ชีวิตเหมือนเคราะห์ซ้ำ....กรรมซัด ตอนที่หนึ่ง
ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก
ครูช่วยลูกฉันด้วย
ให้ครูช่วยเรื่องอะไรหรือ...
ฉันถูกจับ “ค้ามนุษย์” กับ “หลบหนีเข้าเมือง”
หน่วยงานไหนจับ ตำรวจท้องที่จับ เขาจับด้วยกันสามครอบครัว ครอบครัวฉันแย่สุด เขาเรียกเงิน แต่ฉันไม่มีให้ โดนจับกันสามครอบครัว ครอบครัวคนไทยเขาขายของ ครอบครัวคนกัมพูชาอย่างฉัน สองครอบครัว สำหรับฉัน ชื่อนางนี มีลูกที่ถูกจับวันนั้นสามคน อีกครอบครัวหนึ่งนางพอล มีลูกสองคน
ตำรวจเขาแยกเด็กกับแม่ ลูกคนโตน้องไพ อายุประมาณ 8 ปี มีเอกสารใบเกิดเป็นกัมพูชา ลูกคนนี้อยากเรียนมาก ตำรวจส่งให้ไปอยู่ที่บ้านเกร็ดตระการ ลูกอีกสองคน เด็กชายชัยอายุ 5 ปี เป็นเด็กที่ฉลาดมาก ช่วยดูแลน้องทุกคน ส่วนเด็กชายขวัญอายุเพียง 1 ปี 8 เดือน ยังกินนมอยู่เลย ทั้งสองคนอยู่ที่บ้านเด็กอ่อนปากเกร็ด
ส่วนฉันติดคุกอยู่ที่ลาดพร้าว จำนวน 84 วัน ตำรวจบอกว่าต้องอยู่ให้ครบในการขอผลัดฟ้อง จำนวน 7 ผลัด ผลัดละ 12 วัน
แล้วก็มาติดต่อที่โรงพักอีก 45 วัน ในกรณีที่หลบหนีเข้าเมือง
ตำรวจส่งสำนวนในสองข้อหา อัยการสั่งไม่ฟ้อง
นางนี ไม่ทราบมาก่อน มาเจอหน้าครูก็ขอให้ครูพาไปเยี่ยมลูกอย่างเดียว
ครูจึงต้องหาข้อมูลพร้อมหาเอกสาร ด้วยเหตุผลถ้าไม่มีเอกสารยืนยัน ครูเองก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้ พูดต่อไปมีสิทธิโดนฟ้องกลับในข้อหาหมิ่นประมาทแน่นอน
จึงเอาเอกสารทั้งหมดมาศึกษา ครูตกใจมากเพราะนางนีถูกกล่าวหา ร่วมทั้งหมด 4 ข้อหาด้วยกัน เอาแล้วงานนี้ครูจะหาหนทางในการดำเนินการอย่างไร
อันดับแรกพาไปเยี่ยมลูกก่อนแล้วกัน
นัดกันที่หน้าห้างพันธุ์ทิพพล่าซ่า เป็นสะพานลอยที่กลุ่มแม่และเด็กเร่ร่อนต่างด้าว มานั่งขอเงินกันจำนวนมาก นางนีมาแต่เช้า จนครูต้องนั่งแท๊กซีมารับแล้วเดินทางไปเยี่ยมลูก
ไปเยี่ยมลูกสาวคนโตก่อนที่สถานคุ้มครอง อยู่ตรงกลางเกาะเกร็ด ขณะที่นั่งเรือไป นางนีลับตา สวดมนต์ภาวนา ตลอดทาง นางนีอยากเจอลูกมาก
พอขึ้นเรือได้ ก็คุยกับยามก่อนว่ามาขอเยี่ยม เด็กหญิงไพ ตำรวจส่งมาอยู่ที่นี้ ยามก็โทรหานักสังคมสงเคราะห์
มีนักสังคมสงเคราะห์สองคนออกมาพบ ซึ่งโดยปกติจะให้ผู้ปกครองเข้าไปเยี่ยมและพูดคุยภายในบ้าน แต่งานนี้แปลกให้ครูคุยข้างนอกพร้อมทั้งขอดูบัตรด้วย ไปเยี่ยมหน่วยงานไหนไม่เคยถูกเรียกดูบัตรประจำตำแหน่งของหน่วยงาน
