ใกล้ตาย... ถึงได้สิทธิของความเป็นคน
นางสาวทองพูล บัวศรี
ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก
สำหรับเคสนี้ให้นึกถึงตอนเด็กๆ จะมีครอบครัวอยู่หน้าวัด เด็กชอบล้อเลียนว่า “นางจันทร์หน้าวัด ปากก็จัดเหมือนนางตระไก เช้า-เย็น ไม่เคยเห็น พอโพล่ขึ้นมาเป็นฟืน เป็นไฟ ” สมัยเด็กจะได้ยินเด็กแถวบ้าน ล้อเลียนกันเป็นประจำ บางครั้งเรียนหนังสือที่วัด ต้องท่องอาขยานกลบเสียงด่าของนางเสมอ
พอมาทำงานพบครอบครัวนี้เมื่อปี 2556 เป็นต้นมา คุยกับยายใจ(นามสมมุติ) มีลูกทั้งหมดหกคน มีหลานทั้งหมด เจ็ดคน ลูกสาวสามคนของนางใจเคยอยู่สถานสงเคราะห์ทุกคน เพราะนางพาออกมาขอเงิน( ขายของที่สี่แยกอโศก ) เป็นครอบครัวที่ทั้งหน่วยงานภาครัฐและองค์กรเอกชนที่ลงงานภาคสนาม ไม่รู้จัก คือหน่วยงานนั้นไม่ได้ลงพื้นที่แน่นอน
ทุกหน่วยงานได้พยายามหาแนวทางช่วยเหลือกันมาอย่างต่อเนื่อง เดิมอยู่ที่บ้านสร้างขึ้นเองที่ซอยร่วมฤดี พร้อมกับเลี้ยงหมาไว้จำนวนมาก จนสุดท้ายต้องย้ายไปอยู่ที่ชุมชนพระประแดง คุณยายก็ต้องดูแลหลาน หลาน ที่ต้องเรียนหนังสือ
เรื่องการใช้คำพูด สำหรับคุณยายสรรหาคำพูดที่มาเสียดสีคนทำงานได้อย่างเจ็บปวดมาก หลานฉันมันง่วงนอน แล้วให้นอนแค่เอาแก้วมาตั้งไว้ที่ตรงหน้า ใครจะให้ก็ให้ ไม่ให้ก็ไม่ว่า ฉันขายลูกชิ้นอยู่ทุกคนก็เห็น แล้วฉันเอาเปรียบหลานฉันตรงไหน แค่นอนหลับแล้วเอาหมามาผูกไว้ใกล้ๆเท่านั้น หนักหัวหน่วยงานไหน ฉันทำอย่างนี้ผิดกฎหมายฉบับไหนหรือ.....” ฉันหาเลี้ยงหลานของฉันแบบนี้ เวลาอดใครเอามาให้กินบ้าง คนทำงานเอื้อมระอากับเคสนี้กันอย่างมาก และเรื่องร้องเรียนกับเคสนี้มีอย่างสม่ำเสมอทุกหน่วยงานโดนร้องเรียนกันหมด ว่าปล่อยเคสนี้ได้อย่างไร
เมื่อสองปีที่แล้วโด่งดังกันมากบนโซเซียล เรื่องเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนอนคู่กับหมาน้อย แล้วมีแก้วตั้งอยู่ มีคอมเมนต์เรื่องเหล่านี้ประมาณ ห้าถึงหกพันคอมเมนต์ได้ สรรเสริญบางหน่วยงาน ด่าบางหน่วยงาน จนคนทำงานถอยกันเป็นแถว
สำหรับครูเองค่อยๆ รุกคืบที่ละเรื่อง คุยกับลูกสาวคนเล็ก พร้อมหลานสาวตัวน้อยสามคน ซึ่งได้พูดถึงเรื่องการศึกษา หลานทั้งหมดเจ็ดคน จนรู้ว่าได้เรียนหนังสือ โดยเฉพาะหลานคนโตในต้นปีซึ่งจะจบ ชั้นประถมศึกษาปีที่หก แต่ปัจจุบันไปอยู่กับแฟน เป็นเหตุที่ทำให้คุณยายใจ เสียใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังห่วงหลานคนอื่นที่เรียงลำดับเป็นนิ้วมืออีกหกคน ยายกลัวหลานอดมากเพราะอยู่ในช่วงกำลังกินกำลังนอน
