งานครูข้างถนน..เร็ว รุก แสวงหาความร่วมมือและทางออก ด้วยกัน
ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก
(1) สำหรับกลุ่มที่เด็กขายดอกจำปี ที่แยกศรีอยุธยา และสี่แยกยมราช ภายในอาทิตย์หน้าจะคุยกับประธานชุมชน และครอบครัวของเด็กเป็นรายครอบครัว วันนี้มีนัดที่จะไปทะเลกัน ครูจิ๋วไปรับเด็กไม่ตื่นกันเลย จึงไปรับลูกกรรมกรก่อสร้างไปแทน เพราะเด็กกำลังจะย้าย
(2) ภาพเด็กที่นอนคู่กับสุนัขทีโพสต์ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2558 จนมาถึงบัดนี้ยังติดอยู่ในออนไลน์หน้าเฟซบุค อยู่เลย ทางโครงการครูข้างถนน ได้ลงพื้นที่และดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นคุณยายที่มีหลานสี่คน โดยคุณยายเป็นคนที่ขายลูกชิ้นจะออกจากชุมชนมาประมาณสามทุ่มและขายลูกชิ้นยาวถึงตีสอง โดยพาหลานทั้งสี่คนมาด้วย ด้วยสามคนแรกเป็นผู้หญิงจะทิ้งไว้ที่ชุมชนก็กลัวการเดินเที่ยวเล่นไม่กลับบ้าน ส่วนหลานชายคนเล็กชอบเล่นแต่เกมส์ จึงต้องติดตัวตลอดเวลา ยกเว้นเวล่ที่ไปเรียน ยายก็จะออกไปซื้อลูกชิ้นเตรียมข้าวของให้ พอกลางคืนก็ออกกันมาขายของ เมื่อเวลาหลานง่วงนอนก็จะเอาผ้ามาปูให้พร้อมกับผูกลูกหมาอีกสองตัวไว้ข้างนอนไปด้วยกัน แล้วก็เอากระป๋องตั้งไว้ เพื่อจะได้เป็นค่าอาหารเช้าของหลานบ้าง ไม่ได้คิดจะขอทานใครให้ก็เอาไม่ให้ก็แล้วไป...ซึงทางครูข้างถนนได้ส่งเคสต่อไปยังกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และทางศูนย์ปฏิบัติการขอทานและคนไร้ที่พึ่งได้ลงพบเคสเองด้วย
(3) แจ้งแม่และเด็กชาวกัมพูชาที่พาลูกออกมาที่สุขุมวิท 11 ในช่วงกลางคืน ได้ลงไปคุยกับครอบครัวจำนวนสามครอบครัว ได้มีการพูดคุยกันเรื่อง พรบ.ควบคุมคนขอทานฉบับใหม่ที่มีโทษรุนแรง และใช้ควบคู่กับกฎหมายฉบับอื่นด้วย ได้ลงเยี่ยมครอบครัวที่อยู่บ้านพักกรรมกรก่อสร้างที่สุขุม 4 จะออกมาก็ต่อเมื่อสามีที่เป็นคนงานก่อสร้างไม่ได้ทำงาน หรือหยุดงาน ซึ่งในช่วงนี้งานเข้มาน้อย แต่ไม่มีจึงออกมาช่วงดึก ดึก ได้คุยกันสามครั้ง จึงบอกว่าถ้าวันไหนพบปัญหาไม่มีเงิน โทรบอกครู ครูช่วยเฉพาะเครื่องอาหารแห้ง ข้าวสาร ได้เป็นครั้งคราว และอย่าเอาลูกออกมาเด็ดขาด จึงทั้งสามครอบครัวขึ้นทะเบียนแรงงานถูกต้องตามกฎหมาย
