banner
พุธ ที่ 11 เดือน พฤษภาคม พ.ศ.2559 แก้ไข admin

งานครูข้างถนน..เร็ว รุก แสวงหาความร่วมมือและทางออก ด้วยกัน

               นางสาวทองพูล  บัวศรี

ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน  มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก

ในช่วงปีนี้ขอประทานโทษผู้ที่ส่งข้อมูลผ่านทางไลน์บ้าง ทาง FB(เฟซบุค)บ้าง ทางโทรศัพท์บ้าง  ร้องผ่านคนอื่นแล้วใช้วิธีแท๊กบ้าง บางคนผัให้ข้อมูลพบเห็นด้วยตัวเอง บางคนถึงยื่นรอให้เราได้มีโอกาสพูดคุยกันเคส รอจนกว่าครูดำเนินการเสร็จ   ขอบคุณทุกท่านที่ส่งข้อมูลมา แล้วทางครูข้างถนนได้ลงไปช่วยเหลือเจอเด็กบ้าง ไม่เจอเด็กบ้าง บางครั้งก็ต้องลงกลางคืน  เดินตามซอกหลืบในยามวิกาล  ในฐานะที่เป็นผู้จัดการโครงการครูข้างถนน พยายามจัดสรรเวลาลงพื้นที่ให้มากที่สุด เพราะทุกท่านที่ประสานงานมาก็อยากทราบความก้าวหน้า ในขณะนี้ได้ดำเนินการดังนี้คร่าวๆ

(1) สำหรับกลุ่มที่เด็กขายดอกจำปี ที่แยวันนี้มีนัดที่จะไปทะเลกัน ครูจิ๋วไปรับแล้วเด็กยังไม่ตื่นกันเลย จึงไปรับเด็กลูกกรรมก่อสร้างไปแทนคะ เพราะเด็กจะย้ายไปแหล่งก่อสร้างอื่น
(2) ภาพเด็กที่นอนคู่กับสุนัขที่โพส์ตั้งแต่ปลายปีจนมาถึงบัดนี้พบแล้วว่าเป็นครอบครัวคนไทย คุณยายของเด็กขายลูกชิ้นปิ้ง ทาง พม.ได้ลงไปดำเนินการให้คะ
(3) แจ้งเรื่องแม่และเด็กชาวกัมพูชาที่พาลูกออกมาที่สุขุมวิท 11 ได้ลงไปคุยกับครอบครัวเด็กจำนวน 3 ครอบครัว พร้อมอธิบายเรื่อง พรบ.ควบคุมขอทานฉบับใหม่ด้วย
(4) สำหรับที่กำลังโด่งดังกันใน
FB ขณะนี้ เดี๋ยวคืนนี้จะลงไปดูที่เด็กนอนอีกครั้ง เมื่อวันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม 2559 ครูจิ๋วลงพื้นที่เอง แต่ไม่พบเด็ก และต้องขอโทษเป็นอย่างมาก เพราะงานหลายชิ้นมาก พร้อมกับเป็นช่วงกลางคืน ทำให้ล่าช้าลงไป แต่พยายามจะทำให้ดีที่สุดในฐานนะที่ต้องรับผิดชอบคะ....กศรีอยุธยา และสี่แยกยมราช ภายในอาทิตย์หน้าจะคุยกับประธานชุมชน และครอบครัวของเด็กเป็นรายครอบครัว วันนี้มีนัดที่จะไปทะเลกัน ครูจิ๋วไปรับเด็กไม่ตื่นกันเลย จึงไปรับลูกกรรมกรก่อสร้างไปแทน เพราะเด็กกำลังจะย้าย

