สลาม....ที่ซอยนานา
นางสาวทองพูล บัวศรี
ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก
นักศึกษาถามครูว่า ครูรู้จักซอยนานา ได้อย่างไร....!
สลาม แปลว่าอะไรครู..
ครูถามผู้นับถือศาสนามุสลิม...บอกว่าเป็นคำทักทาย เวลาที่ได้พบกัน
ใช้คำเต็มว่า “อัสสลามุอะลัยกุม วะเราะมะตุลลฮ วะบะเราะกาตฮ ” แปลเป็นภาษาไทย “ ขอความสันติสุข ความเมตตา และความจำเริญจาก พระองค์อัลลอฮ จงประสบแด่ท่าน”
ครูตอบว่า ในปี 2553 ที่ต้องมาเป็นครูใหญ่บ้านอุปถัมภ์ มีเด็กที่มาจากซอยนานา สอง-สาม เคส ซึ่งภาคีเครือข่ายทำงานครูข้างถนน ส่งมา ผู้ปกครองทำงานอยู่ที่ซอยนานา แล้วซอยนานาเป็นอย่างไร คำถามที่ค้างคาใจมาตลอด
เมื่อย้อนไป เดือนมีนาคม 2557 ครูเป็นผู้เข้าอบรม หลักสูตรผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางสังคม รุ่นที่ 2 (นปปส.รุ่น 2) โดยมีการทำโครงการศึกษาแนวทางเชิงนโยบาย(รูปแบบที่เหมาะสม)ในการคุ้มครองสวัสดิภาพแม่และเด็กเร่ร่อนต่างด้าว มีการพาลงพื้นที่ถนนสุขุมวิท ในวันที่เราลงพื้นที่มาจากมักกะสันเพื่อจะเดินทาง ผ่านถนนเพชรบุรีซึ่งรถติดมาก
ครูและเพื่อนจึงรถหน้าโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พากันเดินเลาะถนนนานาซอย พากันมาถนนสุขุมวิท ครูตกใจมากกับสถานการณ์ที่เห็นกลุ่มแม่และเด็กทุกคนคลุมหน้าด้วยผ้าคลุมกันทุกคนแบบอิสลาม แต่เดินขอเงินนักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวเหล่านี้ตัวใหญ่ผิดสีดำ ไว้หนวด ไว้เครา ผมยาว บางคนก็ใส่หมวกด้วย บางคนก็ปล่อย ผมยาว ใส่เสื้อผ้าที่ยาวคลุมเข่า ทั้งชายและหญิง ตั้งแต่ซอยนานาจนถึงสุขุมวิท 7 มีแต่ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกมีมากกว่าสองร้อย ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ มีโรงแรมเป็นที่พักกว่าสิบโรงแรม ตกเย็นที่คึกคักด้วยผู้คน
ในร้านร่วงขนาดใหญ่ที่ตั้งติดถนน เมื่อเดินเข้าไปมีร้านเล็กจำนวนมาก มีครั้งหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว ตำรวจจับเด็กไปหาครอบครัวไม่เจอครูจึงเดินหาครอบครัวเด็กถูกเด็กไทยหลอกในไปหลงอยู่ในร้านเล็ก เล็ก เป็นซอกเข้าไปเยอะมาก มีแต่คนต่างชาติเป็นเจ้าของ ตั้งแต่ร้านเครื่องเทศ เครื่องสำองค์ รองเท้า เสื้อผ้าที่คนอารับใส่กัน พร้อมร้านนวด ร้านสปาเต็มไปหมด คิดว่าตัวเองหลงอยู่ในต่างประเทศ แถบอาหรับ หรือตุรกี ประมาณนั้น แต่นักท่องเที่ยวที่ได้พบทั้งชายและหญิง เด็ก หน้าตาดี ดวงตาสวยมาก ผู้หญิงก็ไม่อ้วนรักษาหุ่นได้ดี ใส่ชุดปกปิดร่างกายอย่างปิดชิด ผิวสีขาว ดูเป็นคนสุภาพ
