บ้านผม........ ผมอยู่ได้ .
นางสาวทองพูล บัวศรี
ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก
ครูครับมาดูบ้านของพวกผมก่อนไหม รับรองเป็นที่นอนฝนตกไม่เปียกครับ อยู่ด้วยสามคน อีกสามคนนอนข้างนอกตรงเบาะ และอีกส่วนหนึ่งไปนอนที่ตอม่อกับครอบครัวของพี่อุ้ม เพราะเป็นผู้หญิง ให้นอนสูงหน่อย เป็นสมาชิกในกลุ่มที่ต้องดูแล กัน มีน้องฟ้า น้องเมย์ และน้องมด
พวกผมไปเก็บที่นอนที่เขาทิ้งกันแล้ว ส่วนมากจะมีคนขนใส่รถกระบะ มาทิ้งที่ใต้ทางด่วนนี้แหละ พวกผมก็จะเข้าไปเลือก มาใช้ต่อ สำหรับเบาะที่นอน ส่วนมากจะขาดเป็นรูตรงกลาง จะเห็นลวดสลิงที่เป็นที่รับน้ำหนักเวลานอน หักลงไป ต่อด้วยใยมะพร้าว หรือบางที่นอนก็จะเป็นยางพาราทั้งแผ่นซึ่งหนักมาก พวกผมจะไม่ค่อยเลือกแผ่นยางพารา เวลาฝนตกย้ายไม่ทัน ตกลงมากก็จะเปียกและส่งกลิ่นเหม็นมาก มีเชื้อราขึ้นตามแผ่นจำนวนมาก และถ้าทิ้งไว้นาน นาน จะส่งกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง
สำหรับผ้าห่ม มีให้เลือกเยอะครับ บางครั้งมีตั้งแต่ผ้าน่วมอย่างดี ที่เขาทิ้งใส่ห่ออย่างดี อย่างนี้พวกผมถือว่าโชคดีครับ มีผ้าห่มตามรถทัวร์(ผมไม่เคยขึ้นไปนอนหรอกครับ ชาวบ้านเขาบอก เวลาร้อนใช้อย่างนี้ดีครับ แต่หน้าหนาวกับหน้าฝนเอาไม่อยู่) แต่ผมเลือกที่จะมาขึงเป็นราวที่กั่นห้อง หรือเหมาะสำหรับเป็นที่ขึงมาจากด้านบน ใช้ผ้าห่มสักประมาณ ข้างละ 3 ผืน กลายเป็นฝาผนังห้อง ซึ่งมีหลากสีมาก กลิ่นของผ้าห่มแล้วแต่ บางผืนก็มีกลิ่นแมว กลิ่นหมาติดมาด้วย แต่พวกเราไม่สนใจ
เมื่อได้ผนังที่กั้นห้อง ต่อมาก็ต้องเป็นพื้นห้อง พวกผมจะใช้เบาะที่นอนวางทับกันประมาณ 2-3 ชั้น แล้วใช้ผ้าห่มเป็นผ้าปู มันจึงมีกลิ่นอับ แล้วหาไม้กระดานมาพาดไว้ตรงกลางเพราะว่า ส่วนมากที่นอนที่เขาเอามาทิ้งจะเกิดเป็นรูตรงกลางที่นอน เมื่อใช้ไม้กระดานมาวางไว้ตรงกลางก็จะทำให้คนนอนตรงกลาง หลังไม่ตกแอ่ง ทำให้นอนเสมอภาคกันมากขึ้น แค่นี้ก็สำเร็จแล้วสำหรับ ห้องนอน
ห้องนอนของพวกผมจะใช้นอนได้ประมาณสามคน จึงสลับกันนอนห้องนอนที่กั้นอย่างดี เป็นสัดส่วนเสมือนบ้านของพวกผม ใครมาที่หลังก็นอนที่เบาะข้างนอกไปก่อน จนกว่าคนที่นอนจะลุก แล้วมีคนเข้ามานอนแทนที ถึงจะมีกลิ่นอับบ้างมันก็คือบ้านของพวกผมครับ ก่อร่างสร้าง ประดิษฐ์เศษผ้าเท่าที่หามาได้ มาเป็นบ้านที่พวกผมปรารถนา บ้านคือวิมานของพวกผม