(2) ภาพเด็กที่นอนคู่กับสุนัขทีโพสต์ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2558  จนมาถึงบัดนี้ยังติดอยู่ในออนไลน์หน้าเฟซบุค อยู่เลย  ทางโครงการครูข้างถนน ได้ลงพื้นที่และดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นคุณยายที่มีหลานสี่คน  โดยคุณยายเป็นคนที่ขายลูกชิ้นจะออกจากชุมชนมาประมาณสามทุ่มและขายลูกชิ้นยาวถึงตีสอง โดยพาหลานทั้งสี่คนมาด้วย ด้วยสามคนแรกเป็นผู้หญิงจะทิ้งไว้ที่ชุมชนก็กลัวการเดินเที่ยวเล่นไม่กลับบ้าน  ส่วนหลานชายคนเล็กชอบเล่นแต่เกมส์ จึงต้องติดตัวตลอดเวลา  ยกเว้นเวล่ที่ไปเรียน ยายก็จะออกไปซื้อลูกชิ้นเตรียมข้าวของให้  พอกลางคืนก็ออกกันมาขายของ  เมื่อเวลาหลานง่วงนอนก็จะเอาผ้ามาปูให้พร้อมกับผูกลูกหมาอีกสองตัวไว้ข้างนอนไปด้วยกัน  แล้วก็เอากระป๋องตั้งไว้  เพื่อจะได้เป็นค่าอาหารเช้าของหลานบ้าง  ไม่ได้คิดจะขอทานใครให้ก็เอาไม่ให้ก็แล้วไป...ซึงทางครูข้างถนนได้ส่งเคสต่อไปยังกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ  กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และทางศูนย์ปฏิบัติการขอทานและคนไร้ที่พึ่งได้ลงพบเคสเองด้วย


(3) แจ้งแม่และเด็กชาวกัมพูชาที่พาลูกออกมาที่สุขุมวิท 11 ในช่วงกลางคืน ได้ลงไปคุยกับครอบครัวจำนวนสามครอบครัว ได้มีการพูดคุยกันเรื่อง พรบ.ควบคุมคนขอทานฉบับใหม่ที่มีโทษรุนแรง  และใช้ควบคู่กับกฎหมายฉบับอื่นด้วย  ได้ลงเยี่ยมครอบครัวที่อยู่บ้านพักกรรมกรก่อสร้างที่สุขุม 4  จะออกมาก็ต่อเมื่อสามีที่เป็นคนงานก่อสร้างไม่ได้ทำงาน หรือหยุดงาน ซึ่งในช่วงนี้งานเข้มาน้อย  แต่ไม่มีจึงออกมาช่วงดึก ดึก  ได้คุยกันสามครั้ง จึงบอกว่าถ้าวันไหนพบปัญหาไม่มีเงิน โทรบอกครู  ครูช่วยเฉพาะเครื่องอาหารแห้ง ข้าวสาร ได้เป็นครั้งคราว  และอย่าเอาลูกออกมาเด็ดขาด จึงทั้งสามครอบครัวขึ้นทะเบียนแรงงานถูกต้องตามกฎหมาย 

(4)  สำหรับเคสที่กำลังโด่งดังในทางเฟซบุคขณะนี้  ทางโครงการครูข้างถนน ได้รับการแท๊กมาที่หน้าเฟซบุคของครูจิ๋ว  (ทองพูล  บัวศรี,Tongpul  bousri )ตั้งแต่วันที่ 1 พฤาภาคม 25599  ด้วยภาระของครูมีหลายเรื่องในช่วงนั้น จึงไม่ได้ลงไปดูรายละเอียดและการติดตามเคสอย่างต่อเนื่อง แต่มีการแชร์ผ่านโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่องและขยายมาขึ้น  ทางโครงการครูข้างถนน จึงได้ดำเนินการดังนี้


