banner
จันทร์ ที่ 5 เดือน กันยายน พ.ศ.2559 แก้ไข admin

เรื่องสั้น...ผมไม่มีบ้าน




นางสาวทองพูล  บัวศรี

ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน  มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก

 

 

            ครูคะ มีเด็กสามคนมานอนที่ร้านสะดวกซื้อ หน้าปากซอยเข้าหมู่บ้าน นอนปะปนกับหมาจรจัดที่ไม่มีเจ้าของ ฉันจะช่วยอะไรได้บ้างไหมครู เด็กทั้งสามคนใส่เสื้อผ้าชุดเก่า กลิ่นตัวเหม็นเปรี้ยว ผมยาวรุ่งรัง เล็บมือดำสนิมแถมยาวด้วย รองเท้าไม่ใส่ นอนกลิ้งไป กลิ้งมา มีคนมาปลุกแล้วก็ไม่ลุก หลับสนิทเลย คนที่เดินผ่านไป-ผ่านมา มองกันเป็นที่อุจาดตา  มีบางคนที่ซื้อน้ำ ขนม นม มาวางไว้ให้  ฉันอยากช่วยแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร จึงโทรมาหาครู

          เด็กอยู่ที่ไหนคะ  ช่วยบอกสถานที่ และสายรถเมล์ที่ผ่าน

          ครูขอลงไปดูพื้นที่ก่อน  ขอให้ช่วยถ่ายรูปขณะที่เด็กนอนอยู่ พร้อมสถานที่ให้ด้วย

          ครูลงไปพบเด็กทั้งสามคน ที่ถูกไล่ให้พ้นจากหน้าร้านสะดวกซื้อ  นอนเกะกะขวางทางเดิน คนที่เข้ามาซื้อของในช่วงเช้า  เจ้าหน้าที่ร้านสะดวกซื้อเป็นกังวลอย่างมาก เมื่อมีทางบริษัทมาตรวจ ถึงร้านจะมีคนเข้ามาซื้อของมากมายแต่เมื่อมีหมา มีคนมานอนจะทำให้เสียภาพลักษณ์ของร้าน  ร้านจะถูกประเมินลดระดับลงทันที

          เด็กทั้งสามคนชอบมานอนหน้าร้าน เพราะเวลามีคนเข้าร้านก็จะมีแอร์เย็น เย็นพุ่งออกมา  แต่ ถูกไล่ให้ออกจากหน้าร้านสะดวกซื้อแต่ตั้งหกโมงเช้าทุกวัน

          คนที่หนึ่ง ไปนอนด้านหลังร้านสะดวกซื้อ

          คนที่สอง นอนที่หน้าร้านอาหาร ตรงที่จอดรถคนมาซื้อของ

          คนที่สามไปนอนที่หน้ากองขยะของชุมชน

          ทั้งสามคนเลือกนอนตามอำเภอใจ ที่คนมาซื้ออาหารพอจะเห็น คนที่เกิดสงสารก็ช่วยซื้ออาหารวางไว้ให้ มีบางคนที่เอาแบงก์ยี่สิบยัดใส่มือขณะที่เด็กนอนหลับ

          ครูนั่งเฝ้าอย่างใจเย็นตั้งแต่หกโมงเช้าจนถึงสิบเอ็ดโมง  นั่งเฝ้ามองถึงการนอนเด็กทั้งสามคน  นอนอย่างมีความสุขมาก เต็มไปด้วยแมลงวันตอมหน้า ตอมตัว มีหนูตัวเล็กวิ่งข้ามผ่านตัวเด็กที่นอน มีแมลงสาปวนเวียนใกล้หัวเด็ก

          สะดุดมากคือท่านอนของเด็กชายคนที่สอง  เริ่มตั้งแต่การนอนคดคู้  นอนมาเหยียดเต็มตัวกางแขนกางขาอย่างเต็มที่ ที่นอนนี่แสนสบาย มีท้องฟ้าเป็นผ้าห่ม มีพื้นปูนซิเมนต์เป็นที่นอนแสนนุ่ม มีแสงแดดอ่อน ลมพัด แต่มีควันจากท่อไอเสียงของรถเป็นแอร์ชั้นดี