นักสังคมสงเคราะห์หันไปคุยกัน ว่าบอกว่าเด็กหญิงไพ ถูกส่งกลับประเทศต้นทางไปแล้ว ไปตั้งแต่สามอาทิตย์ที่แล้ว
นางนี ล้มลงทันที นางนีส่งเสียงคร่ำครวญว่า ชาตินี้จะไม่ได้เห็นหน้าลูกอีกแล้วใช่ไหม เพราะแม่มันจนไม่มีให้ตำรวจถึงได้พลัดพลาดกันอย่างนี้
ครูเองก็ทำอะไรไม่ถูก ไม่เคยเห็นเคสล้มทั้งยืนแบบนี้ ต้องนั่งปลอบให้ใจเย็น ครูขอโทรศัพท์กับทางอัยการก่อน
เสียงฝ่ายธุรการของสำนักงานอัยการบอกอย่างชัดเจนว่า อัยการไม่ได้สั่งฟ้องเรื่องคดี “ค้ามนุษย์กับ คดีหลบหนีเข้าเมือง” ตั้งแต่เดือนที่แล้ว สำนวนถูกส่งกลับไปที่ตำรวจท้องที่แล้ว
เจ้าหน้าที่นักสังคมสงเคราะห์ยืนอึ้ง ครูถามว่าส่งกลับในข้อหาอะไรกับเด็กค่ะ นักสังคมสงเคราะห์ทั้งสองปรึกษากันแล้วบอกว่าครูโทรศัพท์ไปติดต่อกับนักสังคมสงเคราะห์ที่ดูแลเคสของชาวกัมพูชา
ครูเองก็ตัวชาค่ะ เพราะรู้ว่าขั้นตอนการส่งกลับคดีค้ามนุษย์ ต้องรัดกุมมากกว่านี้ ใช้ดุลยพินิจในการส่งกลับอย่างไร หรือแค่การบันทึกของเจ้าหน้าที่ฝ่ายบังคับใช้กฎหมาย แต่คุณรู้ไหมว่ากำลังสร้างตราบาปกับครอบครัวนางนีแค่ไหน
ทั้งครูนางนี ทำอะไรไม่ได้กว่านี้ ครูบอก นางนีว่าทำใจก่อนไหม ไปเยี่ยมลูกชายสองคนที่เหลือก่อน ทำใจเย็น ครูจะตามเรื่องให้
ในขณะที่นั่งเรือกลับมาที่ท่า น้ำเย็นในแม่น้ำเจ้าพระยากระเด็นมาใส่หน้า เย็นมาก สายลมก็โชยมาปะทะหน้า อาการตึงเครียดเมื่อสักครู่ ความเย็นช่วยได้นางนีก็ดูสดชื่นขึ้นบ้าง
ครูบอกกับนางนี กินก๋วยเตี๋ยวกันก่อนนะ ครูหิวแล้ว ตอนนี้มันบ่ายสองแล้ว รอเวลา เด็กชายชัย ลูกคนที่สองของนางกลับมากจากโรงเรียน
ลูกชายของนางนี ได้มีโอกาสไปเรียนหนังสือโรงเรียนแถวบริเวณปากเกร็ด ซึ่งถือว่าโชคดีมาก เพราะเด็กกัมพูชาจะเข้าเรียนมันมีโอกาสน้อยมาก
ขณะที่ก๋วยเตี๋ยวกันไปก็บอกว่า นางนียังโชคดีอยู่นะ อย่างน้อยอีกสองคนก็ยังอยู่ในสถานสงเคราะห์แห่งเดียวกัน
เดี๋ยวเราจะไปพบพวกเขา นางนีต้องใจเย็นอย่าร้องไห้ให้ลูกเห็นนะ นางก็นั่งน้ำตาอาบแก้มอีกแล้ว กินก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กผสมน้ำตา