-วันที่ 5 พฤษภาคม 2559  ได้ลงไปในพื้นที่ สีแยกวังหิน ตั้งแต่บ่ายสามโมง ได้นำรูปของเด็กคุยกับแม่ค้าที่ตลาดวังหิน  พนักงานขายของห้างโลตัส  พนักเสริมสวยเป็นมุมที่เด็กมานอนหลับในช่วงกลางคืน ร้านก๋วยเตี๋ยวหน้าบิ๊กซี ทุกคนบอกว่า มีทั้งหมดสี่คนที่ออกมาพร้อมกันมานอนที่ข้างโลตัสอยู่สามคืน แล้วเด็กทั้งสามคนก็แยกกันไป ส่วนน้อง ต้า (นามสมุติ)ยังใช้ชีวิตเร่ร่อนข้างถนนอยู่ แล้วก็ได้มีการเผยแพร่ในโซเวียสอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งในวันนี้ครูจิ๋วเองก็ไม่ได้พบเด็ก แต่ได้มีโอกาสโทรคุยกับน้องออย(YPDC) ที่ทำงานด้านเด็กด้วยกัน  จนได้เบอร์โทรศัพท์ผู้ที่พบเด็กและเผยแพร๋

วันที่ 6-7 พฤษภาคม  2559  ได้รับการแท๊กภาพมาอีกครั้งว่าเด็กยังไม่ได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยไหนเลย ทางครูจิ๋วจึงขอแรงคุณครูไพโรจน์ จันทะวงศ์  ช่วยขับรถให้ในช่วงตีหนึ่งถึงตีสามครึ่ง  พบเด็กนอนที่ข้างเซ๋เวน ตรงข้ามกับโลตัส  และได้พบกับคุณโย  เป็นผู้ที่เผยแพร่ภาพเด็ก ต้องการให้สังคมได้รับทราบ พร้อมกับหาแนวทางแก้ไขด้วยกัน  โดยคุณโย เป็นบุคคลที่เฝ้ามองเด็กคลอดเวลา รวมทั้งหาข้าว หาน้ำให้เด็กเป็นบางมื้อ พร้อมทั้งมีเพื่อนของคุณโย ได้นำผ่าห่มมาให้   ในช่วงเวลา 03.00 น. ได้ไปปลุกเด็ก แต่เด็กไม่ตื่น พร้อมกับ บอกว่า “อย่างยุ่ง จะนอน “เด็กก็ลุกแล้วย้ายที่นอนไปนอนหน้างร้านทอง  ได้มีการปรึกษากันถ้ามีการอุ้มเด็กขึ้นรถ  เกิดเด็กร้องโวยวายขึ้นมาในยามค่ำคืนแบบนี้ก็จะเกิดปีญหา เรื่องการลักพาตัวเด็ก เพราะครูทั้งสองคนไม่มีบัตรอะไรจะยืนยันว่า ทำหน้าที่ด้วยกฎหมายอะไร   จึงกลับมาเพื่อหาแนวทางแก้ไขต่อไป

-ในช่วงเวลาบ่ายสามโมงเย็น  ได้รับการประสานงานจากคุณโย ว่าเด็กอยู่บริเวณสี่แยกวังหินวิ่งอยู่แถวนั้น ครูจิ๋วก็ลงพื้นที่ไปถึง ก็นั่งอยู่ที่หน้าร้านสปา  ซึ่งฝั่งขวามือเป็นร้านเกมส์ที่มีสติกเกอร์สีเขียวติดอยู่เป็นร้านเกมส์ขนาดเล็กแต่ทั้งเด็กเล็กและเด็กวัยรุ่นเล่นกันเต็มร้าน   ด้านซ้ายมือห่างออกไปสองคูหา  มีร้านเกมส์ที่ติดสติกเกอร์สีส้ม เป็นร้านขนาดใหญ่ มีจำนวน 5 แถว แถวละประมาณ 20 คน  แน่นร้านมาก  ครูนั่งเฝ้าสังเกตเด็กชายต้า จะวิ่งเล่นเกมส์ทั้งสองร้านตลอดเวลา  ระหว่างบ่ายสามจนถึงสองทุ่มสิบห้า เด็กวิ่งเป็นยี่สิบเที่ยว พอเงินหมดเด็กก็จะวิ่งไปสี่แยกเวลาที่รถติดไฟแดง เด็กชายต้าพร้อมเด็กผู้หญิงเสื้อสีชมพู่ ก็จะวิ่งไปเคาะกระจกรถขอเงินได้มายี่สิบบาทบ้าง  สี่สิบบาท ก็จะวิ่งเข้าร้านเกมส์  จากการประเมินพฤติกรรมของเด็ก