ประหลาดใจมากว่าใช่ประเทศไทยไหม เหมือนการเดินอยู่ในประเทศแถวอาหรับ ตั้งแต่
ร้านอาหารราคาถูก จนถึงภัตตาคาร ราคาอาหารที่แพงที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ซอยจากสุขุมวิท 3/1 สามารถเดินทะลุออกไปยังซอยสุขุมวิท5 ต่อด้วยสุขุมวิท 7 แต่บริเวณนั้น มีร้านขายน้ำหอม กับเครื่องเทศ ปนกัน พร้อมกับกลิ่นของคนขายที่เป็นชายชาวอาหรับ ซึ่งไม่มีคนไทยเลยสักคน เจ้าของร้านทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติ ครูจะกลับถึงที่พักจะมีอาการมึนหัวตลอดเพราะกลิ่นต่างๆ มันตีกัน สำหรับคนแพ้น้ำหอมราคาแพง
ในซอยที่เล็กเหล่านี้ เป็นร้านที่ขายของได้ดี มีรองเท้ายีห้อดัง ที่ทั้งของแท้ ของเทียม ครูดูไม่ออก เพราะไม่มีความรู้จริง ๆ แต่ชาวต่างชาติพร้อมหนังสือท่องเที่ยวเดินตรงมายังร้านแบบเชียวชาญและคุ้นเคยเป็นอย่างมาก ต่อราคาอย่างเป็นกันเอง
ในซอยใหญ่ที่เดินออกไปยังถนนอีกฝากหนึ่ง จะเป็นที่พักด้านขวามือ แต่ด้านซ้ายมือข้างล่างเป็นร้านอาหารจำนวนหลายร้านที่ติด ติด กัน ด้านบนจะทะลุอาคารเชื่อมกัน เป็นสถานที่ละหมาดสำหรับคนที่ทำงาน หรือนักท่องเที่ยวก็สามารถทำกิจของศาสนาได้ 5 ครั้ง เป็นเสมือนมัสยิดที่อื่น ประกอบกิจของศาสนา เป็นเสียงบอกเล่าของเด็กที่ได้เข้าไปร่วมละหมาด
เมื่อมีนักท่องเที่ยวพร้อมเป็นใจดีด้วย กลุ่มคนที่รู้จักซอยนานา แบ่งออกเป็นสองกลุ่มด้วยกัน ในช่วงกลางวันจะมาจากชุมชนที่สาธร และชุมชนที่ใกล้สะพานพุทธ ในช่วงกลางคืน ตั้งแต่หลังเวลาพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว จะเป็นพี่น้องพร้อมเด็กที่ชุมชนโค้งรถไฟยมราช
อาชีพที่ทั้งเด็กเล็ก เด็กโต ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ คนพิการ ทั้งชายและหญิงมา “เก๊าะ” หรือบางคนก็บอกว่ามา “สลาม” เริ่มต้นมาจากอะไร เป็นคำถามที่คนทำงานอย่างครูตั้งประเด็นไว้
ด้วยคนในชุมชนแห่งหนึ่งเป็นมุสลิม ที่มาในช่วงกลางวันตั้งแต่สิบเอ็ดโมงจนถึงประมาณห้าโมงเย็น ส่วนใหญ่ก็จะพาลูก พาหลานมาขอเงินนักท่องเที่ยวที่เป็นชาวอาหรับ ซึ่งเป็นบุคคลที่นับถือศาสนามุสลิม การแบ่งปันให้คนยากไร้จึงเป็นการทำบุญ
จึงเป็นช่องทางของกลุ่มที่มาขอความเมตตา แต่ที่สำคัญที่สุดคือเด็กเหล่านี้ไม่ได้รับโอกาสทางการศึกษา หรือบางคนเข้าถึงสวัสดิการอื่นๆเลย กลายเป็นการสร้างตราบาปให้เด็ก ถึงแม้วันนี้ท้องจะอิ่ม แต่อนาคตของเด็กไม่มี