          ครูเองก็เตรียมการไว้ ถ้าเจ้าสามตัวตื่น จะคุยด้วยไหม เพราะเด็กไม่รู้จัก จะไม่เกิดความไว้วางใจ เด็กกลุ่มนี้เรื่องการโกหกเป็นเรื่องปกติ ทำอย่างไรให้เขาไว้วางใจและประทับในครั้งแรกที่พบกัน  ซื้อไก่ย่าง 6 ไม้ ข้าวเหนียวหกห่อ น้ำสามขวดเตรียมรอไว้  เมื่อเด็กตื่นให้กินก่อนแล้วคุยกัน

          คนที่มาซื้อของร้านสะดวกซื้อมองครูด้วยสายตามีคำถามว่า จะมานั่งทำไหม เจ้าพวกนี้มันเป็นพวกเด็กเหลือขอ พ่อแม่มันยังไม่เอา ครูเป็นใครมานั่งเฝ้ามันอยู่ได้

          มีร้านค้าหมูปิ้ง ร้านน้ำเต้าหู้ ร้านก๋วยเตี๋ยว  ต่างพากันมาให้กำลังใจ และให้ข้อมูลว่า เด็กทั้งสามคนใช้ชีวิตกันอยากโชกโชนอย่างมาก  พวกนี้จะเดินมาจากชุมชนกีบหมูวันละประมาณ 6 กิโลเมตร มาถึงร้านสะดวกซื้อก็ประมาณสี่ทุ่มทุกคืน มาขอก๋วยเตี๋ยวกิน แต่เจ้าของร้านก๋วเตี๋ยวจะให้เด็กทำงานก่อนเช่น เก็บโต๊ะ ล้านจานชาม ถึงจะได้กิน

          พอร้านเหล้าเปิดทั้งสามคนจะเดินขอเงิน บางครั้งก็จะได้กินเหล้า เล่นยา ตามกลุ่มนักท่องเที่ยว  มีเด็กคนหนึ่งเริ่มเดินยาแล้วนะครู  น่าห่วงสุด ครูช่วยมันที ฉันเคยเอาพวกนี้ไปส่งที่บ้าน ให้ฉันส่งแค่หน้าปากซอย จากวันนั้นถึงวันนี้ สามปีแล้วครู จากที่ตัวเล็กเดี๋ยวนี้มันเป็นวัยรุ่น  เริ่มทำความเดือดร้อนให้ชุมชนแล้วนะ  มีคนหนึ่งไม่ใช่เด็กไทย มันเป็นเด็กชาวกัมพูชา  พวกฉันเรียกว่า “ไอ้เขมร”

          เด็กทั้งสามคนตื่นขึ้นมาก็รีบเดินหนีครูทันที เพราะไม่ไว้ใจ ยายป้าคนที่มานั่งเฝ้า จนต้องเรียกว่า ครูอยากคุยด้วย ซื้ออาหารไว้ให้แล้วมากินกันก่อน

          คนแรกชื่อเจ้าหนึ่ง ตัวเล็กผมยาว อายุ 13 ปี เรียนแค่ ชั้นประถมศึกษาปีที่สาม ผมมีบ้านเช่า มีแม่ แม่ผมมีผัวใหม่ เขาชอบใช้ความรุนแรง เวลาเขาโกรธ เขาทำลายข้าวของในบ้าน ตั้งแต่วิทยุ โทรทัศน์

          คนที่สอง ชื่อ “แบงค์”  เป็นเด็กกัมพูชา อายุ 14 ปี ตัวเล็ก ผมยาว เบ้าตาลึกมาก ผอมโซ เวลาคุยมีกลิ่นปาก กลิ่นตัว ผสมกัน ขณะที่คุยไม่เคยสบตา สายตาจะมองที่เท้าตัวเองตลอดเวลา ซึ่งเท้าก็ดำมาก ผมไม่มีบ้าน ในชุมชนนี้แล้ว แม่เขาทิ้งผมไปไหนก็ไม่รู้  พ่อเลี้ยงก็หายไป  ผมไม่มีใครนอกจากเพื่อน อาศัยเสื้อผ้าของเพื่อน เวลาอาบน้ำผมก็อาศัยที่อู่แท็กซี่ บางครั้งก็ไล่ผมอย่างหมาเลย  แปดวันแล้วไม่ได้อาบน้ำ ช่วงนี้หมกตัวกันอยู่แต่ในร้านเกม ข้าวมีกินบ้างไม่มีบ้าง วันไหนที่ขอได้ก็จะได้กิน

