banner
ศุกร์ ที่ 14 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 แก้ไข admin

สถานที่เหมาะ/กิจกรรมที่เด็กชอบ.... เด็กก็หยุดเร่ร่อน

 

 นางสาวทองพูล   บัวศรี

ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน  มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก

          ทางโครงการฯได้รับเรื่องร้องขอให้ช่วยเด็กเร่ร่อนที่มานอนหน้าตลาดเดชา  บุคคลที่ร้องขอให้ช่วยเด็ก คืออาสาสมัครที่มาเลี้ยงอาหารเด็กที่บ้านสร้างสรรค์เด็ก  ครูจึงมอบ เจ้าหน้าที่โครงการโรงเรียนเด็กก่อสร้างเคลื่อนที่ ช่วยครูทำงานด้วย    เหตุผลสำคัญคืออยู่ในพื้นที่รังสิต   แต่ประการสำคัญคือการโค้ช การทำงานระหว่างครูกับครูซิ้มโดยผ่านการทำงานช่วยเหลือกรณีศึกษา

          กระบวนการทำงานที่สำคัญ

(1)   ครูยังเน้นกระบวนการทำงานในพื้นที่ ลงไปพบปะผู้ที่ร้องขอให้ช่วยและกรณีศึกษา ที่ต้อง

ช่วย เหลือ  การพบปะสำคัญอย่างมากทั้งสองฝ่าย  กระบวนการนี้คือการสร้างความไว้วางใจ

          -ฝ่ายผู้ร้องขอก็ต้องการให้เด็กหลุดออกจากพื้นที่  สถานที่หน้าร้านสะดวกซื้อให้ได้

          -ฝ่ายครูซิ้มก็ต้องทำความไว้วางใจกับเด็ก เน้นการสร้างความสัมพันธ์ทางกายภาพ  การพูดคุยที่เป็นกันเอง  ข้อมูลที่จะออกส่วนมากเป็นเท็จหมด  แต่สำหรับน้องเต้(นามสมมุติ) พูดเรื่องจริงหมด  แต่ผมง่วงนอนจะมายุ่งเกี่ยวอะไรกับชีวิตของผมกันนะกันนาน   เสียงโวยวายมากับสภาพที่ยังอยากนอนก่อน  ไม่พูดไม่คุย ในขณะเดียวกันมีการปื้นตา(ลืมตา) มามองคนที่นั่งล้อมตัวเองอยู่เป็นระยะๆๆ เด็กเองมาบอกที่ละหลังว่า กำลังจะหาทางออก คือการวิ่งหนี   แต่เด็กก็ประเมินแล้วว่าไม่สามารถ วิ่งออกไปได้  จึงขอนอนต่อ วัดใจครูว่าจะเอาจริงแค่ไหน

          -ทุกฝ่ายเลยถอยมานั่งคุยเพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุด

          (2) ขั้นตอนนี้ เน้นการสืบค้นหาประวัติของเด็กให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้  ครูซิ้ม เริ่มโทรหา ครูหน่อย เทศบาลนครรังสิต

          -ครูหน่อยมาถึงกับพูดถึงวีรกรรมของน้องเต้เพิ่งจะหนีออกมาจากบ้านพักเด็กและครอบครัว  เพราะชาวตลาดร้องเรียนไปที่ เทศบาลนครรังสิต  ว่ามีเด็กมานอนหลายปีแล้ว  เริ่มโต  เริ่มมีการพาเพื่อนมานอนด้วย  เริ่มการื้นค้นสิ่งของในตลาดที่แม่ค้าเก็บไว้

          ทางครูหน่อยก็บอกว่าคุยกับบ้านพักเด็กและครอบครัวปทุมธานี  แต่ทางนั้นไม่สะดวกมารับ  งานนี้แนวทางไม่เป็นประโยชน์กับเด็กและคนทำงานเดี๋ยวทะเลาะกันเปล่าๆ

          มาคุยกันอีกรอบพร้อมโทรโฟนคุยกับครูจิ๋วด้วย   สรุปว่าส่งสถานที่แรกรับบ้านภูมิเวท  แต่สิ่งที่ป้องกันตัวคนทำงานไม่ได้ลักเด็กไปไหน

(3)มาสู่ขั้นตอนกระบวนการพภาเด็กไปลงบันทึกประจำวัน  โดยให้ทางสถานีตำรวจประตูน้ำบางประอินทร์  ลงบันทึกในการส่งเด็กเข้ารับการคุ้มครองสวัสดิและพัฒนาเด็ก  (หาสถานที่ส่งต่อ) โดยทุกคนร่วมกับเป็นพยาน

-สำหรับครูจิ๋ว ก็รีบประสานงานกับฝ่ายสังคมสงเคราะห์ สถานแรกรับบ้านภูมิเวทก่อนเลย  คุยความเป็นไป-เป็นมา 

