ขายแรงงานเพื่อเลี้ยงครอบครัว เด็กเร่ร่อนเกาะซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย...
ในงานประชุมที่ไหนเกี่ยวกับการประชุมระหว่างประเทศในเรื่องเด็กไร้รัฐ เด็กเร่ร่อน เด็กอพยพ เด็กผู้ลี้ภัย หน่วยงานต่างๆมักพูดถึงเกาะซาบาห์ แต่เมื่อมีโอกาสได้ไปเยือนแล้วต้องบอกว่าเกาะนี้ช่างสวยงามอะไรปานไหน ตั้งแต่ต้นไม้ที่เขียวขจี สีน้ำทะเลที่เป็นสีฟ้า สีสะท้อนน้ำเป็นสีฟ้าจริงๆ สวยจับใจอย่างยิ่ง
แต่ความสวยงามเหล่านี้ซ่อนไปด้วยปัญหาเด็กที่มากมายเหลือเกิน ในมุมกลับกันเกาะซาบาห์เป็นเกาะที่ให้พักพิงกับเด็กที่เดินทางมาจากเกาะมินดาเนา จากประเทศฟิลิปปินส์ เป็นจำนวนมาก มีเด็กที่มาจากอินโดนิเซีย รวมถึงเด็กที่เป็นชนกลุ่มน้อยที่เป็นกลุ่มดั่งเดิมที่ยังไม่มีเอกสารใดๆเลย การศึกษาก็ไม่ได้เรียน เมื่อเจ็บป่วยจะต้องเป็นผู้ที่จ่ายค่าใช้จ่ายเต็มเพราะไม่ใช่คนของประเทศมาเลเซีย เด็กเหล่านี้ต้องทำงานกันตั้งแต่เล็ก เพื่อการรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัว งานที่เด็กเหล่านี้จะทำมีให้เห็นบนเกาะซาบาห์แบบหลากหลาย
ผู้เขียนเองในฐานะของครูข้างถนน ทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวที่สนใจเด็กเร่ร่อน ในการเดินทางครั้งนี้ต่อสู่เรื่องความคิดกันเป็นจำนวนมาก ในฐานะของคณะอนุกรรมการปฏิบัติการยุทธศาสตร์ด้านสิทธิเด็ก สตรี และความเสมอภาคของบุคคล ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งจะเขียนอะไรที่เป็นสิ่งไม่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านต้องระมัดระวังความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ของเขียนในฐานะของครูข้างถนนที่มีมุมมองว่าเด็กเร่ร่อนแต่ละประเทศไม่เหมือนกันเพราะขึ้นอยู่กับวัฒนธรรม บริบทของแต่ละประเทศ ในการเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาสั้นมากแต่ความตั้งใจของดูงานเรื่องเด็กเร่ร่อนในเกาะซาบาห์ที่ใครๆก็บอกว่าเกาะแห่งนี้มีเด็กเร่ร่อนสูงถึง 80,000 คน ไม่ใช่น้อยเลย แต่ละหน่วยงานที่ทำงานเกี่ยวข้องกับเด็กเร่ร่อนก็พูดเหมือนกัน แต่รัฐบาลบอกว่าเด็กเหล่านี้ไม่ใช่คนมาเลเซีย จากที่ได้สัมผัสเด็กเร่ร่อนที่ไปพบเจอในตลาดก็ไม่ใช่คนมาเลเซียแน่นอนคะ... งานที่เด็กทำเพื่อต้องการเงิน....แต่สิ่งสำคัญคือความรักที่ได้มาจากครอบครัวเพื่อเปลี่ยนเป็นคนที่สำคัญของครอบครัว
