เอกซเรย์เด็กเร่ร่อนกลุ่มเปราะบางกลางกรุงเข้าไม่ถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน ใส่ใจ...ทุกวันคือ วันเด็ก
นางสาวทองพูล บัวศรี
ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก
“เด็กไทยวิถีใหม่ รวมไทยสร้างชาติ ด้วยภักดีมีคุณธรรม”
คำขวัญวันเด็กประจำปี 2564 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบให้กับเด็กไทย
ทุกปีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนจะระดมจัดกิจกรรมพร้อมมอบขอขวัญให้เด็กได้สนุกสนานแต่ปีนี้ด้วยสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ยังระบาด จึงต้องพับกิจกรรมวันเด็กในวันที่ 9 มกราคม 2564
แต่เมื่อเด็กคืออนาคตของชาติ ทุกๆวันจึงนับเป็นวันเด็กของเด็กทุกกลุ่มทุกคน
ทีมข่าวการพัฒนาสังคม จึงขอทำหน้าที่สะท้อนถึงเด็กกลุ่มหนึ่งที่ต้องการโอกาส นั่นคือ กลุ่มเด็กเร่ร่อน
“วันเด็กคือทุกวันของเด็ก” มุมมอง “ครูจิ๋ว” นางสาวทองพูล บัวศรี ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก ที่คลุกคลีทำงานช่วยเหลือเด็กๆข้างถนน ได้สะท้อนพร้อมทั้งฝากถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องหันมาให้ความสำคัญกลุ่มเด็กเปราะบางซึ่งมีจำนวนไม่น้อย ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะด้านการศึกษา สาธารณสุข การอยู่อย่างปลอดภัย
นางสาวทองพูล บัวศรี ฉายภาพให้เห็นว่า เด็กกลุ่มเปราะบางในกรุเทพมหานครคือ เด็กเร่ร่อน บ่าง 3 กลุ่ม คือ
1.กลุ่มเด็กเร่ร่อนถาวร ซึ่งออกมาจากชุมชน ครอบครัว เพราะไม่อยากรับภาระ บางส่วนมาจากสถานสงเคราะห์รัฐ หรือหน่วยงานเอกชน เพราะไม่ต้องการอยู่ในระเบียบ จึงมาเร่ร่อนอยู่บริเวณอยู่บริเวณใต้ทางด่วน ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นอายุระหว่าง 12-18 ปี หากินกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่ช่วงโควิด-19 ระบาด ก็หันมาเก็บขยะบ้าง แกะเส้นลวดทองแดงบ้าง กลุ่มนี้มีความเสี่ยงที่จะกระทำผิดสูง ทั้งการก่ออาชญากรรม การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด บางคนเป็นเหยื่อของกฎหมายที่มีการบังคับหรือถูกจ้างวานให้ติดคุกเพื่อสร้างผลงานให้กับท้องที่
2.กลุ่มเด็กเร่ร่อนชั่วคราว ที่มาเช่าบ้านอยู่ตามชุมชนต่างๆเช่น ชุมชนโค้งรถไฟยมราช ชุมชนคลองส้มป่อย ชุมชนเพชรบุรีตัดใหม่ ซอย 5 ซอย 7 ชุมชนแยกคลองตัน ชุมชนซอยเสือใหญ่อุทิศ มีตั้งแต่ระดับอนุบาลถึง ม.3 ปวช-ปวส. เด็กกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ออกมาขายพวงมาลัย ดอกจำปี กล้วยแขก บนท้องถนน ยิ่งช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 พ่อแม่ตกงาน เด็กเหล่านี้ต้องรับผิดชอบหารายได้เป็นค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ-ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายในบ้าน จำนวยไม่น้อย เป็นครอบครัวแหว่างกลางอยู่กับปู่ย่า ตายาย พ่อแม่ทิ้งหรือไปทำงานนอกพื้นที่
3.กลุ่มเด็กเร่ร่อนต่างด้าว ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชุมชนเปรมฤทัย สำโรงเหนือ ชุมชนบ่อนไก่ แยกโรงปูนคลองตัน กลุ่มนี้มักจะออกขอทาน บริเวณซอยนาน อิมเพียลสำโรง นอกจากนี้ยังมีกลุ่มกรรมกรก่อสร้าง ที่เคลื่อนย้ายไปตามที่ต่างๆ