(4) สำหรับเคสที่กำลังโด่งดังในทางเฟซบุคขณะนี้ ทางโครงการครูข้างถนน ได้รับการแท๊กมาที่หน้าเฟซบุคของครูจิ๋ว (ทองพูล บัวศรี,Tongpul bousri )ตั้งแต่วันที่ 1 พฤาภาคม 25599 ด้วยภาระของครูมีหลายเรื่องในช่วงนั้น จึงไม่ได้ลงไปดูรายละเอียดและการติดตามเคสอย่างต่อเนื่อง แต่มีการแชร์ผ่านโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่องและขยายมาขึ้น ทางโครงการครูข้างถนน จึงได้ดำเนินการดังนี้
-วันที่ 5 พฤษภาคม 2559 ได้ลงไปในพื้นที่ สีแยกวังหิน ตั้งแต่บ่ายสามโมง ได้นำรูปของเด็กคุยกับแม่ค้าที่ตลาดวังหิน พนักงานขายของห้างโลตัส พนักเสริมสวยเป็นมุมที่เด็กมานอนหลับในช่วงกลางคืน ร้านก๋วยเตี๋ยวหน้าบิ๊กซี ทุกคนบอกว่า มีทั้งหมดสี่คนที่ออกมาพร้อมกันมานอนที่ข้างโลตัสอยู่สามคืน แล้วเด็กทั้งสามคนก็แยกกันไป ส่วนน้อง ต้า (นามสมุติ)ยังใช้ชีวิตเร่ร่อนข้างถนนอยู่ แล้วก็ได้มีการเผยแพร่ในโซเวียสอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันนี้ครูจิ๋วเองก็ไม่ได้พบเด็ก แต่ได้มีโอกาสโทรคุยกับน้องออย(YPDC) ที่ทำงานด้านเด็กด้วยกัน จนได้เบอร์โทรศัพท์ผู้ที่พบเด็กและเผยแพร๋
วันที่ 6-7 พฤษภาคม 2559 ได้รับการแท๊กภาพมาอีกครั้งว่าเด็กยังไม่ได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยไหนเลย ทางครูจิ๋วจึงขอแรงคุณครูไพโรจน์ จันทะวงศ์ ช่วยขับรถให้ในช่วงตีหนึ่งถึงตีสามครึ่ง พบเด็กนอนที่ข้างเซ๋เวน ตรงข้ามกับโลตัส และได้พบกับคุณโย เป็นผู้ที่เผยแพร่ภาพเด็ก ต้องการให้สังคมได้รับทราบ พร้อมกับหาแนวทางแก้ไขด้วยกัน โดยคุณโย เป็นบุคคลที่เฝ้ามองเด็กคลอดเวลา รวมทั้งหาข้าว หาน้ำให้เด็กเป็นบางมื้อ พร้อมทั้งมีเพื่อนของคุณโย ได้นำผ่าห่มมาให้ ในช่วงเวลา 03.00 น. ได้ไปปลุกเด็ก แต่เด็กไม่ตื่น พร้อมกับ บอกว่า “อย่างยุ่ง จะนอน “เด็กก็ลุกแล้วย้ายที่นอนไปนอนหน้างร้านทอง ได้มีการปรึกษากันถ้ามีการอุ้มเด็กขึ้นรถ เกิดเด็กร้องโวยวายขึ้นมาในยามค่ำคืนแบบนี้ก็จะเกิดปีญหา เรื่องการลักพาตัวเด็ก เพราะครูทั้งสองคนไม่มีบัตรอะไรจะยืนยันว่า ทำหน้าที่ด้วยกฎหมายอะไร จึงกลับมาเพื่อหาแนวทางแก้ไขต่อไป
