ใคร? ที่มีชื่อในทะเบียนบ้าน ของเขา ( เจ้าบ้าน ) จะย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้านกลางหมดเลย แม่น้องโอ๊ต เป็นคนหนึ่งที่มีชื่อในทะเบียนบ้านหลังนั้น ( ซึ่งไม่มีใครทราบเรื่องมาก่อน )
ครั้งแรก แม่น้องโอ๊ต เดินทางไปที่อำเภอองค์รักษ์ เพื่อจะไปดำเนินการทำบัตรประชาชนครั้งแรก ทางอำเภอแจ้งว่า การมีชื่อในทะเบียนบ้านกลาง ต้องให้ผู้ปกครอง หรือข้าราชการ มารับรอง และให้เตรียมหลักฐานมาด้วย เช่น ใบเกิด วุฒิการศึกษา สาเหตุเพราะว่า เจ้าของบ้านเดิมได้ย้ายชื่อแม่น้องโอ๊ตออกจากทะเบียนบ้านแล้ว
แม่น้องโอ๊ต ได้เดินทางกลับ เพื่อหาหลักฐานตามที่เจ้าหน้าที่ฯบอก ก็มีใบเกิด หนังสือรับรองจากทางโรงเรียน แต่ไม่มีพยานบุคคลไป สาเหตุเพราะบิดาไปมีภรรยาใหม่ ส่วนมารดาไม่ทราบว่าเป็นใคร ซึ่งบิดาเองไม่ยอมลงมารับรองให้กับแม่น้องโอ๊ต แม่น้องโอ๊ต เองไม่ละความพยายามได้เดินทางไปที่อำเภอหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั้งตนมีอายุได้ประมาณ ๒๕ ปีได้ ไปดำเนินการเอง ในการขอย้ายชื่อออกจากทะเบียนบ้านกลาง คำตอบที่ได้ ก็คือ ให้ไปตามตัวบิดามารับรอง ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมีคนไปรับรองเพราะตนก็บรรลุนิติภาวะแล้ว น่าจะดำเนินการย้ายชื่อออกจากทะเบียนบ้านกลางได้
กระทั่งวันหนึ่ง ครูบุ๋มได้โทรประสานไปที่อำเภอองค์รักษ์ และได้คุยกับปลัดท่านหนึ่ง ปรึกษากรณีแม่น้องโอ๊ต ถ้าตามบิดาไม่ได้จริง ๆ จะช่วยเหลือเขาได้อย่างไร ก็ให้ญาติมารับรองว่าเป็นแม่น้องโอ๊ต จริงๆ สาเหตุที่สำคัญอีกอย่างก็คือ แม่น้องโอ๊ตยังไม่เคยทำบัตรประชาชนครั้งแรกเลย ครูบุ๋มโทรศัพท์หาแม่น้องโอ๊ต สอบถามมีญาติที่จะมารับรองให้ไหม ? แม่น้องโอ๊ต บอกว่า มี เป็นอา (น้องของพ่อ) แต่อาไปทำงานที่ต่างจังหวัด ไม่สามารถลงมาได้ในตอนนี้ เพราะรอให้เงินออกก่อนได้ไหม
วันนี้ ๑๙ ม.ค. แม่น้องโอ๊ต และครูบุ๋ม ได้เดินทางไปที่อำเภอองค์รักษ์ เพื่อที่จะดำเนินการขอย้ายชื่อออกจากทะเบียนบ้านกลางก่อน และขอย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้าน แม่ของสามี ที่อยู่ในเขตเทศบาลคูคต อ.ลำลูกกา ได้เข้าพบท่านปลัด ซึ่งท่านได้ถามว่าจะย้ายเข้าทะเบียนบ้านไหน ถ้าเข้าในเขตอำเภอองค์รักษ์ ก็ต้องให้ญาติมา เจ้าบ้าน ผู้ใหญ่บ้าน มารับรองนะ เพราะยังไม่เคยทำบัตรประชาชน ครูบุ๋ม อธิบายให้ท่านปลัดฟังว่า แม่น้องโอ๊ต จะย้ายไปเข้าทะเบียนบ้านในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นบ้านแม่ของสามี จากนั้น ได้ดำเนินการย้ายชื่อออกจากทะเบียนบ้านกลางได้สำเร็จ และเดินทางกลับ ระหว่างทาง แม่น้องโอ๊ต พูดด้วยเสียงสะอื้นว่า “ทำไม แค่ใบย้ายชื่อออกจากทะเบียนบ้านกลางแผ่นเดียว หนูใช้เวลาหลายปีมากๆ แต่ทำไม ครูบุ๋มได้เข้ามาช่วยเหลือ และพาหนูมาดำเนินการ ใช้เวลาแค่ไม่ถึงชั่วโมง ก็ได้ใบย้ายออกแล้ว” จากนั้นครูบุ๋ม และแม่น้องโอ๊ต ได้เดินทางไปถึงเทศบาลคูคต เพื่อจะดำเนินการ ขอย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้าน โดยเจ้าบ้านได้เซ็นหนังสือมอบอำนาจมาให้แล้ว ครูบุ๋มจึงรับมอบอำนาจ และดำเนินการย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้าน ส่วนกรณีทำบัตรประชาชนครั้งแรก จะต้องดำเนินการสอบปากคำ บิดา-มารดา หรือญาติพี่น้อง เจ้าบ้าน ผู้ใหญ่บ้าน หรือผู้นำชุมชน คงต้องใช้เวลานานพอสมควร ซึ่งขณะนี้แม่น้องโอ๊ตอยู่ในระหว่างการตรวจสอบตัวบุคคล เพื่อที่จะได้ถ่ายบัตรประชาชนได้เสียที
ครูบุ๋มคิดว่า ( น่าจะเป็นการเข้าใจผิดกันมากกว่า หรือไม่อาจจะเป็นการสื่อสารกันไม่เข้าใจ ระหว่างเจ้าของปัญหา และเจ้าหน้าที่ฯ ก็เป็นได้ ) แม่น้องโอ๊ต “รู้สึกท้อใจมาก ๆ ไม่อยากเดินทางไปดำเนินการอีกแล้ว แต่ห่วงลูกทั้ง ๒ คน ซึ่งลูกคนเล็ก ยังไม่ได้แจ้งเกิด” ปัจจุบัน ณ เวลานี้แม่น้องโอ๊ตมีอายุ ๒๙ ปี แล้ว
หวังว่าเรื่องราวที่เล่ามานี้ คงเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน และที่สำคัญอยากจะเตือนให้เจ้าของปัญหา ใส่ใจในตนเองให้มาก เพราะถ้าปล่อยไว้นาน คุณก็จะเสียสิทธิของคุณเอง