(1)ชอบวิ่งขอทานในขณะที่รถจอดติดไฟแดง เมื่อไฟเขียวเมื่อเกิดอันตรายกับเด็กแน่น่อน  เวลาวิ่งก็ไม่มองรถเลย จะเกิดอุบัติเหตุกับเด็กได้

(2) สร้างความรำคาญให้กับผู้ที่ขับรถ และผิดกฎหมายการจราจรบนถนน  ที่ห้ามเรี่ยไร หรือขอเงิน  เด็กมีความผิดแน่ชัดหลักฐานชัดเจน  แต่เรื่องนี้ไม่มีการดำเนินการ เป็นความผิดเล็กน้อย

(3)พฤติกรรที่ไม่เหมาะสม เด็กควรที่จะต้องได้รับการดูแลจากคนในครอบครัว  แต่เด็กกลับมาขอทานเลี้ยงตนเองและยังเอาเงินที่ขอได้มาเล่นเกมส์อีก  เป็นการหาเงินที่ผิด  ตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546   ถ้าปล่อยไว้ก็จะเป็นชินสำหรับเด็กจะแก้ไขพฤติกรรมยากมากขึ้น  ซึ่งดูจากการแต่งตัวเด็กยังใส่ชุดเดิมตั้งแต่ตอนที่พบในเวลาตีสาม  และขอคุยกับเด็ก เด็กไม่ให้ความร่วมมือทั้งสิ้น เด็กเดินหนีอย่างเดียว

-เวลาประมาณหกโมงเย็น ครูจิ๋วจึงโทรประสานงานคุณงามจิต แต้สุวรรณ  หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการขอทานและไร้ที่พึ่ง  เล่าเรื่องเด็กชายต้าให้ฟัง  จึงให้คำแนะนำโดยทางหัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวกรุงเทพ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่พนักงานคุ้มครองเด็ก ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กมาให้จำนวน 2 คน พร้อมกับเจ้าหน้าพนักงานจากศูนย์ช่วยเหลือสังคม  มาพบเด็กและเชิญตัวเด็กไปพบพนักตำรวจที่ สน.โชคชัย  ซึ่งในขณะที่เชิญตัวเด็กขึ้นรถตู้ของศูนย์ช่วยเหลือสังคมเวลาประมาณ  20.45  น.  เด็กชายต้า  ร้องไห้ตลอดเวลา ว่าผมโตแล้วหากินเองได้ผมไม่ได้ขอทาน ผมไม่ได้เล่นเกมส์ ผมแค่มาดูเขาเล่นเกมส์ จะพาผมไปไหน  ขอให้ส่งผมที่ร้านเกมสืได้ไหม   ร้องไห้โวยวายเต็มรถตู้  พวกป้า พวกลุง เป็นใครมาจับตัวผมแบบนี้ไม่ได้ ผมไม่ได้ทำอะไรผิด  ปล่อยผมไปเถิดผมยังไม่ได้เล่นเกมส์เลยวันนี้  ผมเข้าไปเฝ้าเขาดูว่าเขาเล่นอะไรกัน แต่เล่นเองยังไม่ได้เล่น  ถึงแม้เจ้าหน้าที่คุ้มครองจะบอกว่าเห็นอย่างชัดเจนว่าเล่น 