-ในช่วงเวลาบ่ายสามโมงเย็น ได้รับการประสานงานจากคุณโย ว่าเด็กอยู่บริเวณสี่แยกวังหินวิ่งอยู่แถวนั้น ครูจิ๋วก็ลงพื้นที่ไปถึง ก็นั่งอยู่ที่หน้าร้านสปา ซึ่งฝั่งขวามือเป็นร้านเกมส์ที่มีสติกเกอร์สีเขียวติดอยู่เป็นร้านเกมส์ขนาดเล็กแต่ทั้งเด็กเล็กและเด็กวัยรุ่นเล่นกันเต็มร้าน ด้านซ้ายมือห่างออกไปสองคูหา มีร้านเกมส์ที่ติดสติกเกอร์สีส้ม เป็นร้านขนาดใหญ่ มีจำนวน 5 แถว แถวละประมาณ 20 คน แน่นร้านมาก ครูนั่งเฝ้าสังเกตเด็กชายต้า จะวิ่งเล่นเกมส์ทั้งสองร้านตลอดเวลา ระหว่างบ่ายสามจนถึงสองทุ่มสิบห้า เด็กวิ่งเป็นยี่สิบเที่ยว พอเงินหมดเด็กก็จะวิ่งไปสี่แยกเวลาที่รถติดไฟแดง เด็กชายต้าพร้อมเด็กผู้หญิงเสื้อสีชมพู่ ก็จะวิ่งไปเคาะกระจกรถขอเงินได้มายี่สิบบาทบ้าง สี่สิบบาท ก็จะวิ่งเข้าร้านเกมส์ จากการประเมินพฤติกรรมของเด็ก
(1)ชอบวิ่งขอทานในขณะที่รถจอดติดไฟแดง เมื่อไฟเขียวเมื่อเกิดอันตรายกับเด็กแน่น่อน เวลาวิ่งก็ไม่มองรถเลย จะเกิดอุบัติเหตุกับเด็กได้
(2) สร้างความรำคาญให้กับผู้ที่ขับรถ และผิดกฎหมายการจราจรบนถนน ที่ห้ามเรี่ยไร หรือขอเงิน เด็กมีความผิดแน่ชัดหลักฐานชัดเจน แต่เรื่องนี้ไม่มีการดำเนินการ เป็นความผิดเล็กน้อย
(3)พฤติกรรที่ไม่เหมาะสม เด็กควรที่จะต้องได้รับการดูแลจากคนในครอบครัว แต่เด็กกลับมาขอทานเลี้ยงตนเองและยังเอาเงินที่ขอได้มาเล่นเกมส์อีก เป็นการหาเงินที่ผิด ตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ถ้าปล่อยไว้ก็จะเป็นชินสำหรับเด็กจะแก้ไขพฤติกรรมยากมากขึ้น ซึ่งดูจากการแต่งตัวเด็กยังใส่ชุดเดิมตั้งแต่ตอนที่พบในเวลาตีสาม และขอคุยกับเด็ก เด็กไม่ให้ความร่วมมือทั้งสิ้น เด็กเดินหนีอย่างเดียว
-เวลาประมาณหกโมงเย็น ครูจิ๋วจึงโทรประสานงานคุณงามจิต แต้สุวรรณ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการขอทานและไร้ที่พึ่ง เล่าเรื่องเด็กชายต้าให้ฟัง จึงให้คำแนะนำโดยทางหัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวกรุงเทพ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่พนักงานคุ้มครองเด็ก ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กมาให้จำนวน 2 คน พร้อมกับเจ้าหน้าพนักงานจากศูนย์ช่วยเหลือสังคม มาพบเด็กและเชิญตัวเด็กไปพบพนักตำรวจที่ สน.โชคชัย ซึ่งในขณะที่เชิญตัวเด็กขึ้นรถตู้ของศูนย์ช่วยเหลือสังคมเวลาประมาณ 20.45 น. เด็กชายต้า ร้องไห้ตลอดเวลา ว่าผมโตแล้วหากินเองได้ผมไม่ได้ขอทาน ผมไม่ได้เล่นเกมส์ ผมแค่มาดูเขาเล่นเกมส์ จะพาผมไปไหน ขอให้ส่งผมที่ร้านเกมสืได้ไหม ร้องไห้โวยวายเต็มรถตู้ พวกป้า พวกลุง เป็นใครมาจับตัวผมแบบนี้ไม่ได้ ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ปล่อยผมไปเถิดผมยังไม่ได้เล่นเกมส์เลยวันนี้ ผมเข้าไปเฝ้าเขาดูว่าเขาเล่นอะไรกัน แต่เล่นเองยังไม่ได้เล่น ถึงแม้เจ้าหน้าที่คุ้มครองจะบอกว่าเห็นอย่างชัดเจนว่าเล่น
