banner
ศุกร์ ที่ 13 เดือน ธันวาคม พ.ศ.2562 แก้ไข admin

ครูหยุย.... ลงเยี่ยมโรงเรียนเด็กก่อสร้างเคลื่อนที่


 นางสาวทองพูล  บัวศรี

ผู้จัดการโครงการ  มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก

 

          ด้วยโครงการโรงเรียนเด็กก่อสร้างเคลื่อนที่ ได้ลงทำงานกับเด็กที่ติดตามครอบครัวมาอยู่ในบ้านพักคนงานก่อสร้าง ในปี 2562 จำนวน 16 พื้นที่  โดยมีพื้นที่ หลัก 8 พื้นที่  ทางโรงเรียนเด็กก่อสร้างลงพื้นที่เป็นประจำ  และมีพื้นที่ต้องแวะเวียน อีก 8 พื้นที่

          งานของโรงเรียนเด็กก่อสร้างเคลื่อนที่ใช่ว่าจะจะราบรื่นดังใจหวัง  มีปัญหาให้แก้ตลอดเวลา เพราะบางพื้นที่ ก็ไม่ใช่ทางโรงเรียนเด็กก่อสร้างเข้าไปทำกิจกรรม ให้เหตุผลว่า ไม่มีเด็ก  แต่ครูมองไปเมื่อไรก็เห็นเด็กวิ่งอยู่ในบ้านพักก่อสร้าง  บางแห่งก็ให้เหตุผลว่าไม่มีที่จอดรถเพราะพื้นที่แคบ  ไม่มีที่จอดรถ   ด้วยเหตุอะไรก็ตาม  เป็นงานที่ยากเมื่อไม่ได้รับการอนุญาตให้เข้าพื้นที่

          เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน  2562  ได้รับการประสานงานว่า ครูหยุย ....(นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ผู้ก่อตั้ง และเลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก) ปัจจุบันเป็นสมาชิกวุฒิสภา  ว่า อังคารที่ 19 พฤศจิกายน 2562  ในช่วงเช้ามีเวลาว่างประมาณ 2-3 ชั่วโมง  ช่วยว่ากำหนดการลงพื้นที่ ที่ใกล้ที่สุด โดยปกติ ครูหยุย... มีเวลาเมื่อไรในหน้าที่ที่รับผิดชอบ ทุกหน้าที่ จะลงพื้นที่ตลอดทั้งในงานของมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก และสมาชิกวุฒิสภา   ครูหยุยจะบอกคนทำงานเสมอว่า  งานที่เป็นงานภาคสนาม ต้องทำให้การลงพื้นที่ ได้รับความรูสึก.... มิใช่ความเคยชิน แล้วเอ่ยว่าเห็นแล้ว


          สำหรับความรู้สึก....มันเกิดการลงไปสัมผัสปัญหา  ความเป็นอยู่ของคน  แล้วย้ำเตือนว่างานของพวกเรา คือ งานช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก  หาแนวทางแก้ไข พร้อมทั้งหาทรัพย์กรที่มีอยู่ ให้กรณีศึกษาของพวกเราเข้าถึงสวัสดิการของรัฐ  ...อย่างนี้คือต้องใช้ความรู้สึกที่อยากช่วย....ความรู้สึกสอนให้คนทำงานไม่นิ่งดูดาย  ทำให้ไม่ตายด้านในความรู้สึก.....แต่เกิดความอยากช่วยเหลือ  จะเกิดการค้นหาหนทาง  ไม่จนกับกักดัก จะแสวงหากัลยาณมิตร  หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  สิ่งเหลานี้คืองานพร้อมการเรียนรู้ไปด้วยกันกับคนทำงาน   ยิ่งช่วยเขามากขึ้น  พวกเราก็ได้เรียนรู้มากขึ้น....ไปเรื่อยๆ  จนกลายเป็นประสบการณ์ในการทำงาน  แต่ต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิดเชิงบวก....การทำงานเหล่านี้ต้องใช้ทั้งอุดมการณ์  ความอดทน การเรียนรู้ ทำไปด้วยกับกรณีศึกษา     

