การบริหารจัดการ เด็กที่ติดโควิด-19(เด็กเร่ร่อน/เด็กลูกกรรมก่อสร้าง ตอนที่ 4 ) ทีมงานต้องกลายเป็นหมอเถื่อน
นางสาวทองพูล บัวศรี(ครูจิ๋ว)
ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก
เมื่อมีการระบาดของโควิด-19 แบบเอาไม่อยู่ ทีมงานครเองก็ไม่คาดว่าจะระบาดแบบรวดเร็วกลุ่มคนที่ด้อยโอกาส แบบไม่มีทางเลือก ตั้งแต่สลัมคลองเตย ลามมาถึงกลุ่มคนใช้แรงงานในแหล่งก่อสร้างจนรัฐบาลต้องมี ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558 (ฉบับที่ 25) ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2564 เน้นไปที่
ข้อ 2 การควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานก่อสร้างเขตพื้นที่กรุงเทพทหานครและปริมณฑล เพื่อควบคุมโรคและป้องกันการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการอาชีพแรงานก่อสร้างซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงและพบการระบาดแบบกลุ่มก้อน ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดปริมณฑล อาศัยอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ พิจารณามีคำสั่งปิดสถานที่ก่อสร้าง ดัดแปลงหรือรื้อถอนอาคาร หรือพื้นที่ดำเนินการการก่อสร้าง และห้ามการเดินทางและเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงาน เป็นการชั่วคราวอย่างน้อยสามสิบวัน
.ให้พนักงานเจ้าหน้าที่โดยการสนับสนุนกำลังจากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง เข้าดำเนินการตรวจตราและกำหนดเงื่อนไขจำกัดการเดินทางเข้าออกสถานที่พักการตั้งจุดตรวจและสกัดการเดินทางออกนอกเขตพื้นที่ การสั่งให้ปรับปรุงสุขาภิบาลของสถานที่พัก และตรวจสอบการดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการควบคุมโรค หลักเกณฑ์ จัดทำทะเบียนและแนวปฏิบัติที่ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศปก.ศบค) ร่วมกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กรุเทพมหานคร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดต่อไป
พนักงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร จังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจพิจารณาดำเนินการร่วมกับผู้ประกอบการหรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเพื่อเข้าจัดการสถานที่พักอาศัยชั่วคราวที่มีคำสั่งปิด เพื่อใช้เป็นสถานที่กักกัน สถานพยาบาล โรงพยาบาลสนามชั่วคราว หรือเพื่อประโยชน์ต่อการควบคุมโรคได้ตามความเหมาะสมภายใต้การกำกับของกระทรวงสาธารณสุข
