banner
พฤหัสบดี ที่ 13 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2559 แก้ไข admin

งานถัก..เลี้ยงลูก




 
นางสาวทองพูล  บัวศรี

ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน  มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก

 

          ครูได้เดินบนถนนจากสยามถึงประตูน้ำ ระยะเวลากว่า 5-6 ปี ตั้งแต่เด็กน้อยประมาณ ยังไม่ถึงขวบ วันนี้เด็กน้อยที่พบอายุ 6 ปี เข้าเรียนชั้นอนุบาล ด้วยเหตุผลที่ออกมาอยู่บนถนนกับแม่ ที่รูปร่างผอมเล็ก นัยน์ตาคม ผมบ๊อบ ขณะที่พูดกับครู มือทั้งสองของแม่น้องไผ่ก็ถักไปด้วยตั้งแต่กระเป๋าใบเล็ก โบว์  ที่รองแก้ว เข็มขัดถัก  ราคา 10 จนถึง 300 บาท แล้วแต่สินค้าขนาดเล็กหรือใหญ่ ตลอดจน ลายถักลายไหน เป็นดอกใหญ่ก็ราคาแพงหน่อย

          ราคาเท่าไรจ๊ะกระเป๋าใสสตางค์  ใบละ 30 บาท วันหนึ่งได้กี่ใบ

          เป็นกระเป๋าก็ประมาณ 7 ใบ ได้ขายได้หมดก็ประมาณ 200 บาท

          แล้วทำไมต้องเอาลูกมาด้วย  เด็กได้รับอันตรายนะ ควันรถทั้งนั้นเลย

          ฉันไม่มีใครเลี้ยง  ฉันต้องออกมาขายของ ไม่อย่างนั้นทั้งฉันและลูกอดตายอย่างเดียว  ลูกฉันเป็นโรคหัวใจรั่วด้วยตั้งแต่กำเนิด 

          รักษาที่ไหน  ที่โรงพยาบาลราชวิถี  ถึงแม้จะมีบัตรสามสิบบาท ยาบางตัวของน้องต้องซื้อ เวลาไปหาหมอที่ก็หลายสตางค์ บางครั้งเงินที่หามาได้หมดไปกับค่ายา ค่ารถ ค่ากิน

          แล้วออกมาอย่างนี้ไม่กลัวถูกจับหรือ

ไม่กลัวเพราะฉันไม่ได้ขอเงิน  ฉันนั่งถักงานฝีมือ ใคร ใคร ก็เห็น  มันเป็นฝีมือของฉัน   แม่น้องไผ่ เคยถูกตำรวจจับบ้างไหม

ครู ฉันถูกไล่ตลอด  ตำรวจเขาบอกว่ามานั่งขวางทางเดินของคนทั่วไป  แต่ถ้าจ่ายสตางค์นั่งได้ ตำรวจเขาอนุญาตเป็นบางราย

ฉันก็ใช้วิธีการ ในช่วงเช้าไปนั่งที่บาทวิถี มันว่างช่วงเช้า  ขายไม่ได้หรอกแต่ลูกไผ่มีที่เล่น ไม่ต้องกลัวตกลงมาจากสะพานลอย  ไม่ต้องกลัววิ่งไปให้รถชน  ระวังอย่าให้พ้นสายตา

ครู ลูกไผ่ ป่วยเป็นโรคหัวใจรั่วจากกำเนิด

แล้วรักษาที่ไหน

ครู ฉันพาน้องไผ่ไปรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี

ช่วงสอง-สาม เดือน ต้องหาหมอตลอด

แล้วใครช่วยเรื่องรักษาพยาบาล ฉันของสงเคราะห์  แต่ยาบางตัวก็ต้องซื้อ

ฉันหาเงินเลี้ยงลูก ค่าเช่าบ้าน ค่ากิน ค่ายาลูกคนเดียว

สามีฉันพอรู้ว่าลูกเกิดมาเป็นโรคหัวใจ  เขาหายไปเลย  อย่างนี้แหละผู้ชาย อะไรลำบากเขาก็ไม่อยู่กับเราหรอก จึงต้องดูแลกันเอง เลี้ยงกันเอง