ครูมีโอกาสได้เห็นตลาดในเกาะซาบาห์ ทั้งในช่วงตอนเย็น ช่วงกลางวัน และช่วงเช้าชื่อว่า ตลาดฟิลิปปินส์ มีเด็กเร่ร่อนจำนวนมากทั้งชายและหญิงที่แต่งตัวมอมแมมมาก มีโอกาสได้คุย พวกหนูมีพ่อแม่เป็นชาวฟิลิปปินส์ เป็นกลุ่มที่มาอยู่บนเกาะซาบาห์ตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นย่า จนมาถึงยุคนี้ พวกพ่อแม่พวกหนูถูกเนรเทศหลายครั้งมาก แต่พวกหนูก็กลับไปประเทศต้นทางของพ่อแม่ไม่ได้ เพราะไม่มีเอกสารใดๆเลยว่าเป็นคนของประเทศต้นทางของพ่อแม่ หรืออยู่ในเกาะซาบาห์แห่งหนึ่งก็ไม่ใช่คนของประเทศมาเลเซีย แต่พวกหนู พวกฉัน อยู่ที่เกาะซาบาห์ได้แบบไม่มีตัวตนทางเอกสาร แต่ตัวตัวตนความเป็นคนอยู่ แล้วพวกเด็กอยู่กันอย่างไร เลี้ยงตนเองอย่างไร
-เด็กเหล่านี้เข้ามารับจ้างร้านค้าในตลาดปลาเป็นคนขายปลาในตลาด ซึ่งมีช่วงการทำงาน สองช่วงด้วยกัน ตั้งแต่ 03.00 จนถึงเวลา 8.00 น. และช่วงเย็นตั้งแต่เวลา 15.00 ถึง 21.00 น. ของทุกวัน หน้าที่ตั้งแต่ขนปลาจากเรือประมงโดยการลงไปเลือกปลาตามที่เจ้าของร้านต้องการ ล้างปลาทุกตัวให้สะอาด จัดร้านหรือนำปลามาวางเพื่อขาย แล้วก็ขายปลาตามที่ลูกค้าอยากได้ หิ้วถุงปลาที่คนซื้อแล้วไปส่งที่รถ หรือมีบางร้านที่เด็กต้องทำปลาให้สะอาดตามที่ลูกค้าสั่ง เด็กเหล่านี้ที่จะเข้ามาอยู่ในร้านได้ต้องเป็นเด็กขยัน มีความรับผิดชอบ รายได้ก็จะพอเลี้ยงตนเอง แต่ในช่วงเช้าของวันที่จะต้องกลับ ได้เดินไปตลาดปลาแต่เช้า เพราะว่าเดินข้ามสะพานที่เชื่อมกันระหว่างโรงแรมที่พักกับถนนแล้วเดินเชื่อมต่อไปยังตลาดสินค้าขายส่งของสดทุกชนิด แต่ความตั้งใจคือต้องการเดินไปตลาดปลาที่กำลังขนปลาขนเดินลัดเลาะไปยังเรืองประมง พ่อแม่ค้าต่อรองราคาที่ขึ้นท่าปลา เด็กๆหลายคนก็ไม่ได้สนใจการพูดคุยกัน แต่ก้มหน้าก้มตาทำงานที่ได้รับมอบหมาย เช่นตักปลาใส่กระมัง ใส่ถัง แล้วมีเด็กอีกคนมาคอยขน แต่เราสองคนกับเพื่อนที่เดินไปเป็นจุดสนใจอย่างมาก
-เด็กที่นำปลามาส่งที่ร้านค้าประจำ หรือปลาที่ครอบครัวหาได้มาขายเอง เด็กเหล่านี้ก็พยายามอย่างมาก ที่จะขายปลาเหล่านั้นให้กับคนซื้อ แต่พบปัญหาคือการไม่มีร้านค้าของตนเองเพราะว่า การมีร้านค้าต้องเสียค่าเช่าที่สูงมาก เป็นตลาดของเอกชน เด็กๆจึงเอาสินค้ามาแบกขายกับดิน ขายได้บ้างไม่ได้บ้างแล้วแต่คนซื้อ...เด็กเหล่านี้ต้องใช้วิธีการอย่างเต็มที่ที่จะปลาของตนเองให้ได้ มีผักมาขายด้วย เห็นเด็กบางคนมีเทคนิคการขาย คือ เอาปลาใส่ถุง แล้วยัดใส่มือคนที่ซื้อแล้วขายถูกกว่าร้านที่ตั้งขาย มีคนจำนวนหนึ่งซื้อปลาของเด็กไปกันหลายๆถุง เป็นการขายที่ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ได้ปลาที่มีคุณภาพด้วย
-เด็กอีกกลุ่ม เป็นกลุ่มที่มีบ้านอยู่กลางทะเล พากันมาทั้งวันอยู่ที่ตลาดเพื่อมารับจ้างส่งสินค้า โดยเด็กกลุ่มนี้จะเป็นเด็กผู้ชาย ส่งสินค้า กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่มาวิ่งเล่นที่ตลาดด้วยหาเงินไปด้วย มีเด็กบางคนก็เก็บเศษผัก เศษผลไม้ไปประกอบอาหารเลี้ยงครอบครัว พอจะไปถึงเวลาที่ตลาดเปิดขายเด็กกลุ่มนี้ก็มารวมกลุ่มกันเล่นกระโดดยางบ้าง บางกลุ่มก็ไปเล่นการพนัน หรือบางคนก็หาเหล้ามากิน เด็กบางคนก็ไปลักสิ่งของของเจ้าของในขน เช่นอาหารแห้ง ข้าวสาร เสื้อผ้า เป็นต้น
