โควิด-19 เด็กเร่ร่อน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง (ตอนที่ 5 คนไร้บ้าน ถนนพระปิ่นเกล้า/บางกอกน้อย)
นางสาวทองพูล บัวศรี
ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก
เมื่อทั้ง 2 โครงการปรับงานแล้วลุยงานให้เป็นเนื้อนาอันเดียวกัน เพียงตอนเช้าลงแหล่งก่อสร้าง บ่ายจนถึงเย็นลงพื้นที่ครูข้างถนน ซึ่งจุดเน้น พื้นดั่งเดิมที่ครูลงเป็นประจำ เพื่อให้เด็กและครอบครัวเด็กอยู่ให้ได้ กับ การลงพื้นที่ใหม่ คิดว่าพบเด็กเร่ร่อน/คนไร้บ้าน ที่กระจายเป็นผึ้งแตกรัง
เมื่อทางโครงการลงพื้นที่แหล่งก่อสร้างของบริษัทชิโนทัย ที่ตั้งอยู่วัดเขมา และถนนพระรามห้า ทุกครั้งหลังรถกะบะ (ขอเปลี่ยนรถโรงเรียนเด็กก่อสร้างเคลื่อนที่ เพราะรถหนักมาก จะใช้น้ำมันเยอะ และด้านหลังบรรทุกสิ่งของไม่พอ) จะมีสิ่งของที่มอบให้กับครอบครัว ที่มีลูก/ผู้สูงอายุ/ผู้ป่วยติดเตียง และคนพิการที่มีอยู่ในครอบครัว
และสิ่งของถุงยังชีพ ที่เลี้ยงชีพคนเดียว ส่วนมากเป็นคนไร้บ้าน
ครูซิ้ม กับผู้ช่วยครูรักษ์ยิ้ม บ่ายนี้ครูขอลงพื้นที่ ถนนพระปิ่นเกล้า/บางกอกน้อย
ครูบอกเส้นทางได้ไหม ได้ เพราะทีมเราสามคนมีปัญหาเรื่องเส้นทาง จำทางไม่ค่อยได้
สำหรับครู คือ อาศัย เส้นทางตามทางรถเมล์กับรถแท๊กซี่ จึงผิดบ้าง-ถูกบ้าง แต่ก็ถึงจนได้
สำหรับเส้นทางนี้ มาจำนวน 3 ครั้ง พบคนไร้บ้านจำนวน 65 คน มีเด็กเร่ร่อน จำนวน 10 คน ซึ่งสำหรับครูถือว่าเยอะมาก เพราะถนนเส้นทางที่หลบภัย มีน้อยมาก เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เปิด คือมีเฉพาะป้ายรถเมล์
เส้นทางเมื่ออกจากแหล่งก่อสร้าง ถนนเส้นที่ 1 คือถนน บางซื่อ ทะลุออกไปทางเส้นทางถนน จรัลสนิทวงศ์ ได้พบกรณีศึกษาคนแรก ที่ตลาด มีตัวอักษรที่ เขียนว่า “ผมเป็นเอดส์” ต้องการความช่วยเหลือ ครูนั่งยองๆ ว่าเป็นเอดส์จริงไหม
ครูแนะนำว่า ถ้าไม่ได้เป็นเอดส์ อย่าเอาข้อความเหล่านี้มาโชว์ความสงสาร เพราะทุกคนจะกลัว ไม่มีใครให้ เพราะเป็นโรคที่น่ากลัว ของคนทั่วไปที่เห็น
ครูพูดต่อ มี”ถุงยังชีพ มีมาม่า/ขนม/น้ำ /นม รับไหมค่ะ
เขาขอเพิ่มอีก 1 ชุด เพื่อไปให้ลูกสาว (ที่บ้านเช่า)
ครูเดินต่อมาอีกประมาณ 3 เมตรด้วยกัน เจอหญิงสาวที่มีปัญหาสุขภาพจิตแน่นอน เพราะเห็นครูแล้วเดินเข้ามาให้ รับถุงยังชีพ เลือกน้ำ 1 ขวด แล้วบอกให้ครูไปเรียกเพื่อนให้รับถุงยังชีพไว้ด้วย