ไปโรงพยาบาลทุกเดือน  เงินที่หามาจากการ “งานถัก...” ของฉัน

ฉันถักสิ่งของเหล่านี้เป็น และติดตัวมาตลอดตอนเรียนชั้นประถมศึกษา ฉันจบแค่ ม.3  แล้วก็มาเจอกับแฟน พ่อของลูกไผ่

ช่วงแรกชีวิตครอบครัวมันก็ดีนะ  เพราะยังทำงานด้วยกันทั้งคู่  แต่พอฉันท้อง ฉันทำงานไม่ไหว เงินก็เริ่มไม่พอใช้  ฉันเป็นของานเขาทำ สุดท้ายก็ไม่พอ

ตอนท้องฉัน เคยคิดมาก ไม่มีเงินค่าเช่าบ้าน อยากตาย  แต่มีคุณยายดักแด้ แกบอกว่าชีวิตมันต้องสู้  ถ้าเอ็งตายแล้ว  ลูกที่อยู่ในท้องเอ็ง เขาไม่ได้มีความผิดอะไร 

ครั้งนั้นแหละคิดได้  เคยนั่งขอเงินคนเดินผ่านไป-ผ่านมา ห้า ครั้ง จำสายตาคนที่ให้ได้  ฉันมันต่ำต้อยขนาดต้องขอเงินคนอื่น  ฉันก็พอมีความสามารถเรื่องการเย็บปักถ้กร้อย

พอฉันคลอดลูกออกมา ได้สัก สามเดือน  ก็เอาลูกออกมาขายสินค้าที่ฉันถักเอง  ซึ่งมีหลายอย่างด้วย  มีคนซื้อของฉันทุกวัน  ฉันจะพาลูกออกมาตั้งแต่สิบเอ็ดโมง จนถึงบ่ายสองหรือบ่ายสามแล้วแต่วัน  ส่วนใหญ่ฉันออกมาวันธรรมดามากกว่าเสาร์-อาทิตย์

วันธรรมดาคนมีเดินเพราะเป็นชาวต่างชาติ เวลาเขาซื้อที่ ซื้อบางครั้งเหมาเลย  เพราะฉันขายถูก ราคาแค่ 10 จนถึง 50 บาท  แล้วเป็นงานถักเอ็ง ชาวญี่ปุ่น เกาหลี เด็กวัยรุ่นจะซื้อ  สำหรับวันเสาร์-อาทิตย์  ฉันจะไปรับจ้างทำความสะอาด  เพราะเจ้าของบ้านจะอยู่  สามชั่วโมง 400 บาท  บางวันก็ได้สอง-สามหลัง  เอาลูกไปเลี้ยงด้วย




ทำงานอย่างนี้เลี้ยงลูกจนอายุ 6 ปี

คุณแม่น้องไผ่เหนื่อยไหม  

จะบอกว่าไม่เหนื่อยมันโกหกกันนะครู  มันโคตรเหนื่อยเลย  แต่หยุดไม่ได้เพราะลูกเล็ก  และสารพัดค่าที่ต้องจ่าย ต้องใช้เงินทั้งนั้น

หน่วยงานที่รับปากจะช่วย เขาช่วยครั้งเดียวเท่านั้น  พอเขาได้เคสเขาก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย  บางคนมาเจอกันครั้งที่สอง สาม เขายังไม่ทัก ฉันเลยครู  บางคนมาจดขอรายละเอียดยิบเลย แต่ก็ไม่รอเขานะ เพราะถ้ารอป่านนี้คงอดตายทั้งแม่และลูก

มีกลุ่มครูที่ช่วยซื้อของงานถัก จำได้ว่าครูมาเหมางานถัก ครั้งละ 100 ชิ้น สามครั้ง เห็นบอกว่าจะเอาไปต่างประเทศ 

ครูเอางานถักของเราไปแสดงที่ประเทศฟิลิปปินส์   เป็นงานอบรมหลักสูตรสิทธิมนุษยชน เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม  ผู้เข้าอบรมจึงได้รับของฝากจากแม่น้องไผ่ เป็นกระเป๋าใบเล็ก  ทุกคนที่เข้าประชุมชอบมากคะ