ให้หน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่รัฐที่รับผิดชอบประสานงานกับผู้ประกอบการหรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเพื่อให้ความช่วยเหลือหรือดำเนินการอื่นใดที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มผู้ประกอบอาชีพแรงงานก่อสร้างตามวรรคหนึ่งตามความเหมาะสม
คำสั่งข้างต้นมีข้อปฏิบัติอีกมากมาย แต่บทความครั้งนี้เน้นเฉพาะไปที่ เกี่ยวกับแรงงานก่อสร้าง มีการลงประกาศเมื่อ วันที่ 26 มิถุนายน 2564 และใช้ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2564 มีการบอกกล่าวล่วง สิ่งที่เกิดขึ้น
(1) ได้เห็นภาพการเคลื่อนย้ายของคนงานก่อสร้าที่เป็นคนไทย ส่วนใหญ่เก็บข้าวของใส่รถกะบะกลับบ้านต่างจังหวัด พร้อมพาโรคโควิด-19 ที่อยู่ในระหว่างการฟักตัว เมื่อถึงบ้าน ก็เจ็บป่วย พร้อมมีการแพร่ระบาดตามจังหวัดต่างๆ ตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 สูงขึ้นมาก ทำให้ทุกจัหวัดต้องมีการฝ้าระวัง มีโรงสนามเกิดขึ้น ตลอดมีการกักตัวเกิดขึ้น คนป่วยที่มีเชื้อลงปอดกับการตายก็เพิ่มเป็นประวัติการณ์ การรักษาตัวที่โรงพยาบาล คนป่วยหนักที่ต้องใช้การใส่ท่อจนไม่มีเตียงในโรงพยาบาล จึงได้เห็นคนตายในบ้านเป็นจำนวนมาก
ภาพคนงานก่อสร้างที่เป็นชาวกัมพูชา ที่ถูกกฎหมาย/และกลุ่มที่ผิดกฎหมาย ต่างทยอยกันกลับไปประเทศต้นทาง ด่านทุกด่านปิดหมด
ภาพคนพม่าที่เหมารถตู้ไปส่งชายแดนที่แม่สอด เดินข้ามสะพานกลับไปประเทศพม่า มีจำนวนมากเป็นหลักแสน ที่กลับประเทศของต้นเอง งานก่อสร้างทุกแห่งยุติการก่อสร้างชั่วคราวทั้งประเทศ เป็นการยุติการก่อสร้างชั่วคราวจริง แหล่งก่อสร้างเปรียบเสมือนเมื่องร้างกันไปเลย
(2) สำหรับคนงานก่อสร้างส่วนใหญ่ที่อยู่ในแคมป์ก่อสร้าง ส่วนมากเป็นคนงานก่อสร้างที่เป็นคนต่างด้าว และเข้าเมืองมาอย่างผิดกฎหมาย ไม่ได้มีสิทธิประกันสังคม
เสียงทักท้วงมีจำนวนมากในการปิดแคมป์ก่อสร้างในครั้งนี้ เพราะว่าแหล่ก่อสร้างทุกแห่งไม่ได้ติดโควิด-19 แต่กระทรวงแรงงานก็ยืนยันวา ต้องปิด และจะดูแลทุกคนทุกแคมป์คนงานก่อสร้างทุกแห่ง ไม่ให้มีใครอดตายอย่างเด็ดขาด
เมื่อทุกอย่างต้องหยุดชะงักงันในแคมป์คนงานก่อสร้างเกิดขึ้น เมื่อไม่ได้ทำงานก็ไม่มีเงิน งานนี้เกิดความอดยากกันเกือบทุกแคมป์ นโยบายที่เป็นสิ่งลอยลมหรือสัญญาที่หาตัวตนไม่ได้ งานนี้ผู้รับเหมาที่หนีกลับบ้านไปแล้ว ก็ปล่อยลูกน้องตามยถากรรมกันเลย
สิ่งที่ทางโรงเรียนเด็กก่อสร้างเคลื่อนที่ ดำเนินการ
1.ประสานงานกับบริษัทก่อสร้าง/ผู้รับเหมาก่อสร้าง ที่พวกเราทำงานอยู่ ว่าต้องการความช่วยเหลืออะไรบ้าง แต่ทางโรงเรียนฯมีความเป็นห่วง ครอบครัวที่มีเด็กมาอยู่ด้วย เพราะเวลาเจ้าของโครงการหรือผู้รับเหมา ให้ข้าวกล่อง ก็ให้เฉพาะ คนงานก่อสร้างเท่านั้น ลูกเมีย พ่อหรือแม่ ที่มาอาศัยในแคมป์งานถือว่าเป็นความรับผิดชอบของครอบครัว