ลูกสาวสองคนถึงมีสามีแต่ก็วัยรุ่นด้วยกันทั้งหมด บางครั้งการทะเลาะกันก็เป็นเสียงดนตรีประจำบ้าน ห่วงแต่เด็กๆ ที่เกิดมาบนเสียงด่า เสียงทะเลาะกัน แต่คุณยายก็จะไม่ให้หน่วยงานไหนเข้าใกล้หลาน หลานของแก แกทำงานทุกอย่างขายลูกชิ้น ขายน้ำมะพร้าว ขายน้ำดื่ม จะเลิกดึกแค่ไหน แกจะหอบหิ้วหลานของแกกลับบ้าน
จนเมื่อสิ้นปี 2560 วันที่ 31 ธันวาคม 2560 แกไม่ได้กลับบ้านที่พระประแดง มาประมาณ 5 คืน แกขายของทั้งวันทั้งคืนเพราะเป็นช่วงสิ้นปีเก่า ขึ้นปีใหม่ทั้งนักท่องเที่ยวมากันเยอะ แต่งานนี้แกไม่ให้หลานของแกออกมาสักคนเดียว เพราะรู้ว่าหน่วยงานทุกหน่วยงานออกพื้นที่ และหน่วยงานที่มีหน้ากวาดจับก็ออกทำงานในช่วงนั้น แกพักผ่อนไม่พอ
ในช่วงเวลา เที่ยงคืนของวันสิ้นปี คุณยายเกิดล้มที่หน้าปากซอยสุขุมวิท 19 ลูกๆ ยังไม่ได้มา มีคิวมอเตอร์ไซด์ที่หน้าห้างโรบินสัน ตระโกนเรียกแท็กซี่พร้อมกับโทรตามลูก ซึ่งก็มีน้องเมย์ (นามสมมุติ)กำลังเดินตามหาแม่ว่าขายของอยู่ตรงไหน รถติดมากสุดท้ายต้องพายายหิ้วห้ามข้ามฝั่งมานั่งสามล้อ มายังโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งความจริงก็ไกลพอสมควร เพราะไปโรงพยาบาลอื่นก็นานเกินไป
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลตำรวจ คุณหมอบอกว่า คุณยายหยุดหายใจไปกว่า เจ็ดนาทีแล้ว แต่คุณหมอขอการใช้ปั้มหัวใจของคุณยายนะ คุณหมอจะพยายามอย่างสุดความสามารถ คืนนั้นน้องเมย์บอกว่า ความเป็นความตายอยู่ตรงหน้า ตัดสินใจไม่ถูกเลยว่าจะเอาอย่างไร เพราะสิ่งที่คุณหมอดำเนินทั้งหมดก็คือการใช้เงิน แต่จะปล่อยให้แม่ตายแบบนี้ ยังไม่ได้ทันสู้กันเลยก็จะปล่อยแล้วหรือ น้องเมย์เล่าทั้งน้ำตา สิ่งที่เป็นกังวลก็คือแม่เคยมีบัตรประชาชนแต่ถูกสวมสิทธิไปแล้ว พยายามจะทำบัตรอีกหลายครั้งก็ดำเนินการไม่ได้ เป็นกังวลของลูก
ถึงเวลานี้สู้กันให้ถึงที่สุด น้องเมย์ตัดสินใจให้คุณหมอปั้มหัวใจ ฝ่ายการเงินก็มาเลยมาว่าต้องใช้เงินอะไรบ้าง จนคุณหมอดุเสียงดังว่าให้ดูแลคนไข้ให้ดีที่สุด เรื่องสิทธิการรักษาพยาบาลคนเป็นลูกต้องดำเนินการ ขอให้วันราชการเปิดก่อน อย่างอื่นตอนนี้ช่วยกันก่อน ปลอบใจลูกให้เขาสู้กับแม่ของเขา
ช่วงเวลาสามวันนั้นลูกๆ บางคนเดินทางไปศรีสะเกษเพื่อตามสิทธิของแม่ทางอำเภอก็ปิดดำเนินการไม่ได้ ตามไปถึงบ้านที่คนที่สวมสิทธิ อธิบายถึงความเป็น ความตาย เขาก็ยังเฉยเมิน ตามไปถึงบ้านกำนันมีการรื้อเอกสารว่าเคยทำบัตรประชาชนตั้งแต่ ปี 2519 ยังมีรูปถ่ายอยู่เป็นรูปหน้าของแม่ ได้แค่ใบถ่ายเอกสารมา ลูกอีกคนรื้อเอกสารทั้งหมดของแม่พบใบเกิดแบบขาดแล้วขาดอีก กับบัตรประชาชนก่อนที่จะถูกสวมสิทธิ