ครั้งที่สองเป็นโบว์รัดผม  แม่น้องไผ่ถักเป็นดอกทานตะวัน  ตอนนั้นแม่น้องไผ่ คิดแค่ราคาต้นทุน  ตอนที่ไปฟิลิปปินส์ พอไปถึงก็เปิดคอรส์การสอนถักกันเลย ดีที่ครูพอทำได้แต่ไม่เก่งเท่าแม่น้องไผ่   ทำจนเป็นอาชีพหาเงินดูแลครอบครัว

แม่น้องไผ่บอกว่าคนที่ชอบซื้อสินค้าอย่างมาก คือเด็กสาวชาวญี่ปุ่น บอกว่าเก๋มาก  ที่ญี่ปุ่นถ้าเป็นรุ่นแม่จะทำเป็นทุกคน แต่รุ่นสาว สาวรุ่นนี้ทำไม่เป็น ไม่ค่อยสนใจ  แต่เมื่อไรเห็นข้างฝีมือเหล่านี้ เด็กเหล่านี้จะช่วยซื้อ ซื้อที่ละครั้งเยอะ เยอะ จ๊ะ

บางวันที่โชคร้ายไม่สามารถนั่งบนสะพานลอยได้ เพราะมีการกวดจับ หรือมีแขกบ้านแขกเมืองมาซื้อของที่ห้าง  ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเขาจะห้ามใช้มาขายของ  ซึ่งแสดงว่าวันนั้นฉันกับลูกต้องอด  แต่ต้องว่างแผนให้ดีในช่วงที่มีคนมาเหมาจะเก็บเงินอย่างไร

ชีวิตของฉันอยู่ได้ทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งเป็นงานถัก ที่ขายฝีมือ

แต่ยังมีคนใจดี ที่ให้ค่ารักษาพยาบาลของน้องไผ่ พร้อมทั้งค่ารถและค่ายา  แล้วช่วยเอาถักของแม่น้องไผ่ ไปช่วยจำหน่ายให้ด้วยแล้วนำเงินมาให้เป็นรายสัปดาห์

แต่ละคนที่ช่วยจะบอกว่าทำงานอย่างนี้ต่อไป อย่าขอทานเด็ดขาด  งานนี้มันมีศักดิ์ศรี เพราะฝีมือตัวเอง

สำหรับน้องไผ่  ช่วงปีแรกไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไร ต้องหาหมอตลอด

ปีที่สอง ก็ต้องหาหมอทุกเดือน ตัวเล็กมาก  มีคนหนึ่งที่อยู่สภากาชาดไทยเอาอาหารเสริมมาให้ กินแล้วคอยดีขึ้นเยอะมาก

ปีที่สาม น้องไผ่แข็งแรงขึ้นมาก พูดจาชัดเจน  ฉันเลยรับจ้างทำงานบ้านพร้อมเอาลูกไปด้วย  เริ่มหาบ้านเช่าที่ใกล้ศูนย์เด็กเล็กมากขึ้น

น้องไผ่ไปเรียนที่ศูนย์เด็กเล็ก ในช่วงกลางวันฉันจึงไปทำงานรับจ้างทำความสะอาดตามบ้าน เย็นประมาณบ่ายสาม เมื่อไปรับลูกมาแล้ว ฉันจึงพาลูกมาขายงานถักที่ทำ  บางครั้งก็มีพอสมควร ถ้าไม่มีเหลือก็จะนั่งถักในขณะนั้นแล้วก็ขาย

น้องไผ่ย้ายจากศูนย์เด็กเล็ก มาเรียนที่โรงเรียนของกรุงเทพมหานคร  น้องไผ่มีความสุขมากที่ได้มีโอกาสไปเรียนเหมือนเด็กทั่วไป  ถึงแม้เวลาเล่น เล่นวิ่งหรือยกของที่มีน้ำหนักไม่ได้มากเท่าที่ควร เพราะจะมีอาการเหนื่อยง่าย และบางครั้งก็ก็มีอาการหอบด้วย  น้องไผ่จะต้องหยุด เพราะหัวใจยังประสานกันไม่หมด  บางจุดยังมีรอบรั่วอยู่   จึงต้องให้เล่นแบบเบา เบา  และไม่ให้วิ่งแบบรุนแรง หรือสิ่งที่ต้องใช้กำลังหรือพลังจำนวนมาก   น้องไผ่เองก็ชอบอ่านหนังสือ ระบายภาพ  แต่ที่สำคัญน้องไผ่เป็นคนที่ไม่ชอบหยุดนิ่ง