สำหรับเวลาฝนตกตกลงจะมีละอองฝนตกลงที่ผ้าห่มพวกผมกั่นไว้ จะส่งให้ผาผนังของผมส่งกลิ่นอับ มีบางครั้งที่ต้องรื้อเอาไปตากแดดให้แห้ง และป้องกันเชื้อราสีดำที่ติดผ้า แต่สำหรับในการซักอย่างหวังเลยว่าจะเอาทุกอย่างไปซักที่ไหน แค่พวกผมได้อาบน้ำทุกวันก็เป็นบุญนักหนาแล้ว
การเลือกทำเลที่จะสร้างเป็นบ้านของผมก็สำคัญมาก ตรงเลือกที่ไม่ใช่สถานที่ใกล้อุจจาระหรือปัสสาวะ ไม่อย่างนั้นจะต้องนอนดมขี้ไปตลอด เลือกอันดับแรก
อันดับที่สอง ต้องมีแสงแดดส่งลงมาถึงด้วยไม่อย่างนั้น ผ้าห่มที่เลือกมาจะขึ้นเชื้อรา เวลานอนต้องดมกับกลิ่นเชื้อรา สุดท้ายก็ต้องทิ้งบ้าน แล้วหาสถานที่ใหม่
อันดับสามพื้นดินต้องไม่แฉะตลอดเวลา ไม่มีน้ำเป็นแอ่งขัง ต้องดูพื้นดินแห้งบ้าง เพราะกลิ่นดินจะได้ไม่มีกลิ่นเหม็น แต่ถ้าดินแห้งทำให้นอนได้อย่างสบาย หรือบางครั้งก็ต้องหาผ้าพลาสติกมาปูที่รองที่ที่นอนก่อน ก่อนจะเอาที่ดินมาวางไว้
ผมสร้างบ้านเหมือนที่เด็ก เขาชอบเล่นสร้างบ้านกัน แต่สำหรับผมมันคือบ้านที่ผมต้องอยู่ ต้องนอน เพราะมันคือชีวิตจริง บ้านของผมจึงสร้างได้แค่นี้ เป็นเพียงที่ซุกหัวนอน ผมฝันเหมือนคนข้างถนนทุกคนที่อยากมีบ้าน จินตนาการสร้างได้ครับ แต่ชีวิตได้แค่นี้ไม่ต้องไปนอนที่โรงพัก กับสถานแรกรับ ถึงบ้านจะสวยแค่ไหน มีอาหารการกินพร้อมเสร็จ สิ่งที่ขาดคือเสรีภาพ
ถึงบ้านของผมจะแค่ที่ซุกหัวนอน ก่อนจะเข้าไปห้องนอนที่ต้องสลับเวียนกันนอนก็ต้องถอดรองเท้าไว้ด้านนอก เพราะทุกคนเข้าบ้านเข้าห้องนอนต้องล้างเท้าเช็คเท้าให้สะอาดก่อนที่จะล้มตัวลงนอน ผมก็เช่นเดียวกัน แม้ที่นอนจะเป็นผ้าที่คนอื่นเขาทิ้งแล้ว แต่มันคือ ที่นอนที่ทำให้ผมหลับอย่างสนิท และมันคือความภาคภูมิใจที่ผมสร้างมันขึ้นมาตามที่ผมจินตนาการ
บริเวณรอบบ้านของผมจะเต็มไปด้วยเศษพลาสติกที่มีทั้งคนขนมาทิ้ง และเศษขยะของผมที่กินแล้วก็ทิ้งออให้พ้นตัว มีเสื้อผ้าที่ฝนตกลงมาแล้วผมเก็บกันไม่มัน เปียกกันหมด เพราะไม่มีน้ำที่จะซัก บางครั้งก็ต้องปล่อยให้เสียหาย ผมเสียดายแทบตาย เพราะบางตัวยังใหม่อยู่เลย เพราะน้ำที่แห่งนี้แพงมาก ถ้าจะใช้น้ำกดราคาห้าบาทต้องเอาไว้กิน แต่จะเช่าห้องน้ำห้องส้วมก็ต้องเดือนละหนึ่งร้อยบาท อาบน้ำได้วันละหนึ่งครั้งเท่านั้น หิ้วน้ำมาได้เพียงหนึ่งถังเท่านั้น
ทุกอย่างที่เกิดจากการเสียหายก็ต้องทิ้งทั้งหมด
บ้านของผมถุงจะมีกลิ่นเหม็น กลิ่นอับ มันก็คือบ้าน ที่ผมสร้างมันมากกับมือ มันเป็นที่สุดของผมแล้ว ถึงจะไปไหนผมก็จะกลับมานอนที่บ้าน
บ้าน ก็คือ บ้าน