-เจ้าหน้าที่คุ้มครองเด็ก  ได้มีการสอบถามเจ้าของร้านเกมส์ว่า เด็กคนนี้มาอยู่ร้านเกมส์หลายวันแล้ว  แม่มาตามแค่ครั้งเดียว เด็กไม่ยอมกลับบ้าน  แล้วอาศัยนอนเมื่อร้านเกมส์ปิดหลังห้าทุ่ม  เด็กไม่ได้อาบน้ำ แต่เด็กจะมีเพื่อนรุ่นเดียวกันสามคน  ซึ่งสามคนก็จะกลับหลังหกโมงเย็น  และเด็กผู้หญิงอีกสองคน จะมีพี่ชายมารับกลับ  แต่สำหรับเด็กชายต้าก็จะอาศัยนอนทั่วไป   เจ้าของร้านเกมส์บอกว่าครั้งนี้ก็เกือบสิบวันแล้วที่วนเวียนอยู่ในร้านเกมส์ช่วงกลางวัน แจ้งเรื่องแม่และเด็กชาวกัมพูชาที่พาลูกออกมาที่สุขุมวิท 11 ได้ลงไปคุยกับครอบครัวเด็กจำนวน 3 ครอบครัว พร้อมอธิบายเรื่อง พรบ.ควบคุมขอทานฉบับใหม่ด้วยที่นอนคู่กับสุนัขที่โพส์ตั้งแต่ปลายปีจนมาถึงบัดนี้พบแล้วว่าเป็นครอบครัวคนไทย คุณยายของเด็กขายลูกชิ้นปิ้ง ทาง พม.ได้ลงไปดำเนินการให้คะภาพเด็กที่นอนคู่กับสุนัขที่โพส์ตั้งแต่ปลายปีจนมาถึงบัดนี้พบแล้วว่าเป็นครอบครัวคนไทย คุณยายของเด็กขายลูกชิ้นปิ้ง ทาง พม.ได้ลงไปดำเนินการให้คะวันนี้มีนัดที่จะไปทะเลกัน ครูจิ๋วไปรับแล้วเด็กยังไม่ตื่นกันเลย จึงไปรับเด็กลูกกรรมก่อสร้างไปแทนคะ เพราะเด็กจะย้ายไปแหล่งก่อสร้างอื่น
(2) ภาพเด็กที่นอนคู่กับสุนัขที่โพส์ตั้งแต่ปลายปีจนมาถึงบัดนี้พบแล้วว่าเป็นครอบครัวคนไทย คุณยายของเด็กขายลูกชิ้นปิ้ง ทาง พม.ได้ลงไปดำเนินการให้คะ
(3) แจ้งเรื่องแม่และเด็กชาวกัมพูชาที่พาลูกออกมาที่สุขุมวิท 11 ได้ลงไปคุยกับครอบครัวเด็กจำนวน 3 ครอบครัว พร้อมอธิบายเรื่อง พรบ.ควบคุมขอทานฉบับใหม่ด้วย
(4) สำหรับที่กำลังโด่งดังกันใน
FB ขณะนี้ เดี๋ยวคืนนี้จะลงไปดูที่เด็กนอนอีกครั้ง เมื่อวันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม 2559 ครูจิ๋วลงพื้นที่เอง แต่ไม่พบเด็ก และต้องขอโทษเป็นอย่างมาก เพราะงานหลายชิ้นมาก พร้อมกับเป็นช่วงกลางคืน ทำให้ล่าช้าลงไป แต่พยายามจะทำให้ดีที่สุดในฐานนะที่ต้องรับผิดชอบคะ....วันนี้มีนัดที่จะไปทะเลกัน ครูจิ๋วไปรับแล้วเด็กยังไม่ตื่นกันเลย จึงไปรับเด็กลูกกรรมก่อสร้างไปแทนคะ เพราะเด็กจะย้ายไปแหล่งก่อสร้างอื่น
(2) ภาพเด็กที่นอนคู่กับสุนัขที่โพส์ตั้งแต่ปลายปีจนมาถึงบัดนี้พบแล้วว่าเป็นครอบครัวคนไทย คุณยายของเด็กขายลูกชิ้นปิ้ง ทาง พม.ได้ลงไปดำเนินการให้คะ
(3) แจ้งเรื่องแม่และเด็กชาวกัมพูชาที่พาลูกออกมาที่สุขุมวิท 11 ได้ลงไปคุยกับครอบครัวเด็กจำนวน 3 ครอบครัว พร้อมอธิบายเรื่อง พรบ.ควบคุมขอทานฉบับใหม่ด้วย
(4) สำหรับที่กำลังโด่งดังกันใน
FB ขณะนี้ เดี๋ยวคืนนี้จะลงไปดูที่เด็กนอนอีกครั้ง เมื่อวันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม 2559 ครูจิ๋วลงพื้นที่เอง แต่ไม่พบเด็ก และต้องขอโทษเป็นอย่างมาก เพราะงานหลายชิ้นมาก พร้อมกับเป็นช่วงกลางคืน ทำให้ล่าช้าลงไป แต่พยายามจะทำให้ดีที่สุดในฐานนะที่ต้องรับผิดชอบคะ....

