...แต่โอกาสนั้นมาไม่ถึง...และ...ไม่มีโอกาสถึงอีกแล้ว...
คำพูดของ”ฟ้า”สะท้อนถึงความหวังอันสูงสุดของชีวิต
“... เช้าของวันพุธที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๐ ครูบุ๋มได้รับข่าวร้ายว่า”ฟ้า”เสียชีวิตแล้วด้วยโรคไตวายเรื้อรัง ครูรู้สึกเสียใจกับการจากไปของฟ้า...เพียงแต่...ฟ้าจะมีโอกาสได้รับการรักษาภาวะไตวายอย่างถูกวิธีจากโรงพยาบาลรัฐ ชีวิตของฟ้าก็คงไม่ปิดฉากลงที่อายุเพียงน้อยนิด ครูขอให้ฟ้าไปสู่สุขคติ...”
“ฟ้า”อายุเพียง ๓๙ ปี เธออาศัยอยู่ในชุมชนหลังวัดเทพลีลา เธอดำรงชีพด้วยการเก็บศษขยะตามถังขยะ นำมาคัดแยกแล้วไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่าโดยมีรถมอเตอร์ไซด์พ่วงท้ายเป็นพาหนะ เธอมีโรคประจำตัวหลายโรค...โรคไต...โรคเบาหวาน...โรคหัวใจ...คอยรบกวนร่างกายเธอตลอดเวลา เนื่องเพราะแม่ของเธอไม่ได้แจ้งเกิดยามที่เธอลืมตาออกมาดูโลก ทำให้เธอหมดสิทธิหมดโอกาส...เรียน...กิน...อยู่...แม้กระทั่ง...สิทธิในการรักษาโรคร้ายที่กำลังคุกคามเธออยู่...
“ฟ้า”เจ็บป่วยด้วยสารพัดโรค แต่เงินประทังชีวิตวันๆก็ต้องหาเก็บจากถังขยะ ยามปวดเจ็บร่างกายก็ไปซื้อยาชุดจากร้านขายยาทั่วไปเพราะไม่แพงเกินไปพอซื้อได้ แต่ในที่สุดร่างกายเธอก็ทรุดหนัก ยาชุดเอาไม่อยู่ ร่างกายเรียกร้องให้เธอต้องไปโรงพยาบาล
แต่”ฟ้า”จะทำอย่างไรดีนะ ในเมื่อเธอไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน เธอจึงนำบัตรประจำตัวประชาชนของแม่ซึ่งต้องขังอยู่ในเรือนจำมาแสดงว่า...มีตัวตน...มีสิทธิรักษา...มีสิทธิได้รับสวัสดิการจากรัฐ จะได้บรรเทาความเจ็บป่วยของเธอลงได้
โรงพยาบาลตรวจพบว่าบัตรใบนั้นไม่ใช่ของ”ฟ้า” นักสังคมสังเคราะห์ของโรงพยาบาลจึงประสานขอความช่วยเหลือมายัง”สถานีสัญชาติ มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก” เพื่อทำการช่วยเหลือให้เธอมีสถานะบุคคล
ครูบุ๋มจึงดำเนินการช่วยเหลือสืบค้นประวัติ จนกระทั่งถึงขั้นตอนการตรวจDNAของ”ฟ้า”และของแม่ซึ่งกำลังต้องขังอยู่ในเรือนจำ ผลออกมาทั้งสองมีDNA ตรงกัน เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่สามารถนำมาใช้เพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎร์ให้เธอได้
...”ฟ้า”จะมีบัตรประชาชนแล้ว...สามารถใช้สิทธิรักษากับหมอใหญ่ในโรงพยาบาลได้แล้ว...ฝันอันสูงสุดของ”ฟ้า”จะเป็นจริงแล้วซินะ...
...แต่...อนิจจา...โอกาสนั้นมาไม่ถึง...และไม่มีโอกาสถึงฝันนั้นแล้ว...ฟ้า...
เล่าโดย “ครูบุ๋ม”