สำหรับในช่วงกลางคืนตอนนี้ จะเริ่มตั้งแต่เวลาหนึ่งทุ่มจนถึงตีสอง กลุ่มแรกที่มากที่สุดคือกลุ่มเด็ก ผู้หญิง ผู้สูงอายุ คนพิการ จากชุมชนโค้งรถไฟยมราช นับเป็นเครือญาติไม่ต่ำกว่า 17 ครอบครัว มีจำนวนกว่า 50 กว่าคนทุกคืน อีกกลุ่มเป็นเด็กและแม่ชาวพม่า ชาวกัมพูชา กลุ่มหลังนี้จะมาดึกหน่อยประมาณหกทุ่มขึ้นไป ซึ่งปะปนกันในการเดินขอเงินตั้งแต่ถนนซอยนานา ในซอยสุขุมวิท3/1 ซอยสุขุมวิท 5 และสุขุมวิท 7
สำหรับในซอยสุขุมวิท 3/1 ส่วนมากที่มานั่งขอประจำ มีแม่ลูกคู่หนึ่ง เป็นชาวกัมพูชา เด็กจะหัวโต อายุประมาณ 13 ปี นอนอยู่ในรถเข็น จะมีแม่คอยนั่งอยู่ด้วยพัดให้ลูก เด็กเองก็พูดไม่ได้ด้วย เน้นไปเรื่องความน่าสงสาร สำหรับเคสนี้ตำรวจที่เข้ามาสำรวจหรือหน่วยงานไหนส่วนมากจะเฉยๆกับแม่ลูกคู่นี้ เพราะจะเน้นเพื่อขอไปรักษาโรคที่ลูกเกิด แม่เล่าให้ฟังว่า ในสามเดือนจะพาลูกกลับกัมพูชา เพื่อพาลูกไปตรวจ และให้หมอดูอาการตลอดจนรับมายามากิน แต่ช่วงหลังลูกจะไม่สบายบ่อยมาก กลับไปครั้งนี้นอนโรงพยาบาลยาวเกือบสองเดือน เงินที่คนให้ก็มาเป็นค่ารักษาพยาบาล ถ้าอยู่ที่ประเทศ คงตายไม่นานแล้ว ฉันเป็นคนจนทำอย่างไรได้ เอาความน่าสงสารของลูกมาขาย เอาความเวทนาสงสารแปรมาเป็นเงินเลี้ยงทั้งฉันและครอบครัว ใครจะด่าจะว่าอย่างไร ทุกคนไม่ได้มาเป็นแม่อย่างฉันไม่รู้หรอกถึงความเจ็บปวด ความกลัว ความอาย ต่อสายตาที่ทุกคนมองมาที่ลูกฉัน บางคนก็ใจดีมากซื้ออุปกรณ์ทำความสะอาดให้ ซื้อนมอาหารเสริม หรือแม้แต่เสื้อผ้าที่เขาควรได้ใส่ สำหรับฉันถือว่าคนในซอยเขาเมตตาฉันกับลูก นักท่องเที่ยวเองก็จะให้ครอบครัวของฉันอยู่รอดในแต่ละวัน
กลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการ ส่วนมากก็มักจะเดินของ สำหรับผู้สูงอายุผู้หญิง มีครั้งหนึ่งที่ผู้เขียนลงพื้นที่ตั้งแต่ห้าโมงเย็น แต่นั่งที่ทางเดินมาซอยนานา ตรงสุขุมวิท 1 ได้เห็นผู้สูงอายุผู้หญิง มาเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนมาจากบ้านใส่กางเกงมา แล้วเปลี่ยนมาใส่ผ้าถุงสีนำเงิน เอาผ้าคลุมผมสีดำมาใส่ ที่หัว แล้วก็เดินมานั่งที่ซอยสุขุมวิท3/1 มีคนหลายกลุ่มหลายชุมชน หลายเชื้อชาติ กลุ่มที่นั่งส่วนมากจะเป็นคนอ้วนเดินไม่ค่อยไหว เมื่อนักท่องเที่ยวเดินผ่านจะหยอดเงินใส่กระป๋องพลาสติกให้ และมีผู้สูงอายุนั่งรถเข็นเป็นคนอ้วนอยู่ด้วย เข็นรถไปเรื่อยๆ พอนักท่องเที่ยวเดินมาก็จะแบบมือ สังเกตเห็นจะใช้มือขวาในการแบ แล้วยกมือแตะที่ปาก เป็นสัญลักษณ์ว่าฉันหิว จะเอาที่ได้มาไปซื้ออาหารกิน หรือซื้อให้ครอบครัว