ครูก็เดินตามไป ที่ผู้หญิงคนนั้นบอก อาศัยอยู่ที่ต่อมอ พร้อมส่งชุดยังชีพให้เพิ่มอีก 1 ชุด เขายกมือไหว้พร้อม พูดว่า “เจริญ เจริญ เถอะ พระคุ้มครอง”
เส้นทางที่สอง วิ่งตรงไปถนนจรัสสนิทวงศ์ แวะเขาสี่แยกพระปิ่นเกล้า ผ่านตึกร้างมากมาย สิ่งที่ ตรงหัวมุมถนน มีเด็กผู้ชายนอนอยู่บนโต๊ะที่นั่ง ตรงสวนหย่อมของสวนสาธารณะ สิ่งที่พบ คือมีเสื้อผ้า ของเขาตากแดดอยู่บน พุ่มไม้เต็มไปหมด ซึ่งแสดงว่าเขาเหล่านั้นเพิ่งไปอาบน้ำ แล้วกลับมาหลบแดด นอนหลับที่โต๊ะตัวนี้อยู่ ข้างที่นอนมีรองเท้าแตะที่ผูกกับขาโต๊ะที่นอน พร้อมมีน้ำ 1 ขวด ครูเข้าไปเรียกแบบปะชิดตัว ตระโกนดังมาก เด็กหนุ่มถึงจะตื่น ครูพร้อมกับยกถุงยังชีพให้ เขาเปิดทันที่สิ่งแรกที่หยิบ แกะห่อนมก่อนเลย พร้อมขนม นั่งกิน แล้วตระโกน “ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ผมกำลังหิว ดื่มน้ำไปค่อนขวดแล้ว ขอบคุณครับ “
ครูซิ้มขับรถผ่านถนนพระปิ่นเกล้า ที่เป็นตึกร้าง เห็น 2 คน นอนหน้าตึกร้าง ครูบอกว่าจอดรถให้ครู พร้อมกับผู้ช่วยครูรักษ์ยิ้ม หิ้วของไปให้ 2 ชุด สำหรับครูจะวุ่นวายที่ต้องปิดหน้ากากอนามัย พร้อมต้องใส่ถุงมือด้วย ถ้าใส่ไว้ตลอดก็จะเกิดเหงื่อ เต็มถุงมือ เมื่อแกะออกมาก็จะคันในอุ้งมื้อเป็นอย่างมาก จึงต้องเปลี่ยนถุงบ่อยมาก เพื่อแตกมื้อให้แห้งพร้อมกับใช้เจล/แอลกฮอล ล้างมือตลอดเวลา
ดีที่ครูยอมที่จะซื้อเจลว่านหางจระเข้มาผสมเอง จะช่วยมือนิ่มไม่แพ้แอลกฮอล์อย่างเดียว การดูแลตนเองของครูก็ต้องดูแล อยากจะช่วยคนอื่นก็ต้องช่วยด้วยเหมือนกัน
ลงมาพร้อมถุงมือ หมวกปิดหน้า ปิดผม และใส่แมสปิดปากอีกครั้ง แต่ก็ต้องคุยว่าทำไหมมาอยู่ตรงนี้ เขาทั้ง 2 คน บอกว่าตกงาน ไม่มีงาน ไม่มีเงิน เก็บขวดเก็บขยะขาย แต่ไม่พอ เมื่อคืนตระเวนไป ได้ขวดมา 20 กว่าใบ กับกระดาษที่พวกฉันเอามาปูนอน “ขอบคุณนะ ขอบคุณนะ ที่แบ่งปันให้พวกเรา “
เส้นทางที่ สาม บอกครูซิ้มว่า ไปทางเข้าวัดกัลยณมิตร มีกลุ่มคนไร้บ้านมาอาศัยนอนศาลาที่ติดน้ำ เป็นไปดังคาดหมาย พบกลุ่มคนไร้บ้าน 5 คน ที่นอนอยู่ พร้อมก่อนที่จะเข้าพบคนพิการ 2 คน บอกว่าขอแบ่งปันอาหาร เพราะเป็นคนที่อยู่ในชุมชนที่ข้างวัด