ครูเองก็เบือนหน้าหนีหลายครั้ง เพราะเจ้าน้ำตาของครูก็ร่วงเหมือนกัน ใจมันไม่ด้านพอ นึกๆโอกาสแม่จะพบหน้าลูกสาว มันคงน้อยมาก นึกถึงความเจ็บปวดของแม่ที่พลั่งพรูออกมาจากปาก ครูเพราะฉันจนใช่ไหม ฉันหาเงินให้ตำรวจไม่ได้ใช่ไหม ลูกฉันถึงถูกส่งกลับไปอย่างนี้
ครูรู้ไหมเด็กที่ถูกส่งกลับไปกัมพูชา เวลาพ่อแม่ไปตามหา หน่วยงานที่รับเด็กไป บางหน่วยงานเขาส่งต่อไปประเทศที่สาม เพราะให้เหตุผลว่าหาครอบครัวไม่เจอเป็นเด็กกำพร้า ก็ส่งไปอยู่ต่างประเทศ เด็กก็ไม่รู้ครอบครัวที่แท้จริง ครูฉันกลัว ฉันจะไม่มีโอกาสได้พบลูกฉัน
วางเรื่องของเด็กหญิงไพไว้ก่อน ตอนนี้นางนีจะไปเจอลูกอีกสองคนที่ไม่ได้พบกันมาตั้ง แปดเดือนแล้วนะ นางนีต้องตั้งสติให้ดี ได้มีโอกาสกอดลูก หอมลูกแล้วนะ
ทั้งครูและนางนี เดินเข้าไปบอกเจ้าหน้าที่ที่บ้าน ที่ดูแลลูกชายสองคน เขาส่งพี่สาวของเด็กกลับประเทศไปแล้วตั้งแต่ต้นเดือน
เจ้าหน้าที่หน้าเสีย เขาบอกแล้วว่าน้องสองคนอยู่ที่นี้ แล้วทำไมส่งไปได้อย่างไร ครูต้องส่งสัญญาณกะพริบตาเดี๋ยวครูกับเธอไปคุยกันที่ห้องอื่นดีกว่า
ปล่อยให้แม่กับลูกได้อยู่ด้วยกัน ลูกคนเล็กเด็กชายขวัญไม่ยอมให้แม่จับตัวหรือถูกตัวเลย ส่งเสียงร้องไห้ตลอดเวลา
ครูกับเจ้าหน้าที่ของบ้าน คำถามแรก ทำไมหน่วยงานต้องส่งกลับประเทศแบบแยกพี่ แยกน้องด้วย เจ้าหน้าที่บ้านก็บอกทางหน่วยงานของเด็กหญิงไพ ว่ามีน้องอีกสองคน เขาใช้กฎหมายในการส่งกลับแบบไหน ผิดพลาดกันใหญ่โตแล้ว
เจ้าหน้าที่ถามครูว่า แล้วครูจะเอาอย่างไร ครูคงต้องไปตามคำสั่งอัยการสั่งไม่ฟ้อง พร้อมผลตรวจ DNA ของแม่ลูกสามคนให้นะ ส่วนกระบวนการส่งกลับจะเอาอย่างไร ขอศึกษาขั้นตอนอีกครั้ง แล้วจะมาปรึกษาเป็นระยะ
เจ้าหน้าเหมือนปลอบใจนางนี โดยเอาข้าวมาให้ได้ป้อนลูก เด็กชายชัยคลุกคลีกับแม่ไม่ยอมห่าง สำหรับเด็กชายขวัญ โผเข้าหาครูกอดคอแล้วนั่งบนตัก จึงให้นางนียื่นช้อนป้อนข้าวใส่ปากลูกตัวเอง
ผันสายตาที่มองเห็นน้ำตาของนางนีร่วงใส่ชามข้าวของลูกทั้งสองคน ครูรู้ความรู้สึกการที่ลูกไม่เอาแม่ ไม่ยอมให้แม่กอด
นางนีเองก็บอกกับเด็กชายชัย ว่าเด็กหญิงไพ ถูกส่งกลับแล้ว เด็กชายชัย ถามว่าแล้วไปอยู่กับใคร นางนีได้แต่ก้มหน้า คราบน้ำตาเต็มตาเลย เด็กชายชัยเอามือน้อยเช็คให้นางนี นางนียิ่งสะอื้นหนัก จนครูต้องเตือนสติ ใจเย็น อย่าให้อีกสองคนเป็นทุกข์