ขณะที่คุยก็กินไก่ย่าง ข้าวเหนียวไปด้วย  โดยไม่แปรงฟัน  จนครูบอกว่าลุกไปล้างหน้ากันก่อนดีไหม  อย่าสนใจผมเลย ผมจะอยู่อย่างไร จะกินอะไรก็ช่างผมเถิด  เจ้าแบงค์ ส่งเสียงแบบรำคาญออกมา ชีวิตผมป้ามายุ่งอะไรด้วย  ใครบอกป้าให้มานั่งเฝ้าผม ผมอยู่ได้  อย่ามากได้ไหม เบื่อ..เบื่อ.

คนที่สามเจ้าเล็ก ตัวอ้วนใหญ่ ผมยาวมาก ไม่ค่อยพูด แต่กินอย่างเดียว กินไก่ย่าง ข้าวเหนียว หมดก่อนพร้อมน้ำ ก็ลุกเอาน้ำไปล้างหน้า ล้างตา ก็เดินมาถามว่า ใครไปบอกครู ครูรู้ได้อย่างไร

มีพลเมืองดีเขาอยากช่วยเหลือพวกเรา อยากให้พวกเราไปโรงเรียน  อย่ามายุ่งกับพวกผมเลย แม่ของผมยังไม่สนใจเลย ครูเป็นใคร  จะหวังดีกับพวกผมทำไม พูดแบบตะคอกใส่ 

ครูมันพวกโลกสวย  เฮ้อ พูดกันดี  ครูมาวันนี้เพราะอยากคุยกับพวกเรานะ  มานอนแบบนี้คนที่เดือดร้อน คือ พ่อกับแม่เธอ.. พวกเธอเลือกเองว่าจะไม่ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน  ครูเองก็ต้องมาดูเพราะคนแจ้งว่ามีเด็กมานอนแบบนี้ผิดกฎหมายจับพ่อแม่ได้


เสียงเจ้าแบงค์ ผมไม่มีแม่ ไม่มีพ่อ ไม่มีบ้าน จะไปจับใคร  เสียงเครือน้ำตาคลอ

แบงค์...แต่มานอนแบบนี้ไม่ได้  แบงค์..สูบบุหรี่ด้วยใช่ไหม  ผมทั้งสูบทั้งกินเหล้า  ผมกลัว ผมกลุ้ม ไอ้หนึ่ง ไอ้เล็กมันมีบ้าน มันมีแม่ แต่ ผมไม่มีใคร...

วันแรกที่พบกันจบไม่เป็นท่า  ครูกลับมาตั้งหลักก่อน เจ้าแบงค์เล่นครู เดินต่อไม่ได้ ไปไม่เป็น

ครูเริ่มต้นครั้งที่สองไปโรงเรียน อย่างน้อยเจ้าหนึ่ง เจ้าเล็กได้เรียนหนังสือ หาทางติดต่อครอบครัวเด็กได้

 โรงเรียนบอกว่าครูช่วยกันดูแลทั้งสองคนอย่างยาวนานพยายามจะให้เรียนให้จบ เคยใช้ทีมสหวิชาชีพมาพูดคุยแล้ว ก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายต้องปล่อย  ผมมีเบอร์แม่ของเด็กทั้งสองคนนะ ตอนนี้พวกนี้เหมือนโจรเลย ทำไมปล่อยตัวกันแบบนี้  แต่มีเรื่องอะไรที่ช่วยได้ครูบอกได้เลย โรงเรียนให้ความร่วมมือครับผม รองผู้อำนวยการโรงเรียนบอก

สำหรับครอบครัวเจ้าหนึ่งกับเจ้าเล็ก จัดการที่หลัง  ดำเนินการช่วยเจ้าแบงค์ก่อน

แบงค์ ครูอยากคุยด้วย 

ครูมีอะไรกับผมกันหนัก กันหนา อย่ามาใส่ใจกับผมเลย ไม่มีใครเขาอยากได้ผม เขาทิ้งผมไว้อย่างนี้