นำเอกสารทั้งหมดใบเกิดของคุณยายระบุเพียงแต่เกิดปี 2500 เท่านั้นไม่มี วัน เดือน ระบุแค่ปี พ.ศ. เท่านั้น และได้ใบถ่ายเอกสารบัตรประชาชน ที่มีรูปถ่ายของแม่ตอนเป็นสาว ยังใช้นางสาวอยู่ เพราะหลังจากทำบัตรประชาชนแล้ว ก็มาทำงานที่กรุงเทพ เร่ร่อนไปเรื่อยๆ จนมามีลูก และจะกลับไปทำบัตรประชาชน แต่มีเหตุการณ์หลายเรื่องเกิดขึ้นผู้ใหญ่บ้านคนเก่าบอกว่าไม่รู้จักคนนี้ และไม่เคยมีบัตรมาก่อนถึงจะเอาบัตรเก่าไปยืนยัน บอกว่ามีคนทำบัตรไปเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่นั้นมากว่าสามสิบปีแม่ก็ไม่เคยกลับไปที่ศรีสะเกษอีกเลย
แต่โชคดีมากที่สำเนาทะเบียนบ้านได้ระบุชื่อแม่พร้อมทั้งชื่อของ ตา-ยาย ถึงแม้ตาย-ยายเสียหมดแล้วแต่ทะเบียนบ้านยังถูกเก็บไว้ที่อำเภอ
จึงมีการปรึกษากันระหว่างนิติกรของโรงพยาบาลตำรวจ นักสังคมสงเคราะห์ของโงพยาบาล และลูกอีกห้าคนที่ตามมาได้เพราะทุกคนมีใบเกิดและมีบัตรประชาชน มีแม่ชื่อนางใจ คนนี้
ทางนิติกรของโรงพยาบาล ส่งรูปถ่ายของคุณยายใจ ไปยังอำเภอ พร้อมเอกสารทุกอย่างที่มี ว่าคนนี้เป็นคนที่อยู่ในอำเภอของท่าน แต่ทำไม ทำบัตรประชาชนกันไม่ได้ สิทธิการรักษาพยาบาล ซึ่งป่วยมากโอกาสฟื้นมีเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก และในขณะนี้เคสนี้มีเอกสารการยืนยันตัวตน เพราะทางโรงพยาบาลประสานงานกับทางกระทรวงมหาดไทยแล้ว และได้รูปภาพ คนที่มาใช้บัตรประชาชนคนนี้ ซึ่งรูปร่างไม่เหมือนกันเลย คนละคนกันทางอำเภอปล่อยได้อย่างไร
ทางอำเภอมีการตรวจสอบสิทธิกันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งทางนายอำเภอขอยอมรับผิดว่ามีการสวมบัตรประชาชนเกิดขึ้นทันที จึงมีการคืนสิทธิทั้งหมดให้กับคุณยายใจ
สำหรับค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นเป็นหลักแสน ลูกไม่ต้องห่วงแล้วแล้ว ใช้กรณีฉุกเฉิน 72 ชั่วโมง ที่ครอบคลุมในการรักษาทั้งหมด และในขณะนี้มีสิทธิในการเลือกรักษาที่โรงพยาบาลตามสิทธิรักษา 30 บาท ถึงแม้สิทธิจะอยู่ที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ แต่ครอบครัวนี้ก็พาคุณยายกลับไปไม่ได้ เพราะสภาพร่างกายที่ต้องฟื้นฟูกันอีกยาวค่ะ
สำหรับเรื่องบัตรประชาชน ตอนนี้แค่ให้คุณยายหายป่วย เดินได้ก็จะกลับไปที่อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อเป็นคนไทยอย่างสมบูรณ์
งานนี้กว่าจะได้บัตรประชาชน แสดงว่าเป็นคนไทยอย่างคนอื่น ก็ต้องแลกมาด้วยความเจ็บป่วยที่แสนสาหัสเหมือนกัน คุณยายบอกว่า “ทุกอย่างไม่มีอะไรฟรี บนโลกใบนี้ ได้อย่างหนึ่ง ก็ต้องเสียอย่างหนึ่ง เป็นกรรมของคนโดยแท้” เสียงด่าประจำสี่แยกอโศกเงียบไป
ตอนนี้มีลูกสาวคนที่สองของคุณยายใจ ใช้วิธีการเดียวกันเลยกับทุกคนที่เขาไปถามไถ่ จะให้ก็ให้ อย่ามาถามมากได้ไหม คนกำลังทำมาหากิน เอาหลานคนเล็กกับหมามานอนแบบเดียวกันเลย แต่เขียนว่าช่วยเด็กน้อย เพื่อเอาเงินไปรักษายายที่ป่วย