ลูกกินข้าวคลุกน้ำตาแม่ มันไม่ดี ใจเย็น ก่อน หยุดร้องไห้เถอะ
ครูอุ้มเด็กชายขวัญ มานั่งใกล้แม่ ให้แม่เอามือมาลูบที่หัว ที่ตัว เด็กชายขวัญยังกอดคอครูแน่น ด้วยการแยกแม่ลูกแบบนี้ ทางงานสังคมสงเคราะห์เขาเรียกว่าคุ้มครองสวัสดิภาพลูก แต่ในทางเป็นจริงเป็นการพรากแม่พรากลูก พรากครอบครัว ทำให้ครอบครัวแตกสลายแบบไม่มีชิ้นดี สายใยรักของแม่ลูกเห็นได้ชัดว่ามันหายไปเลย
ขั้นตอนของคดี “ค้ามนุษย์” หลักการมันไม่ใช่ แต่ทางปฏิบัติมันเป็นเช่นนี้ ทรมานหัวใจของคนที่เป็นแม่
วันนี้เจ้าหน้าที่บ้านใจดีอย่างมากเหมือนชดเชยบางอย่างให้สามแม่ลูก แม่ป้อนข้าวพร้อมเสียงหัวเราะของเด็กชายชัย ช่วยเหยี่ยวยาหัวใจของแม่ได้บ้าง จนเด็กชายชัยอุ้มน้องมานั่งตักแม่จนสำเร็จ แต่เด็กชายขวัญก็ยังไม่มองหน้าแม่
เด็กชายชัยก็จูบหน้าผากแม่ กอดแม่ แล้วสอนให้เด็กชายขวัญทำบ้าง แต่แรกเด็กชายขวัญตัวแข็งทื่อ เพราะการที่ห่างกันนาน จนไม่รู้สึกว่าแต่ก่อน เด็กชายขวัญจะนั่งกับแม่แบบนี้ที่ถนน ใครเข้าหาแม่ก็ไม่ได้
ครูมองหน้านางนี เห็นน้ำตาอีกแล้ว จนต้องดุกับเบา เบา ว่าอย่าร้องไห้น้ำตาของแม่ตอนนี้แก้ปัญหาไม่ได้ ตั้งสติให้ดี ใจเย็น แล้วหาทางแก้ด้วยกัน
วันนั้นกว่าครูจะออกจากสถานสงเคราะห์ก็เกือบหกโมงเย็น เป็นการเยี่ยมที่หน่วยงานให้โอกาสแม่ลูกอยู่ด้วยกันได้นานที่สุด
ครูกับแม่เดินจากสถานสงเคราะห์แบบช้า ช้า เดินคุยกันมา ว่าอย่าคิดมาก วันนี้โชคดีมากที่อย่างน้อยนางนีก็ได้พบลูกสองคน และที่สำคัญได้รู้แล้วว่าเขาอยู่ที่ไหน ซึ่งโอกาสแบบนี้ก็ไม่ได้มีบ่อยหรอกนะ
เพราะตำรวจเจ้าของคดีว่า ถ้านางนีจะมาเยี่ยมลูกเขาจะเป็นคนพามา มาเยี่ยมครั้งละสามพันบาท ฉันเลยไม่กล้ามา ครูรู้ไหมเงินมันไม่ได้หากันง่าย ง่าย
ครูทำไหม ถึงได้ช่วยฉันกับลูก
เป็นหน้าที่ของครู และที่สำคัญครูอยากทราบกระบวนการบังคับใช้กฎหมายว่าจะใช้กฎหมายกันหลายฉบับ
แต่คนติดคุก ลูกอยู่สถานสงเคราะห์ มันเป็นคนจนอย่างที่เขาพูดกันไหม
สำหรับครูตอนนี้ ครูคิดว่ามันจริงทั้งหมดแล้ว
นางนี ครูอยากช่วยอยากเรียนรู้ไปกับนางนี อยากทำให้ถูกต้องกฎหมาย
ครูจะไปส่งนางนีที่ประตูน้ำ ถ้าถึงประตูน้ำ นางนีกลับถูกใช่ไหม
นางนีขอบคุณ ครูหลายครั้งมาก ขอบคุณที่คนไทยอย่างครูที่เมตตา กับลูกนางนีด้วย ฉันขอบคุณมาก