-เจ้าหน้าที่คุ้มครองเด็ก ได้มีการสอบถามเจ้าของร้านเกมส์ว่า เด็กคนนี้มาอยู่ร้านเกมส์หลายวันแล้ว แม่มาตามแค่ครั้งเดียว เด็กไม่ยอมกลับบ้าน แล้วอาศัยนอนเมื่อร้านเกมส์ปิดหลังห้าทุ่ม เด็กไม่ได้อาบน้ำ แต่เด็กจะมีเพื่อนรุ่นเดียวกันสามคน ซึ่งสามคนก็จะกลับหลังหกโมงเย็น และเด็กผู้หญิงอีกสองคน จะมีพี่ชายมารับกลับ แต่สำหรับเด็กชายต้าก็จะอาศัยนอนทั่วไป เจ้าของร้านเกมส์บอกว่าครั้งนี้ก็เกือบสิบวันแล้วที่วนเวียนอยู่ในร้านเกมส์ช่วงกลางวัน
-ข้อมูลจากพนักงานนวดเล่าให้ฟังว่าในช่วงเช้าตั้งแต่ประมาณเก้าโมงจนถึงประมาณเที่ยงจะมาอาศัยนอนที่หน้าร้านนวด เพราะมีเก้าอี้และลานที่เด็กนอนได้ จนกว่าร้านเกมส์จะเปิด เมื่อร้านเกมส์เปิดเด็กก็จะอยู่กับร้านเกมส์สองร้านนี้วิ่งไป วิ่งมาทั้งวัน และได้ข้อมูลเพิ่มว่า เด็กในละแวกนี้ติดเกมส์กันมาก จนไม่หลับไม่นอน อาหารก็ไม่กินมีบางกลุ่มมาเช่าหอพักเล่นกันเลยคะ ไม่ใช่มีแค่ที่ครูเห็นนะ มีจำนวนมากที่ปิดบังหน้าร้านแต่ภายในมีร้านเกมส์ซ่อนอยู่
-เมื่อถึงสถานีตำรวจ สน.โชคชัย เด็กชายต้า จึงได้บอกว่า เขาเคยถูกจับมาที่โรงพักแห่งนี้สองครั้งแล้ว ครั้งแรกรถปอเต๊กตึ้ง ไปจับเพราะมีคนแจ้งแล้วนำไปส่งที่บ้าน ครั้งที่สองเป็นพลเมืองดี ทำบันทึกให้แม่มารับกลับไปดูแล แม่ของเด็กเป็นครอบครัวเลี้ยงเดียวเลี้ยงลูกสามคน มีอาชีพแม่บ้านที่ต้องออกไปทำงานทุกวันตั้งแต่ตีห้ากลับมาตีสอง ฝากเด็ก เด็กไว้ข้างห้อง บ้านอยู่ริมคลองลาดพร้าว อยู่ซอยลาดพร้าววังหิน 34 เด็กชายต้าจะชอบออกจากบ้านครั้งละ 10-15 วันเป็นประจำในครั้งนี้ เด็กชายต้าให้ข้อมูลว่า ออกมาตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2559 พร้อมเพื่อน แต่เพื่อนทุกคน กลับบ้านหมดแล้ว พนักงานสอบสวนก็ได้พูดคุยกับเด็ก ทางทีมคุ้มครองเด็กบอกว่าต้องมีการลงบันทึกประจำวันว่าพบเด็กที่ไหน เด็กทุกคนจะพูดความจริงกับตำรวจเท่านั้น ครั้งแรกก็พูดวกวนไปเรื่อย แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ปริ้นท์เอกสารใบเกิดของเด็ก ที่อยู่ตามใบเกิด พร้อมของผู้ปกครอง(แม่ของเด็ก)สุดท้ายข้อมูลจึงพรั่งพลูออกมาจากปากเด็ก