                -ข้อมูลจากพนักงานนวดเล่าให้ฟังว่าในช่วงเช้าตั้งแต่ประมาณเก้าโมงจนถึงประมาณเที่ยงจะมาอาศัยนอนที่หน้าร้านนวด เพราะมีเก้าอี้และลานที่เด็กนอนได้ จนกว่าร้านเกมส์จะเปิด เมื่อร้านเกมส์เปิดเด็กก็จะอยู่กับร้านเกมส์สองร้านนี้วิ่งไป วิ่งมาทั้งวัน และได้ข้อมูลเพิ่มว่า เด็กในละแวกนี้ติดเกมส์กันมาก จนไม่หลับไม่นอน  อาหารก็ไม่กินมีบางกลุ่มมาเช่าหอพักเล่นกันเลยคะ  ไม่ใช่มีแค่ที่ครูเห็นนะ มีจำนวนมากที่ปิดบังหน้าร้านแต่ภายในมีร้านเกมส์ซ่อนอยู่ 

                -เมื่อถึงสถานีตำรวจ สน.โชคชัย  เด็กชายต้า จึงได้บอกว่า เขาเคยถูกจับมาที่โรงพักแห่งนี้สองครั้งแล้ว  ครั้งแรกรถปอเต๊กตึ้ง ไปจับเพราะมีคนแจ้งแล้วนำไปส่งที่บ้าน  ครั้งที่สองเป็นพลเมืองดี ทำบันทึกให้แม่มารับกลับไปดูแล  แม่ของเด็กเป็นครอบครัวเลี้ยงเดียวเลี้ยงลูกสามคน มีอาชีพแม่บ้านที่ต้องออกไปทำงานทุกวันตั้งแต่ตีห้ากลับมาตีสอง ฝากเด็ก เด็กไว้ข้างห้อง  บ้านอยู่ริมคลองลาดพร้าว  อยู่ซอยลาดพร้าววังหิน 34  เด็กชายต้าจะชอบออกจากบ้านครั้งละ 10-15 วันเป็นประจำในครั้งนี้ เด็กชายต้าให้ข้อมูลว่า ออกมาตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2559 พร้อมเพื่อน แต่เพื่อนทุกคน กลับบ้านหมดแล้ว  พนักงานสอบสวนก็ได้พูดคุยกับเด็ก ทางทีมคุ้มครองเด็กบอกว่าต้องมีการลงบันทึกประจำวันว่าพบเด็กที่ไหน  เด็กทุกคนจะพูดความจริงกับตำรวจเท่านั้น  ครั้งแรกก็พูดวกวนไปเรื่อย แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ปริ้นท์เอกสารใบเกิดของเด็ก ที่อยู่ตามใบเกิด พร้อมของผู้ปกครอง(แม่ของเด็ก)สุดท้ายข้อมูลจึงพรั่งพลูออกมาจากปากเด็ก