 สิ่งเหล่านี้เมื่อ 30 ปี ที่แล้วครูหยุยพูดในขณะที่ผู้เขียนเป็นครูประจำศูนย์เด็กก่อสร้างชวนชื่น  ในช่วงนั้นก็เฉยๆๆนะ  เพราะมีอารมณ์โกธรผู้ประสานงาน อาหาร ข้าวสาร ไม่ยอมมาส่ง   ครูหยุยพูดเพียงว่า ครูเขารู้ว่าเธอเอาตัวรอด....แต่ตอนนี้ให้สัมภาษณ์นักข่าวก่อน  เรื่องอื่นเอาทีหลัง.....

หลังจากนั้นก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้กันอีกเลย  จนมาวันที่ ครูหยุย  ลงพื้นที่ บ้านพักคนงานก่อสร้าง บริษัท 33 ที่กำลังก่อสร้าง กระทรวงยุติธรรมที่ติดถนนแจ้งวัฒนะ   แต่บ้านพักต้องเข้าไปในซอยแจ้งวัฒนะ 12 กับ 14 เป็นบ้านพักคนงานที่ก่อสร้าง แบบติดพื้นเพียงแค่ยกพื้นสูงประมาณ 1 ฟุตเท่านั้น


อาคารแบบชั้นเดียว ปูพื้นด้วยไม้อัด  ฝาผนังทั้งสี่ด้านล้อมด้วยสังกะสี ที่เต็มไปด้วยรอยรั่ว  ผ่านการถอนมาจากหลังคาที่พักมากลายฝาผนังบ้านพักแทน   ทุกอย่างผู้รับเหมาต้องประหยัดเอาแค่ให้พออยู่ได้  แต่หลังคาก็ยังมุงด้วยสังกะสี  พื้นบ้านมีการเทปูน  มีร่องระบายน้ำไปสู่ท่อระบายน้ำด้วยนอกบ้านพัก  มีการมุมที่ทิ้งขยะ  พร้อมกับมีรถที่ขนออกไปทิ้งในแต่ละอาทิตย์

บ่อน้ำที่ใช้ร่วมกันทุกคนในบ้านพักคนงานก่อสร้าง มีหลังคา  เมื่อมองเห็นจึงสะอาด  เพราะไม่เห็นตระไคร้น้ำสีเขียวเมื่อเจอกับอากาศที่ร้อน  ห้องส้วมก็สร้างเป็นแถว สะอาดพอสมควร

ครูหยุย หันมาบอกกับเจ้าหน้าที่ ที่ลงไปด้วยว่า บ้านพักคนงานก่อสร้างสะอาดกว่าเมื่อ 30 ปีที่แล้ว  แต่ยังเหมือนเดิมคือการใช้สังกะสี

การลงเยี่ยมครั้งนี้ ครูหยุยบอกว่าอยากลงไปให้กำลังใจคนทำงาน  งานนี้ครูซิ้มที่ลงทำงานในโครงการโรงเรียนเด็กก่อสร้างเคลื่อนที่ มากว่า 2 ปีกว่า  ซึ่งได้ดำเนินการแบบรูปธรรมอย่างชัดเจนพร้อมกับการสร้างอาสาสมัครตัวน้อยๆ มาช่วยงาน 




เด็กเหล่านี้จะโทรหาครูซิ้มเป็นประจำ ว่าครูจะลงที่พื้นที่หรือเปล่า เพราะเด็กๆๆบอกเสียงดัง อยากเล่นของเล่น  อยากวาดภาพระบาย  อยากเขียนหนังสือ  อยากอ่านหนังสือ กินขนม กินนม  สิ่งเหล่านี้เด็กๆๆเขาครูซิ้มอยู่

ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2562  ก็เช่นเดียวกันที่เด็กๆเห็นรถโรงเรียนเด็กก่อสร้างวิ่งเข้าที่หน้าบ้านพัก ก็วิ่งกันมาช่วยขนของ ทั้งของเล่นที่เป็นมือสอง-มือสาม และเป็นของเล่นของเด็กๆที่เข้ามุมกันอย่างลงตัว   น้องน้อยอีกกลุ่มก็วิ่งตามเพื่อกลุ่มอื่นมาสมทบด้วย  การส่งเสียงการอ่านก็เริ่ม  ต่อด้วยระบายสีที่เด็กรอคอยกันมานาน  ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่เศษสีไม้ สีเทียน ก็ตาม   เด็กน้อยคนหนึ่งก็บอกมันก็สวยเหมือนกัน  เมื่อเด็กๆตั้งใจทำ

ชายหนุ่มน้อยเจ้าของห้องพักคนหนึ่ง  เมื่อครูหยุย...เอ่ยว่าอยากเดินสำรวจพื้นที่  เป็นไกด์แนะนำ  พาเดินสำรวจรอบบ้านพักคนงานก่อสร้างอย่างเชียวชาญ ทุกซอกทุกมุม

ครูหยุย....ชมว่า บริเวณบ้านพักคนงานก่อสร้างสะอาด  จัดการอย่างมีระเบียบ  มีพ่อบ้าน แม่บ้าน คอยดูแล  อยู่กันอย่างมีกฎระเบียบ

แต่คนงานก่อสร้างเหล่านี้ 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นแรงงานต่างด้าวที่เข้าเมืองมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย  และกลุ่มที่หลบหนเข้ามาก็มี  เด็กๆจึงเป็นกลุ่มเด็กลูกกรรมกรก่อสร้างต่างด้าวทั้งสิ้น


ครูหยุยยังย้ำกว่า  งานช่วยเหลือเด็กลูกกรรมกรก่อสร้าง เป็นงานแรกของมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก  เดิมเป็นศูนย์เด็กก่อสร้าง แล้วปรับเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนเด็กก่อสร้างเคลื่อนที โดยการใช้รถ มุ่งสู่บ้านพักคนงานก่อสร้าง  และยังบอกข้อเสนอแนะกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ

1.แหล่งก่อสร้างขนาดกลางและขนาดใหญ่  โดยระยะการก่อสร้างนานกว่า 8 เดือน มีกรรมกรก่อสร้างกว่า 100 ครอบครัว  ควรที่จะใช้ให้มีกิจกรรมเสริมให้กับเด็กที่ติดตามครอบครัวมาอยู่ในบ้านพักกรรมกรก่อสร้าง  เพราะเด็กจะได้มีโอกาสพัฒนาทักษะชีวิต

2.บริษัทที่รับเหมาก่อสร้าง ควรเปิดโอกาสให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปทำกิจกรรมกับเด็ก หรือประสานงานส่งต่อเด็กที่อยู่ในวัยเรียนได้มีโอกาสเข้าเรียน  เพราะสิ่งเหล่านี้คือการพัฒนาคุณภาพของเด็กในอาเซียน


3.การทำหน้าที่ของพ่อบ้าน/แม่บ้าน  คู่กับครูที่ลงทำงาน  คือการประสานงานหน่วยงานสาธารณสุขเรื่อง สุขภาพ เช่นการฉีดวัคซีนให้เด็กที่เพิ่งเกิด  จนถึงการฉีดพ่นยุงในแหล่งบ้านพักคนงานก่อสร้าง  หรือการตรวจสุขภาพขั้นพื้นฐาน

4.เมื่อมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงทำงานคู่กันสิ่งที่ต้องส่งต่อของกรณีที่ต้องการความช่วยเหลือ  เช่นการวางแผนครอบครัว กับครอบครัววัยรุ่นที่หลุดออกจากโรงเรียนกลางคัน/ การส่งเด็กที่ถึงเกณฑ์ได้รับการศึกษาไปโรงเรียนที่ใกล้กับบ้านพักคนงานก่อสร้าง ฯลฯ  เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก  เพราะการเข้าถึงสวัสดิการของเด็กลูกกรรมกรก่อสร้างแทบไม่มีโอกาสเลย

ข้อเสนอแนะเหล่านี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องให้ความใส่ใจ  เพราะเด็กเหล่านี้อยู่บนแผ่นดินไทย  ที่ควรได้รับสิทธิตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ที่ประกาศไว้ ให้เป็นจริง