สำหรับปีนี้น้องไผ่ หกปีเต็มสมบูรณ์ ได้เรียนชั้นอนุบาลสอง ร่างกายแข็งแรง การเดินดีขึ้น วิ่งได้ กล้ามเนื้อที่อ่อนแรง ดูมีกำลังขึ้น ตลอดจนเรื่องโรคหัวใจ หมอนัดสามเดือนครั้งหนึ่ง แต่ต้องกินยา ต่อเนื่อง  และไม่ต้องผ่าตัดแล้ว  ซึ่งเป็นโชคดีของฉัน  ไม่อย่างนั้นก็กังวลอีกหลายเรื่อง

การเรียนของน้องขึ้นในระดับชั้นที่สูงขึ้น ก็ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก  ตอนนี้ทั้งค่าอาหาร ค่าห้องเช่า  ห้องเช่าก็เลือกที่ใกล้โรงเรียนของน้องไผ่  เพื่อต้องเดินทางไปแต่เช้า  แม่เองจะนั้นต้องเลือกด้วยเหตุผลไม่ต้องการให้น้องเหนื่อยมาก  ถึงแม้แม่ต้องทำงานหนักและนอนดึกสำหรับนั่งถักไหมพรมให้ได้มากที่สุด  เพราะยิ่งได้มากหลากหลายรูปแบบ ก็ยิ่งได้เงินจำนวนเพิ่มขึ้น  เพื่อให้พอกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มตามน้องไผ่ที่โตขึ้น

น้องไผ่เป็นสิ่งเดียวที่ทำงานให้แม่ต้องลุกขึ้นสู้  เห็นหน้าทีไรก็สร้างกำลังใจให้ตลอด  เวลาเห็นเขายิ้ม เขาได้แต่งชุดนักเรียน อ่าน ก ถึง ฮ   ร้องเพลง ท่องคำกลอน  ฉันสู้ขาดใจเลยครู   เขาคือน้ำค้างกลางใจฉัน  ฉันเห็นหน้าน้องไผ่ คือกำลังอย่างดี   สองแม่ลูกสู้มาด้วยกัน แม้เห็นเวลาที่เขาหายใจแบบหอบ และเหนื่อย  แม่เองหัวใจมันร้องไห้อยากเจ็บแทนลูก   แต่เมื่อถึงมื้อคุณหมอ  ทั้งแม่และลูกต่างก็โล่งใจทุกคะ   อาการแบบนี้เป็นในช่วงสามปีแรก สำหรับน้องไผ่ 




ถึงฉันจะต้องลำบากมากกว่านี้ ฉันก็ยอม เพื่อให้ลูกได้เกิดมา ได้ใช้ชีวิต  ถึงแม้สองคนแม่ลูกจะลำบากมาก  พวกเรามีความรัก ความห่วงใย เป็นลายสัมพันธ์ถักทอเหมือนกับสิ่งของที่ฉันขาย แค่ด้วยเชือกเส้นหนึ่งสามารถเป็นกระเป๋า เป็นโบว์ เป็นที่รองแก้ว ฯลฯ สร้างสรรค์จนกลายเป็นสิ่งของที่หลายคนอยากปรารถนาที่ได้ไปใช้ งานเหล่านนี้ถักทอมาจากความรักของแม่น้องไผ่และน้องไผ่เอง  แลกกับเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายให้สองแม่ลูกยืนหยัดอยู่ในสังคมด้วยฝีมือและลำแข้งของทั้งสองคน