ผู้สูงอายุอีกกลุ่มหนึ่ง กลุ่มนี้จะแข็งแรง แต่งตัวเหมือสตรีมุสลิมทุกประการโพกผ้าด้วยสีดำ แล้วใช้วิธีการเดินไปแตะหรือสะกิด เรียกว่าเข้าไปประชิดตัวนักท่องเที่ยว แล้วก็แบมือ กลุ่มนี้จะมีทั้งหญิงและชาย ส่วนมากจะเดินในซอยสุขุมวิท3/1 แต่จะมารวมตัวกันอยู่ที่หน้าโรงแรมเกรซ ในกลุ่มนี้จะมีบางคนมีกระเป๋ามาขาย หรือบางคนก็จะร้อยพวงมาลัยมาขายด้วย ติดตัวมาประมาณสาม-สี่ พวง พวงมาลัยราคาพวงละ หนึ่งร้อยบาท และหอมมากใช้มะลิสด
สำหรับคนพิการจะกระจายตัวกันในซอยนานา ตั้งแต่นั่งที่ป้ายรถเมล์ มีเด็กผู้หญิงตาบอดจะยืนอยู่ในซอยสุขุมวิท3/1 เป็นทางเลี่ยงซอยที่เดินทะลุซอย5 ได้ เด็กผู้หญิงจะยืนสลับกัน บางคืนก็จะมานั่งที่หน้าร้านสะดวกซื้อตรงถนนนานา เด็กผู้หญิงจะมีแม่มาคอยดูแลอยู่ห่างๆ โดยมีแก้วสีเขียวถืออยู่ที่ถือ ส่วนมากเป็นคนไทยแต่อยู่กันคนละแห่ง จะมีคนพิการขาขาดนั่งอยู่บนล้อเลื่อนแต่เป็นชาวกัมพูชา จะเดินทางไปไหนได้รวดเร็วมาก ช่วงหลังไม่ค่อยได้เห็นที่นานา
ในกรณีของเด็กจะมีหลายกลุ่มมาก ตั้งแต่เด็กที่ยังเล็กอยู่ แม่จะพาอุ้มเดิน เดินไปตามนักท่องเที่ยว การเดินก็จะเข้าไปสะกิดตัว ส่วนมากจะเน้นไปที่นักท่องเที่ยวผู้หญิง แล้วจะชี้มาเด็กน้อยที่แม่กำลังอุ้มอยู่ ชี้มาที่ปากของตัวเองและเด็ก ส่วนมากนักท่องเที่ยวจะให้เงินกลุ่มนี้มาก
ส่วนกลุ่มเด็กเล็กอายุประมาณ สี่ขวบ จนถึงประมาณหกขวบ ส่วนมากจะเดินของเอง แต่เด็กเหล่านี้มีเด็กหญิงชาย จำนวนมากกว่า 20 กว่าคนต่อปี เด็กน้อยเหล่านี้เมื่อเห็นนักท่องเที่ยวหญิงเดินมาทั้งครอบครัว เด็กหญิงจะเดินร้องไห้พร้อมกับกระโดดกอดขาของนักท่องเที่ยว ส่วนมากนักท่องเที่ยวจะหันมาพร้อมกับยื่นสตางค์ให้ หรือบางคนไม่ให้ก็จะเป็นของกิน เช่น ขนม นม หรืออาหารของอิสลาม บางครั้งก็แบ่งเสื้อผ้าของลูก ของเล่นให้เด็กเหล่านี้
สำหรับกลุ่มช่วงอายุตั้งแต่เจ็ดปีขึ้นไป กลุ่มนี้จะเดินขอไปทั่ว ในบริเวณซอยนานา ถ้าเด็กคนไหนท่องบทสวดคัมภีร์อัลกุรอาน ได้ นักท่องเที่ยวผู้ชายจะให้เงินจำนวนมาก ถือว่าเป็นคนศาสนาเดียวกันต้องแบ่งปันกับคนที่ตกทุกข์ หรือกลุ่มที่ด้อยโอกาสกว่า และมีบางครั้งที่มีคนป่วยมาจากประเทศแถบอาหรับ แล้วมาหายหรือได้รับการผ่าตัดที่ดี คนป่วยเหล่านี้จะพาครอบครัวมาเที่ยว มาเดินแจกเงินให้กับเด็ก เด็ก โดยให้เด็กยืนเข้าแถว เขาถือว่าเขาป่วยสิ่งของ ทรัพย์สินที่ดีต้องแบ่งปันให้คนอื่น ซึ่งส่วนมากก็จะมีเดือนละครั้งสองครั้งเป็นประจำ
จะมีอีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มเด็กวัยรุ่นตั้งแต่อายุ 13 ปีขึ้นไป กลุ่มนี้จะมีบางคนที่เข้ามาเป็นลูกจ้างขายของตามร้าน หรือบางคนก็ไปรับของจากร้านมาก่อน แล้วมาเดินขายในราคาที่ถูกกว่าบาทหรือสองบาท แต่ก็ได้กำไรที่พออยู่ได้ และบางร้านให้กำไรครึ่งต่อครึ่งเป็นของเด็กเหล่านี้ ในขณะนี้มีประมาณ หกคน แต่เด็กกลุ่มนี้มีทั้งเด็กไทย กัมพูชา และพม่า สำหรับเด็กไทยได้เรียนหนังสือ แต่ชาวต่างด้าวสองคนไม่ได้เรียนหนังสือเลย แต่พูดและสื่อสารภาษาไทยได้อย่างชัดเจน
ผู้คนในซอยนานามีมากมาย หลากหลายชาติพันธุ์ การทำงานหาเงินที่จะเลี้ยงคนในครอบครัวก็หลากหลายวิธีการทำงาน แต่ที่ห่วงสุดคือกลุ่มเด็กทั้งหลายเพราะหลายครอบครัวเอาเด็กมาด้วย เด็กเหล่านี้ใช้ชีวิตที่ซอยนานากันตั้งแต่หนึ่งทุ่มจนถึงตีสอง กลับถึงชุมชนก็ตีสาม กว่าจะได้นอนเกือบสว่างแล้ว การที่จะลุกขึ้นไปโรงเรียนจึงเป็นปัญหาของเด็กและครอบครัว จึงเป็นเหตุหนึ่งทำให้เด็กต้องหยุดเรียน ถึงไปเรียนก็ต้องไปนอหลับ
ถึงแม้หลายหน่วยงานที่ลงไปทำอย่างต่อเนื่อง สิ่งหนึ่ง ในซอยนี้จะถูกประทับตราว่า เป็น “กลุ่มค้ามนุษย์” ทั้งหมด ถ้ามีการแยกแยะครอบครัว และเคส ตลอดจนถึงทำความเข้าใจของหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงในเรื่องการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยเด็กทุกคนต้องได้เรียนหนังสือ ได้รับสวัสดิการขั้นพื้นฐาน ที่เด็กต้องได้รับ
“บุคคลที่รับผิดชอบในขณะนี้มีบางคนที่อาศัยน้ำพักน้ำแรงของคนด้อยโอกาสเหล่านี้เป็นเครื่องในการหาผลประโยชน์กับตนเอง คนเหล่านี้เอาเปรียบมนุษย์อย่างมาก คนของรัฐต้องรีบกำจัดให้พ้นจากหน่วยงานเร็วที่สุด ”
สำหรับในฐานะที่เป็นครูข้างถนน ที่ลงเข้าไปเรียนรู้ในพื้นที่ นี้ เป็นพื้นที่ที่น่าสนใจมาก ยังมีผลประโยชน์ซับซ้อนอยู่มาก ในขณะเดียวกันก็เป็นพื้นที่ให้กลุ่มคนด้อยโอกาสอีกกลุ่มได้ทำมาหากิน เลี้ยงครอบครัวได้ จะบอกว่าคนเหล่านี้ขี้เกียจ ก็ใช่ว่าจะถูกทั้งหมด แต่สิ่งหนึ่งก็การชักนำ ชักจูง อย่างไร ให้คนเหล่านี้กลับไปทำมางานที่สุจริต หลายเช่นครอบครัวได้ทำแล้ว
ซอยนานานไม่มีวันหลับทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นซอยที่มีสีสัน เสน่ห์ ให้คนต่างชาติ ต่างศาสนา มาท่องเที่ยว แม้แต่ของฝากก็มีความหลากหลาย กลิ่นเครื่องเทศ น้ำหอมก็ยังสิ่งเย้ายวนให้คนลองมาเที่ยว ลองซื้อ