ครูจิ๋วยังบอกถึงปัญหาภาพรวมกลุ่มเด็กเปราะบางเหล่านี้ว่า “กว่าครึ่งไม่ได้เรียนหนังสือ ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยคาใช้จ่ายนอกเหนือจากการเรียนที่ผลักเด็กออกจากระบบไม่ว่าจะเป็นค่ากิจกรรมต่างๆ ค่าเรียนคอมพิวเตอร์ ค่าชุดลูกเสือเนตรนารี ทำให้เด็กไม่สามารถเรียนได้ตลอดรอดฝั่ง บางคนถูกผลักให้ออกมาเป็นแรงงานแต่เด็ก เพื่อช่วยเลี้ยงครอบครัว ซึ่งก็ต้องเสี่ยงกับภัยอันตรายรอบตัว รวมถึงบางครอบครัวก็เข้าไม่ถึงสวัสดิการ โดยเฉพาะเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เพราะไม่มีบัตรประชาชน ไม่มีเลข 13 หลัก “
สำหรับการทำงานของหน่วยงานภาครัฐกับการดูแลช่วยเหลือเหล่านี้ นางสาวทองพูล มองว่า “เรามีกฎระเบียบที่ดี แต่วิธีปฏิบัติเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาที่แท้จริวยังมีข้อจำกัด เพราะยึดติดกับกฎระเบียบบนแผ่นกระดาษ ในขณะที่ปัญหาเด็กในชีวิตจริงไม่สามารถรอได้ แต่ละเคสที่เราลงไปช่วยเหลือ ไม่ได้เหมือนกัน เราต้องพยายามค้นหา แก้ปมปัญหาไปทีละปม โดยยึดประโยชน์ที่จะเกิดกับเด็กให้ได้มากที่สุด ซึ่งประสบการณ์ที่เกิดจากการทำงาน มีส่วนทำให้เราเรียนรู้และพยายามค้นหาทางนำไปสู่การแก้ปัญหา หากเราเห็นปัญหาแล้วเราไม่เร่งแก้ก็เหมือนการผลักเด็กออกไปเผชิญปัญหาที่มากยิ่งขึ้น หลักการทำงานของครู คือ ลงพื้นที่เกาะติดตามและประเมินผล ทุกกรณีครูจะบันทึกข้อมูลไว้ทั้งหมดซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่เป็นเอกสารหลักฐานในการขอรับความช่วยเหลือการสนับสนุนจากภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ”
“การเรียนเป็นการเปลี่ยนอนาคตและให้โอกาสเด็กได้มีวิถีชีวิตและการทำงานที่ดีขึ้น จึงต้องช่วยเหลือสนับสนุนเด็กเข้าเรียนในระบบให้ได้อย่างน้อยให้จบการศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 3 เพราะนอกเหนือจากความรู้ที่ได้รับ การได้เข้าอยู่ในระบบโรงเรียนยังทำให้เด็กได้รับสวัสดิการสิทธิขั้นพื้นฐานอื่นๆ เช่น ค่ารักษาพยาบาล การได้รับวัคซีน รวมทั้งเป็นการเสริมทักษะการใช้ชีวิต โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย “ ความมุ่งหวังของ “ครูจิ๋ว”
“หนูมีวันนี้เพราะครู หนูได้เรียนเพราะครู” เป็นคำพูดจากใจเด็กๆที่ นางสาวทองพูล กับบทบาทที่ถูกเรียกขาน “ครูข้าถนน” บอกว่าเป็นแรงขับเคลื่อนให้ทำงานช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางมาจนถึงทุกวันนี้และต่อไป
ทีมข่าวการพัฒนาสังคม เห็นด้วยอย่างยิ่งกับวันเด็กคงไม่ใช่เป็นเพียงแค่วันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคม แต่ทุกวันคือวันเด็กที่ผู้ใหญ่ควรใส่ใจ
สำคัญที่สุดคือ การศึกษา ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่เด็กทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด ควรจะได้รับอย่างทั่วถึง
เพราะนั่นคือสิ่งที่บ่มเพราะติดตัว ยังประมาณโยชน์ต่ออนาคตเด็ก ซึ่งก็คืออนาคตของประเทศชาติ
ทีมข่าวการพัฒนาสังคม
เผยแพร่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันอังคารที่ 5 มกราคม 2564
💰 ร่วมบริจาคเพื่อมูลนิธิฯได้ที่นี่ 👉https://www.tmbbank.com/tmbf/donate?foundation_id=00954&project_id=00954001
📲 : LINE : @fblc 👉https://lin.ee/AucRVes
☎️ : 02574-1381
📌 แผนที่มูลนิธิฯ : https://goo.gl/maps/VYA7E9xHzRY6Qjvw9