งานเหล่านี้คนที่ซื้อมักจะถามว่า ทำเอ็งอย่างนี้ พอเลี้ยงชีพหรือ

แม่น้องไผ่ตอบว่า ไม่พอ แต่แม่ยินดีที่จะทำ เพราะทำงานฝีมือของตัวเอง

ถ้าฉันอยากได้มากกว่านี้อีกวนเสร็จ

ถ้าเป็นโบว์ก็คืนเดียวประมาณ 60อัน นะ  อันละ 10 บาท

ถ้าเป็นกระเป๋า ได้ประมาณไม่เกิน 30 ใบ ใบละ 35 บาท

ถ้าเป็นกระเป๋าใบใหญ่ได้แค่ใบเดียว ใบละ 350 บาท

คุณพี่จะเอาแบบไหน  ขอเป็นกระเป๋าใบเล็ก 50 ใบ  ฉันจะมาเอาวันพรุ่งนี้ตอนเย็น จะเอาไปแจกเพื่อนที่มาทำกิจกรรมที่เกษียณอายุด้วยกัน

ฝีมือดี ของหลากสีหน่อย  ให้ฉันไปซื้อไหมพรมให้นะ ฉันจะเอาหลายสี

แม่น้องไผ่บอกเสมอว่าคนที่เห็นคุณค่างานฝีมือ ก็จะช่วยฉันเสมอ

จะพบคนเหล่านี้เสมอ ที่มีน้ำใจต่อกัน  สิ่งที่ย้ำเตือนแม่น้องไผ่ คือน้ำใจขิงผู้คนยังมีให้เห็นกับเราสองแม่ลูกเสมอมา

มีเด็กหญิงชาวเกาหลีมาเที่ยว เห็นแม่น้องไผ่ถัก  ไปซื้อไหมพรมมาให้จำนวนหลายสิบโหล ด้วยกัน  แล้วมาเรียนถักด้วย บอกว่าอยากทำอยากเป็น  ของทั้งหมดที่ซื้อมาเป็นค่าครูที่  แม่น้องไผ่สอนให้  ที่เกาหลีเรียนแบบนี้ต้องเสียเงินค่าเรียนแพงมาก   เพราะเป็นงานฝีมือที่ทำด้วยตนเอง  ช่วงนี้เกาหลีฮิตมาก  จึงได้ทั้งโบว์ติดผม กระเป๋าสตางค์ใบเล็ก  กระเป๋าสะพายฝีมือของเขาเอง  มาเรียนอยู่ด้วยสามวัน  แถมยังซื้อเสื้อผ้าให้น้องไผ่อีกสามชุดด้วย  บอกว่าจะกลับมาเยี่ยมอีก

มีผู้หญิงสูงอายุประมาณ 63 ปี เป็นชาวอังกฤษ มาเห็น เขาเลยเอากระเป๋าที่เอาถักเองมาแลกกับกระเป๋าของแม่น้องไผ่  และยังซื้อกระเป๋าใบเล็กไปกว่า 50 ใบ ไปแจกเพื่อนที่ประเทศอังกฤษ 

จะมีคนเหล่านี้ที่ช่วยให้งานถักอยู่ได้  สำหรับเด็กนักเรียนเด็ก สาว สาว ในประเทศไทย  จะชอบซื้อโบว์ติดผม  ครั้งละ 7 สี  บอกว่าไว้รัดผมยาวไปโรงเรียน  มีบางครั้งก็มาเหมาไปแจกเพื่อนที่โรงเรียน  บอกว่าเก๋ดี  และที่สำคัญเป็นงานที่ทำให้เห็น เห็นกันเลย  สาวน้อยบอกว่าอย่างนี้ต้องสนับสนุน

แม่น้องไผ่บอกว่า ฉันใช้ชีวิตบนถนนตั้งแต่สยาม จนถึงประตูน้ำ กว่า 6 ถึง 7 ปีแล้ว  ด้วยงานถักของฉัน   ทั้งฉันและน้องไผ่ โตมาได้ทุกวันนี้ด้วยงานถัก...ฝีมือของฉันเอง  งานของฉันมีค่า เพราะงานทุกชิ้นที่เสร็จออกมา  “ถักมาด้วยหัวใจ”