แบงค์ ที่กัมพูชา มีใครอยู่บ้าง

ไม่เหลือใครแล้ว ผมถึงมากับแม่  แม่เป็นที่พึ่งสุดท้ายของผม  แต่สุดท้ายผมเป็นภาระแม่ใช่ไหม  แม่ไม่เอาผม แม่บอกให้ผมรออยู่ที่นี้ แม่จะกลับมารับผม เมื่อแม่ได้งานแล้ว สามปีแล้ว แม่ยังไม่มาเลย  ผมก็มานั่งคอยทุกวันที่หน้าปากซอยนะ   บ้านที่แม่เคยเช่าตอนนี้มีคนอื่นมาอยู่แล้ว  ผมไม่มีบ้าน...ผมไม่มีที่ไป...

แล้วจะเอาอย่างไรกับชีวิต

ผมก็อยู่แบบนี้ ใครจะจ้างผมทำอะไร  ผมทำหมด ผมอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ไม่มีเอกสารใด ใด ผมก็มีอยู่แค่นี้ แม้แต่เสื้อผ้ายังไม่ใช่ของผมเลย

ขณะที่คุยกันที่ร้านเกม มีรถเก่งเด็กหนุ่มลงมาจากรถกวักมือเรียก แบงค์ไป แล้วเอาห่ออะไรใส่มือแบงค์  แล้วแบงค์ก็วิ่งเข้าไปในร้านเกม  กลับออกมาก็มีเงินออกมาด้วยส่งให้เด็กหนุ่มขับรถออกไป  โดยในมือแบงค์มีเงินห้าร้อยบาทอยู่ในมือ

ครูได้แต่มอง แล้วไม่ถามอะไร เดินเข้าไปในร้านเกม ถามหาเจ้าของร้านเกม เป็นวัยรุ่นนั่งเฝ้าคอยเก็บเงินคนมาเล่น  ซึ่งเปิดประมาณแปดโมง ร้านของผมเปิด 24 ชั่วโมงครับ เด็กพวกนี้หรือ ไอ้แบงค์น่าสงสารที่สุด มันไม่มีใคร  มันมาอยู่ร้านผมทั้งวันทั้งคืนครับ  แต่กลางคืนผมจะให้มันออกไปกัน กลางคืนจะมีวัยรุ่นมาเล่นกันมาก  กลัวมีเรื่องทะเลาะกัน

ครูกลับมาถึงที่ทำงานหนักอึ้ง ต้องหาที่อยู่ให้เจ้าแบงค์ ต้องเอาออกจากพื้นที่ชุมชนกีบหมูก่อน  เพราะวันนี้เห็นแล้ว ไม่พ้นการเดินยา แบงค์ตกเป็นเครื่องมือแสวงหาประโยชน์จากคนอื่น เพราะเวลาถูกจับ แบงค์รับไปคนเดียวทั้งไม่ใช่เด็กไทย สอง-สามข้อหาลอยมาทันที่ ชีวิตอยู่ในคุกเด็ก ต่อด้วยคุกผู้ใหญ่

จึงโทรประสานหน่วยงานของรัฐ ที่มีหน้าที่ในการคุ้มครองเด็ก ต้องการพนักงานคุ้มครองเด็กลงพื้นที่ด้วย พร้อมส่งเอกสารสรุปการลงพื้นที่ให้เป็นข้อมูลก่อน

วันรุ่งขึ้น ครูจึงไปตั้งแต่ตีห้า วันนี้มีเจ้าแบงค์คนเดียวที่มานอนหน้าร้านสะดวกซื้อ  เจ้าหนึ่งกลับไปนอนกับน้องสาวในบ้านเช่า  เจ้าเล็กครูเพิ่งเอาเข้าบ้านสร้างสรรค์เด็ก เพราะโดนหมากัดต้องรักษาตัวยาว

นั่งเฝ้าประมาณห้าชั่วโมง กว่าหน่วยงานจะมา

เด็กเห็นรถที่วิ่งมา ก็วิ่งหนีสุดชีวิตเลย  เจ้าหน้าที่วิ่งไล่จับ ทันกันที่ร้านข้าวแกง  เด็กวิ่งเข้าไปหลบ  เจ้าของร้านก็ได้แต่มอง

ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทำงาน ครูคอยอยู่กว่าชั่วโมง

สุดท้ายครูจึงเดินเข้าไป เด็กเห็นหน้าครู เดินเข้ามาหาแล้วร้องไห้ดังมาก  ผมจะอยู่คอยแม่ เดี๋ยวแม่ก็มา  ผมจะไปไม่ไหนทางนั้น  ครูช่วยผมด้วย อย่าให้ผมไปไหน  “ผมคอยแม่ผม”

แบงค์ฟังครูนะ  แบงค์มาอยู่แบบนี้ไม่ได้ มานอนแบบนี้ ตำรวจเขามีสิทธิจับนะ  ครูก็ช่วยไม่ได้ หรือไปอยู่บ้านพักของมูลนิธิไหม 

ไม่ไปผมไม่ไป  ผมจะอยู่ที่นี้ได้ยินไหมครู

ผมยอมติดคุก ติดคุกให้มันตายไปเลย ผมไม่ไป

ตำรวจมาพอดีเลยแบงค์  จะเอาอย่างไร  จะไปกับเจ้าหน้าที่หรือครูหรือตำรวจ

ผมไปก็ได้  แต่ครูต้องไปส่งผมด้วยนะ  ครูต้องไปกับผมด้วย

ครูก็ขึ้นรถตู้ของหน่วยงานรัฐไปพร้อมกับแบงค์ ไปลงบันทึกประจำวันกันก่อน แล้วส่งที่บ้านของรัฐ แถวปากเกร็ด

พอไปถึง แบงค์ไม่ยอมลงจากรถ  ต้องบอกว่าครูจะมาเยี่ยม 

ครูใจร้าย ให้คนมาจับผม  ผมจะกลับไปคอยแม่ที่นั้น  ผมอยากกลับ เสียงร้องไห้มาอีกครั้ง

จนต้องอธิบายกันว่า มาอยู่ที่นี้ก่อน  ครูจะต้องทำงานกับหน่วยงานของประเทศกัมพูชา  และต้องตามหาคนที่รู้จักแม่ของแบงค์  ครูไม่ทิ้งแบงค์แน่นอน ครูสัญญา

แบงค์รู้ไหมว่า แบงค์กำลังทำผิดกฎหมาย เดินยาใช่ไหม  ตำรวจรู้ตำรวจจับส่งแบงค์เข้าคุกเท่านั้นนะ แต่นี้ เป็น ”บ้าน”  อีกหลังให้แบงค์ได้พัก มีที่เรียน พูดสื่อสารกับคนในชาติเดียวกัน เล่นกีฬา ฝึกอาชีพ  ลองอยู่กันก่อนไหม

น้ำตาลูกผู้ชายเขาไม่มาร้องไห้กันหรอกนะแบงค์  ครูกำลังหาแนวทางช่วยกันอยู่  ถ้าแบงค์ยังอยู่ในชุมชน แบงค์ไม่มีใครเลย ไม่รู้จักใครเลย มีแต่เพื่อน เพื่อนก็ยังเอาตัวไม่รอด ทั้งติดยา เดินยา ไม่มีวันได้เจอแม่แบงค์ ตามที่แบงค์ต้องการ

เจ้าหน้าที่ต้องอุ้มกันลงจากรถ ยังร้องไห้อย่างหนักมา ครูก็ได้แต่มองด้วยตาระห้อย สงสารสุด แต่มั่นใจในการปรับตัวของแบงค์

หนึ่งเดือนต่อมาครูกลับไปเยี่ยมแบงค์  พบแบงค์แล้วจำไม่ได้  พอเห็นหน้าครู

แบงค์บอกว่า ครูใจร้าย อย่าส่งผมกลับประเทศนะครู  ที่ประเทศกัมพูชา ผมก็ไม่มีบ้านเหมือนกัน ตา ยาย ผมตายหมดแล้ว  ผมไม่มีบ้านจริง จริง ผมไม่มีอะไรในชีวิตนี้ผมมีแต่แม่คนเดียวเท่านั้น 

ครูต้องตามหาให้เจอนะ มันคือความหวังของผม  “ผมอยากมีบ้าน ผมอยากกลับบ้าน”   เหมือนคนอื่นเขา

 

                                       ....................................................