เส้นที่สี่ เป็นที่จะไปบางแค ที่เริ่มต้นด้วยจรัสสนิท 32 พอรถกะบะที่ครูซิ้มขับ พวกเราก็พบคนไร้บ้านที่อาศัยนอนตามป้ายรถเมล์จำนวนมาก แต่ครูก็กระโดดลงจากรถ มอบถุงยังชีพที่หามาจากเครือข่ายกัลยาณมิตร ซึ่งมีทั้งเพื่อนฝูงที่รู้ว่าครูลงงานในภาคสนามจริงๆ แล้วก็ทำแบบทุ่มเท และสิ่งสำคัญ คือเครือข่ายในการทำงานที่ระดมสิ่งของให้ครูได้มีโอกาสทำงาน ตลอดจนเพื่อนทาง FC ที่ระดมสิ่งของ เพราะส่วนมากครูของระดมสิ่งของมาให้ครูได้ทำงานเลย ขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาสครูพวกทีมงานได้ทำงาน
ส่วนมากที่พบ เป็นกลุ่มคนไร้บ้าน และเป็นผู้ชาย จนมาพบกับกลุ่มคน กลุ่มหนึ่งประมาณ 8 คน ที่นั่งกันอยู่ที่ป้ายรถเมล์ ครูเองก็ลงหิ้วของไปมอบ
แต่เริ่มต้นด้วยคำพูดว่าทำไหมมานั่งกันตรงนี้เยอะมาก
พวกผมมาอาศัยนอน ที่ศูนย์กำจัดขยะ บางกอกน้อย
ข้างหน้าที่ มีขยะให้พวกผมคัดแยก
แต่ต้องทำงานในช่วงกลางคืน ทำเสร็จแล้วตอนเช้าก็เอาไปขายที่โรงงานรับซื้อขยะ
แต่สามวันนี้ ทางศูนย์กำจัดขยะไม่ให้พวกผมเข้าไปเก็บ
จึงมานั่งคอย ว่าเขาจะเปิดเมื่อไร.....
พวกผมมีกว่า 20 คน แต่ครูมีถุงยังชีพอยู่ประมาณ 10 กว่าชุดเท่านั้น
ครูครับ แบ่งให้แต่ละคนเลยครับ ทุกคนจะได้มีกินในวันนี้แบบเท่าเที่ยม
งานนี้ครู ให้ครูซิ้มขับรถไปด้านหน้าไกลก่อน แล้วครูจัดการแบ่งถุงยังชีพให้ได้กว่า 25 ถุง คือนมคนละ 3 กล่อง ขนมคนละ 2 ชิ้น มาม่าคนละ 2 ซอง น้ำดื่มเราได้ทุกคน เพราะครูเอาไปเผื่อไว้ในรถ แล้วให้ครูซิ้ม กลับรถอีกครั้ง
ขับรถมาจอดที่พวกเขาเหล่านั้นนั่งอยู่ แล้วใส่หน้ากากผ้าไป ถุงละ 1 ชิ้น แต่ไม่พอ แต่ถุงอาหารได้ครบทุกคน
ครูชัดเจนว่ากินให้อิ่มท้องไปก่อน
มีคุณผู้ชายคนหนึ่งว่า “ผมต้องการหน้ากากอนามัย เพราะมันแพงมาก ผมจะได้เข้าไปขออาหารกล่องที่สนามหลวงบ้าง ไม่มีหน้ากากไม่มีเจล คือพวกผม “อด”
แล้วคนเหล่านี้ก็มารุมล้อมรถกะบะของ พวกเรา
ให้ดูเลยว่าไม่มีอะไรเลย และไม่เลยอะไรที่จะแบ่งปัน
ตลอดทางการกลับมาที่ทำงาน งานนี้ครูต้องระดม “หน้ากากผ้า สำหรับคนไร้บ้าน/คนเร่ร่อน”
คืนนั้นก็ขอ บน FC ซึ่งมีเพื่อนส่งมาให้จำนวน หมื่นชิ้น ที่ทางโครงการครูข้างถนน และโรงเรียนเด็กก่อสร้างเคลื่อนที่ ได้ทำงาน แบ่งปันให้มากกว่า แปดพันคน ที่ได้รับ
ขอบคุณ ขอบคุณ เพื่อนกัลยาณมิตรทุกคน