                -เด็กจึงเล่าให้ฟังว่า เด็กอยู่ที่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนมาก่อน แล้วส่งต่อมายังสถานสงเคราะห์บ้านมหาเมฆ  แม่เพิ่งไปรับมาอยู่กับครอบครัวได้ปีกว่าๆ มีพี่น้องสามคน แม่ออกไปทำงานแต่เช้า แม่ไม่ได้อยู่บ้าน  ผมไม่อยากอยู่บ้านและติดเกมส์จึงออกจากบ้านมาตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2559  โดยการใช้ชีวิต   โดยอาศัยนอนหน้าโลตัสเพราะมีมุมหลบตาคนจนพนักงานไปพบจึงบอกว่าให้ไปนอนที่อื่น  แล้วย้ายไปนอนฝั่งตรงข้ามที่เป็นหน้าร้านเฟอร์นิเจอร์  ลมพัดเย็นสบายดี  และแสงสว่างมาก  แล้วย้ายไปนอนข้างร้านสะดวกซื้อ   ตื่นประมาณเจ็ดโมงเช้าก็จะออกเคาะกระจกรถทั้งสี่แยกสลับว่าแยกไหนจะมีไฟแดง  ในขณะนั้นก็จะมีคนใจบุญซื้อขนม ซื้อน้ำ ซื้อข้าว  โดยจะบอกกับทุกคนว่าถูกไล่ออกจากบ้าน  แม่ไม่ให้นอนที่บ้านจึงออกมาหากินด้วยตนเอง  เมื่อได้เงินแล้วแต่จะได้ในแต่ละวันได้ไม่เท่ากัน ได้ 100-300  บาทต่อวัน  สักประมาณเก้าโมงเช้าจะหาที่หลบนอน  บางครั้งก็อาศัยนอนที่หน้าร้านสปาพอร้านเกมส์เปิดก็จะคลุกอยู่ในร้านเกมส์ตลอด จนถึงประมาณห้าทุ่ม(ร้านปิด)  บางครั้งหิวก็มีร้านก๋วยเตี๋ยวให้กิน หรือเงินหมดก่อน ช่วงเย็นก็จะเคาะกระจกอีกครั้งหนึ่ง

                พนักงานสอบสวนถามว่า   เห็นตำรวจที่ป้อมยามเห็นไหม  ผมก็ฉี่ก็ขี้ที่หลังป้อมยามตำรวจนั่นแหละ  ผมไม่เห็นตำรวจว่าอย่างไร  แล้วประชาชนคนอื่นเห็นไหม เห็นแม่ค้าในตลาดก็เห็น คุณลุงที่เป็นยามก็ซื้ออาหาร น้ำ เอาผ้าห่มมาให้   แล้วของเหล่านี้หายไปไหนหมด ถูกคนไร้บ้านที่ขี้เมาเอาไปหมด    แล้วไม่กลัวหรือนอนอยู่บนถนนคนเดียว   ป้ากลัวด้วยหรือ (ป้าหมายถึงครูจิ๋ว)  ป้ากลัวเวลากลางคืนเดินถนนคนเดียวน่ากลัว อันตรายด้วย  เด็กน้อยย้อนว่าจะกลัวไปทำไมคนเหมือนกัน  ผมไม่กลัวหรอก นอนที่ไหนก็ได้

                -เมื่อได้ข้อมูลทั้งหมดติดต่อแม่ไม่ได้ร่วมกันประเมินเคสทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ  เจ้าที่คุ้มครองเด็ก เจ้าหน้าศูนย์ช่วยเหลือสังคม  และครูจิ๋วเอง   คือมอบบ้านพักเด็กและครอบครัวกรุงเทพมหานคร  ส่งเข้ารับการคุ้มครองที่สถานแรกรับเด็กชายบ้านปากเกร็ด(บ้านภูมิเวท)ก่อน แล้วติดตามประวัติทั้งหมด ติดตามแม่มาร่วมกันประเมินเคสอีกครั้ง

                จากการช่วยเหลือเด็กชายต้าครั้งนี้ การทำงานแบบเครือข่ายมีความจำเป็นอย่างมาก และจำเป็นต้องรู้บทบาทตามกฎหมายที่คุ้มครองเด็ก  แต่สำหรับครูการที่ไม่มีบัตรพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่เป็รผู้ได้ข้อมูลอย่างครบถ้วนการทำงานก็ต้องส่งประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง  เป็นการทำงานที่ต้องเรียนรู้ร่วมกัน