-เด็กจึงเล่าให้ฟังว่า เด็กอยู่ที่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนมาก่อน แล้วส่งต่อมายังสถานสงเคราะห์บ้านมหาเมฆ แม่เพิ่งไปรับมาอยู่กับครอบครัวได้ปีกว่าๆ มีพี่น้องสามคน แม่ออกไปทำงานแต่เช้า แม่ไม่ได้อยู่บ้าน ผมไม่อยากอยู่บ้านและติดเกมส์จึงออกจากบ้านมาตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2559 โดยการใช้ชีวิต โดยอาศัยนอนหน้าโลตัสเพราะมีมุมหลบตาคนจนพนักงานไปพบจึงบอกว่าให้ไปนอนที่อื่น แล้วย้ายไปนอนฝั่งตรงข้ามที่เป็นหน้าร้านเฟอร์นิเจอร์ ลมพัดเย็นสบายดี และแสงสว่างมาก แล้วย้ายไปนอนข้างร้านสะดวกซื้อ ตื่นประมาณเจ็ดโมงเช้าก็จะออกเคาะกระจกรถทั้งสี่แยกสลับว่าแยกไหนจะมีไฟแดง ในขณะนั้นก็จะมีคนใจบุญซื้อขนม ซื้อน้ำ ซื้อข้าว โดยจะบอกกับทุกคนว่าถูกไล่ออกจากบ้าน แม่ไม่ให้นอนที่บ้านจึงออกมาหากินด้วยตนเอง เมื่อได้เงินแล้วแต่จะได้ในแต่ละวันได้ไม่เท่ากัน ได้ 100-300 บาทต่อวัน สักประมาณเก้าโมงเช้าจะหาที่หลบนอน บางครั้งก็อาศัยนอนที่หน้าร้านสปาพอร้านเกมส์เปิดก็จะคลุกอยู่ในร้านเกมส์ตลอด จนถึงประมาณห้าทุ่ม(ร้านปิด) บางครั้งหิวก็มีร้านก๋วยเตี๋ยวให้กิน หรือเงินหมดก่อน ช่วงเย็นก็จะเคาะกระจกอีกครั้งหนึ่ง
พนักงานสอบสวนถามว่า เห็นตำรวจที่ป้อมยามเห็นไหม ผมก็ฉี่ก็ขี้ที่หลังป้อมยามตำรวจนั่นแหละ ผมไม่เห็นตำรวจว่าอย่างไร แล้วประชาชนคนอื่นเห็นไหม เห็นแม่ค้าในตลาดก็เห็น คุณลุงที่เป็นยามก็ซื้ออาหาร น้ำ เอาผ้าห่มมาให้ แล้วของเหล่านี้หายไปไหนหมด ถูกคนไร้บ้านที่ขี้เมาเอาไปหมด แล้วไม่กลัวหรือนอนอยู่บนถนนคนเดียว ป้ากลัวด้วยหรือ (ป้าหมายถึงครูจิ๋ว) ป้ากลัวเวลากลางคืนเดินถนนคนเดียวน่ากลัว อันตรายด้วย เด็กน้อยย้อนว่าจะกลัวไปทำไมคนเหมือนกัน ผมไม่กลัวหรอก นอนที่ไหนก็ได้
-เมื่อได้ข้อมูลทั้งหมดติดต่อแม่ไม่ได้ร่วมกันประเมินเคสทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าที่คุ้มครองเด็ก เจ้าหน้าศูนย์ช่วยเหลือสังคม และครูจิ๋วเอง คือมอบบ้านพักเด็กและครอบครัวกรุงเทพมหานคร ส่งเข้ารับการคุ้มครองที่สถานแรกรับเด็กชายบ้านปากเกร็ด(บ้านภูมิเวท)ก่อน แล้วติดตามประวัติทั้งหมด ติดตามแม่มาร่วมกันประเมินเคสอีกครั้ง