(4)ทีมงานก็ส่งเด็กเข้าสถานแรกรับมีการซักประวัติ นำเด็กตรวจสุขภาพเบื้องต้น  และเตรียมการส่งตรวจเลือดและสุขภาพด้านอื่นๆ ต่อไป   แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ   สิ่งหนึ่งที่น้องเต้มาบอกภายใน  พวกทุกท่านที่ปรารถนาดีนั้น  แต่ผมไม่ต้องการ  ผมอยู่ได้ 3 วัน  เด็กหนีออกมาอีกครั้ง  งานนี้มีการแจ้งความเด็กหนีออกจากสถานแรกฯ  พร้อมแจ้มายังครูจิ๋ว

-งานนี้บอกทุกคนใจเย็นก่อนนะ  แสดงว่าสถานที่นี้ไม่เหมาะกับเด็ก ทั้งกิจกรรมและกระบวนการ  เด็กจึงไม่เลือก  และที่สำคัญน้องเต้ติดพื้นที่  ติดร้าเกมเพราะฝังอยู่กับเกมมานาน  เขามีเงินอยู่ในเกมด้วย  หลายหมื่นบิลคอย

-หันหน้ามาคุยกันใหม่คือ  หาตัวเด็กให้เจอแล้วใช้วิธีการล๊อคเด็ก   ประสานหน่วยงานที่ช่วยกันประเมินแล้วเหมาะกับนิสัยเด็ก กับความเถื่อนของเด็กชาย ที่ชอบการแสดงออก มีพลังเยอะ

-งานนี้ครูจิ๋วหักคอทีมงานทุกคนเลย  ว่าต้องส่งไป “บ้านครูจา”  ที่พัทยา เท่านั้น  ทีมงานทุกคนมองหน้าครูจิ๋ว  ด้วยเหตุผลหลายประการ

(1)บ้านครูจาอยู่ไกลจากพื้นที่รังสิตที่เข้าติดและมีร้านเกมที่คุ้นเคย   ต้องทำให้ห่างไกลจากสิ่งเร้าที่เกิดขึ้นกับตัวเด็ก

(2)กิจกรรมบ้านครูจา ช่วงเสาร์-อาทิตย์   ครูจาจะพาเด็กๆๆไปหาปลา ตกปลา หรือถึงขั้นหว่านแห  สอนวิชาชีวิต  ที่เด็กผู้ชายชอบมาก   แล้วจะนำไปใช้เมื่อเขามีครอบครัว  สิ่งที่ดึงดูดเด็ก คือได้เล่นน้ำอย่างสนุกสนาน  สิ่งที่เป็นของแถมคือได้อาหารมื้อต่อไปฝีมือของเด็กทั้งบ้านช่วยกันหา  สร้างคุณค่าในใจเด็ก  ผมทำได้ ฉันทำได้......

(3)บ้านครูจายังมีเด็กจำนวนน้อย ดูแลอย่างถ้วนถึง  ถึงตัวเด็กทุกคน ด้วยระบบของพี่ที่เรียนในระดับอุดมศึกษา ช่วยพาน้องไปโรงเรียน


เหตุผลแบบนี้ น้องเต้อาจจะชอบก็ได้อยู่ได้ระยะยาว ก็เป็นบุญของเด็กที่ยุติการเร่ร่อน

(5)สร้างอาสาสมัครในพื้นที่เมื่อเห็นเด็กมา โทรหาครูทันที  ทางครูก็เตรียมม้าเร็วไปล๊อคตัว  ผู้ช่วยครูจอย  เป็นม้าเร็วถึงตัวเด็กพร้อมพามาบ้านสร้างสรรค์เด็ก คลองสาม   ครูกรช่วยดูแลตอนกลางคืน 1 คืน

-ครูจิ๋วกับครูซิ้มคุยกันวางจังหวะในการส่งน้องเต้ไปบ้านครูจา

-ครูจิ๋วประสานงานกับครูจาพร้อมรายละเอียดของเด็ก 

(6)ปฏิบัติการเริ่มแต่เช้ามืด ไม่คุยกับพ่อ  เพราะเมาตลอดเวลา  งานนี้ครูซิ้มออกไปส่งแต่เช้ามืด ขึ้นรถไปกัน ถึงบ้านครูจากว่า สิบเอ็ดโมง ประมาณบ่าย 2 ครูก็กลับกันหมด

-น้องเต้หนีออกจากบ้านหลังนั้นทันที  ครูก็ช่วยกันตามหา สุดท้ายก็ไปโรงพัก  น้องเต้ก็บอกให้ตำรวจช่วยส่งกลับรังสิต  เพราะครูเอามาทิ้งที่พัทยา   ทางครูบ้านครูจาก็ตามมาเจอที่โรงพัก  จึงมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลตลอดจนกลายเป็นอาสาสมัครบ้านครูจากันเลย

-ความโชคดี กรณีศึกษาช่วงที่พาน้องเต้ยังไม่มีเข้าเรียน  มีเพียงน้องเต้คนเดียว  ทางบ้านจึงวิธีการพี่ประกบน้อง น้องทำอะไรพี่ทำด้วย  พร้อมมีนักสังคมสงเคราะห์คอยติดตามการรายงาน/ความเคลื่อนไหวจากพี่   งานนี้น้องเต้สร้างวีรกรรมสำหรับบ้านครูจา หนีทั้งหมด 6 ครั้ง