-กรณีเด็ก/เมีย/พ่อ/แม่/คนพิการ/คนป่วย งานนี้กลายเป็นภาระทันทีของครอบครัว สำหรับโรงเรียนฯคิดว่าต้องประคองครอบครัวเหล่านี้ก่อน จึงให้ผู้รับเหมาก่อสร้างสำรวจข้อมูลพื้นฐานให้ก่อนเป็นอันดับแรก
2.ทางทีมงานเริ่มลงมือในการทำงานประสานหาสิ่งของจากเครือข่าย โดยมีการจัดถุงยังชีพ แบบ 3 รูปแบบด้วยกัน
-รูปแบบที่ 1 แบบ ครอบครัวจัดเต็ม ด้วยข้าวสาร 5 กิโลกรัม/เส้นมะหมี่จำนวน 10 ซอง(เป็นห่อ ห่อละ 10ซอง)/น้ำมัน 1 ขวด/ นำปลา 1 ขวด/นม 1 แพ็ค/ปลากระป๋อง 1 แพ็ค (10 กระป๋อง) หน้ากากอนามัย 1 กล่อง ให้ครอบครัวที่มีลูก 2-3 คน อยู่ได้ประมาณ 2 สัปดาห์
รูปแบบที่ 2 แบบรายบุคคล ข้าวสาร 2 กิโลกรัม /เส้นมะหมี่ 5 ซอง/ปลากระป๋อง 3 กระป๋อง/นม 1 แพ๊ค/ขนมปี๊ป 3 ขีด/หน้ากากอนามัย 5-10 ชิ้น (มีทั้งหน้ากากผ้า/หน้ากอกอนามัย)น้ำเปล่า 1-2 ขวด อยู่ได้ประมาณ 1 สัปดาห์
รูปแบบที่ 3 เป็นกลุ่มคนไร้บ้าน/ เน้นเป็นบะหมี่ ที่เป็นกล่อง1 กล่องแบบซองอีก จำนวน 5 ซอง/นม 1 แพ๊ค/น้ำเปล่า 2 ขวด/ขนม 1 ถุง (แล้วแต่ที่จะหาได้ แต่สิ่งที่ชอบมากคือ ขาไก่/ขนมปังใส้สัปรด)หน้ากากอนามัย
รูปแบบที่ 4 คือยาฟ้าทะลายโจร /ยาแก้ไอ/ยาพาราเซทตามอล (แล้วแต่แคมป์คนก่อสร้างที่ติด งานนี้เป็นหมอเถื่อนแบบเต็มตัว)
แล้วกระจายจ่ายแจกไปตามพื้นที่ต่าง จำนวนกว่า 30 พื้นที่ด้วยกัน แบบทุกบริษัทมารับกันที่มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก
3.ในกรณีที่ทางโรงเรียนเด็กก่อสร้างลงพื้นที่ไปดำเนินการเอง ช่วงครั้งแรกที่พอลงได้บ้าง คือ แคมป์คนงานก่อสร้าง หมู่บ้านแรน แคนนอล โดยมีทหารเข้าประจำการที่แคมป์คนงานก่อสร้าง แบบสลับ ปรับ กันลงมาพื้นที่แบบเต็มเลย
-ทางโรงเรียนเด็กก่อสร้างเคลื่อนที่ จัดจัดถุงยังชีพ จำนวน 60 ชุด พร้อมไปประสานงานกับทหารที่หน้าแคมป์ เป็นการต่อรองที่ ทางทีมงานต้องการให้ทหารเปิดโอกาสให้ครอบครัวก่อสร้างที่มีเด็กออกมารับข้าวสาร พร้อมมีโอกาสได้พูดคุย ถามสารทุกข์สุขดิบ
-เป็นไปดังคาดว่ามีเด็กจำนวนหนึ่ง มีเริ่มติดโควิด-19 แต่ทางบริษัทปิดเงียบ ครูรู้เลยต้องมีการส่งยาฟ้าทะลายโจร ยาแก้ไอ ยาพาราเซทตามอล และพวกขิง กระชาย ใบมะกรูด ที่หามาได้ ประคับประคอง รักษาตัวกันในแคมป์คนงาน
ต้องขอขอบคุณ ทางคุณแตน /คุณจุ๊ ที่ซื้อยากันมาให้ ได้ให้ครูเป็นหมอสมใจนึก ที่ออกรักษาผู้ป่วย จนหายดี แบบลูกทุ่ง ที่ยุติเชื้อ และมีการตรวจด้วย ATK จนหายกันทุกคน
แต่เป็นช่วงที่ทั้งทีมงานของกังวล/เครียด แต่ขึ้นอยู่กับการจัดการ