-กลุ่มเด็กที่ขายถุงพลาสติก มีทั้งเด็กหญิงและเด็กชาย เดินขายถุงไปด้วยหรือบางคนขอเงินคนที่มาซื้อปลาในตลาด หรือซื้ออาหารไปด้วย จะเห็นเด็กกลุ่มนี้มีทั้งกลุ่มเด็กเล็ก และมีเด็กโตคอยคุ้มกันอยู่ เดินไป-มาทั้งตลาดทั้งสองแห่ง ส่วนมากที่พบเป็นกลุ่มเด็กที่ออกจากบ้านมาอาศัยที่นอนในตลาดเป็นส่วนใหญ่ โดยบางคนไม่กลับบ้าน จนมีบ้านในตลาดสด อาศัยแผงร้านค้าเป็นที่หลับนอนหรือตามซอกตึกที่ลับตาคนนอนหลับ การแต่งกายของเด็กกลุ่มจะค่อนข้างสกปรกเสื้อผ้ามีกลิ่นสาปพอสมควร หรืออาจจะเป็นกลิ่นตัวของเด็ก ที่เล่นน้ำทะเลกันตลอดก็ได้ กับกลิ่นของคาวปลาแต่ละชนิด
-กลุ่มเด็กขายหนังสือพิมพ์ ขายดอกไม้ หรือขอทานตามสี่แยกไฟแดง โดยเฉพาะที่ตลาดฟิลิปปินส์ เพราะมีห้างสรรพสินค้าใหญ่โตอยู่เป็นจำนวนมาก เวลาที่นั่งรถพาตามสี่แยกจะเห็นเด็กจำนวนหนึ่งที่ถือดอกไม้ พวงดอกไม้มายืนให้เวลาที่รถจอดติดไฟแดง หรือบางครั้งก็เป็นขนมต่างๆ เด็กเหล่านี้ชอบนั่งอยู่ระหว่างเกาะกลางถนน เป็นทั้งที่พักผ่อน และที่ทำงานของเด็ก
-ในช่วงเช้าของการศึกษาดูงานไปมีโอกาสไปเดินตลาดแต่เช้า ได้เห็นเด็กเอากาละมังใบใหญ่ ใส่ปลา หอย กุ้ง ฯลฯ พายมาเพื่อจะนำสินค้าเหล่านี้มาขาย ครูยืนมองตั้งแต่อยู่กลางทะเลจนมาถึงฝั่งของเด็ก สิ่งที่เห็น คือมีคนซื้อหลายคนที่มายืนคอยเด็กๆๆเหล่านี้ เห็นของทะเลที่มาบอกได้เลยว่าสดมาก ราคาถูกกว่าในร้านค้ามาก เด็กๆเหล่านี้จึงขายไปด้วยราคาที่ถูก แต่มองด้ววยสายตาเด็กพอใจในสิ่งที่ขาย เพราะเด็กเองก็คงไม่มีทางเลือกมากนักในการจะกำหนดราคาเอง คนซื้อจึงเป็นฝ่ายกำหนด
ในช่วงที่มีโอกาสไปศึกษาดูงานที่เกาะซาบาห์ ถึงแม้ว่าจะมีเด็กหลายหลากกลุ่มอยู่ด้วยกัน แต่สิ่งที่ประทับใจเกาะแห่งนี้ได้ให้โอกาสของเด็กทุกชาติพันธุ์ได้อยู่อาศัยเพื่อเลี้ยงตนเองและครอบครัว มีงานทุกที่ที่ให้เด็กทำ ถึงแม้จะไม่ใช่คนของมาเลเซียก็ตาม แต่คงเป็นปัญหาที่ต้องคุยกันอีกยาว ซึ่งองค์กรพัฒนาเอกชนพยายามที่จะช่วยกันกำหนดการขึ้นทะเบียนของเด็ก แต่ก็ได้แค่สำรวจ เพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังอยู่กันเฉยๆ
ทุกหน่วยงานที่มีโอกาสแลกเปลี่ยนพูดคุยกัน สิ่งหนึ่งที่ห่วงคือการเคลื่อนย้ายของเด็กเร่ร่อนที่เร็วมาก และขาดสวัสดิการขั้นพื้นฐาน กลัวเรื่องเรื่องเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วยังเป็นคนไร้รัฐ ไร้สัญชาติ โอกาสที่จะเข้าถึงสิทธิจะหมดไป