-ในช่วงวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมีนาคมนั้น  ครูจาพาเด็กๆ ทั้งหมดไปบ้านสวนที่อยู่กลางทุ่ง มีต้นไม้ มีบ่อปลา ที่ร่มไม้ ทุกคนช่วยกันน้ำต้นไม่รอบบ่อเสร็จ  ก็ถึงเวลาที่เด็กรอคอย  คือการกระโดดน้ำในบ่อ   มีน้องเด็กๆ อยู่ 3-4 คน อายุ  5 ปีเท่านั้น   ตะโกนว่าแน่จริงกระโดดน้ำแข่งกัน แล้วสนุกมาก  เป็นการท้าทายความเก่งกันเลย   น้องเต้เงียบเพราะไม่เคยเล่นน้ำแบบนี้ได้แต่ยืนมอง  เด็กเล็กก็ยิ่งท้าใหญ่   แน่หรือเปล่า  แน่จริงลงมาเลย  สบประมาทน้องเต้....อย่างนี้รับน้องใหม่แบบบ้านๆ

พี่ก็ลุ้นสุดชีวิตว่าน้องเต้จะลงน้ำไหม  จะจับปลาเหมือนคนอื่นไหม  น้องเต้เป็นคนสุดท้ายที่ลงบ่อน้ำ เมื่อลงแล้วสนุกมากกับน้ำใสๆแล้วเย็นมาก   เล่นไม่ยอมเลิก   ถึงจะจับปลาไม่ได้เลย  พี่ๆทุกคนก็รวมเล่นน้ำคลายความเครียด มีแต่สนุกอย่างเดียว  ไม่ได้สนการจับปลากันเลย  จับใจน้องเต้กันอย่างเดียว

-ทุกเสาร์-อาทิตย์ ทีมงานบ้านครูจา ช่วงบ่ายๆ จะพาเด็กไปทำกิจกรรมการทำมาหากิน (กิจกรรมเสริมทักษะชีวิต แบบธรรมดามาก  แต่เป็นสิ่งที่รอคอยวันนี้อย่างใจจดใจจ่อ )  สร้างความสัมพันธ์ในบ้านอย่างอบอุ่นจากพี่ๆในบ้าน รับน้องใหม่ที่ยุติการหนี  ยุติการเป็นเด็กเร่ร่อนบนท้อง

ถนน

          -ถึงเวลาการเรียกร้องไปโรงเรียน  เพราะเด็กทุกคนที่บ้านเรียนหนังสือ  น้องเต้ได้ไปโรงเรียน พร้อมเอกสารที่ครูซิ้มประสานงาน  เรื่องการย้ายเด็กไปยัง ชลบุรี  งานนี้ตั้งใจเรียนไม่หนี   ก่อนหน้านี้ไว้ใจโดยการพาไปเที่ยวงานวัด  แล้วไม่หนี  ครูทุกคนที่บ้านครูจาสบายใจ พร้อมพาไปโรงเรียนถึงจะเปิดเทอมการศึกษามาแล้วกว่าสองเดือน  ครูที่โรงเรียนก็รับเข้าเรียน

          (7) ครูและครูซิ้มมีโอกาสไปเยี่ยมน้องเต้   ด้วยความตั้งใจไปให้กำลังใจ   แต่น้องเต้บอกว่า “ครูครับผมจะตั้งใจเรียนให้จบ ม.3  แล้วเรียน กศน. กลับมาช่วยครูที่บ้านครูจา”  งานนี้ ครูยิ้มแก้มปริ้มเลย  จำได้ว่า วันที่ครูซิ้มพาน้องเต้มาหาที่มูลนิธิฯ  พูดเรื่องการเรียนน้องเต้เอามือปิดหูทั้งสองขาเลย  ไม่ฟัง ไม่พูด  คิดอย่างเงินในเกม

          (8) เมื่อปลายเดือนมกราคม 2563 ที่ผ่านมาพ่อของน้องเต้  ขอให้ครูซิ้มพาไปเยี่ยมลูกที่พัทยา  พ่อลูกได้พบกันอีกครั้ง  “กอด กอด กอด ค่ะ กอด”  พ่อลูกได้กอดแห่งความรัก ความคิดถึง การมองอนาคตของลูก  สายตาของพ่อที่น้ำตารื้นตลอดเวลา  ยกมือไหว้ครูซิ้มเป็น สิบๆ ครั้ง

          หลายคนชอบถามว่า  เด็กเร่ร่อนบนท้องถนน ต้องออกจากถนนถึงจะยุติการเร่ร่อนใช่ไหม  ครูจะตอบว่าแล้วแต่กรณีศึกษา  อย่างนี้ต้องหาสถานที่เหมาะกับเด็ก พร้อมด้วยกิจกรรมที่ท้าทาย  เพราะเด็กติดเกมมาก่อน  ต้องเอาพลังที่มากมายออกจากตัวเขาให้ถูกที่ ถูกเวลา