ประตูด่านเปิด..ก็โอกาสของเด็กเร่ร่อนกัมพูชา
เวลาประมาณเจ็ดโมงเช้าที่ด่านอรัญญาประเทศ จังหวัดสระแก้ว จะเห็นฝูงชนจำนวนมากที่เกาะรั่วเพื่อให้ประตูด่านเปิด ฝั่งกัมพูชาทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะวิ่งกรูกันเข้ามาเพื่อมาหางานทำให้ตลาดโรงเกลือ แต่อีกฝั่งหนึ่งจะเห็นร้านค้าที่ตั้งเรียงรายเป็นแถว การเดินทางมาที่ด่านแห่งนี้ สำหรับผู้เขียนเองมาไม่น้อยกว่า 10 ครั้ง มาที่ไรก็จะไม่พ้นการมานั่งดูคนเข้ามาในช่วงตอนเช้า- ในช่วงเย็นก็จะมีหลายคนที่เดินทางออกไปไปพักที่ฝั่งกัมพูชา ในช่วงเช้าจะมีผู้คนเดินทางเข้ามาด้วยตัวเปล่าบ้าง หรือบางครั้งก็จะมีขนมของกัมพูชามาขายที่ตั้งเรียงรายหน้าด่าน ส่วนตอนเย็นจนถึงค่ำ จะมีชาวกัมพูชากลับข้ามฝั่งไปที่ปอยเปต ทุกคนจะหิ้วถุงอาหาร ถุงข้าว น้ำ ตลอดจนเครื่องใช้ต่างๆกลับไปด้วย แล้วก็ไปที่พักของเขา ที่เรียกว่าชุมชนบ้านบิน เศษไม้ พื้นเป็นแผ่นไม้อัด หรือบางครั้งก็เป็นแผ่นพลาสติค มุ้งด้วยสังกะสีหรือแผ่นไวนิลแล้วแต่จะหาได้ เมื่อลมฝนมา ก็จะบินตามแรงลมไป แต่เป็นบ้านที่เขาเรียกกันว่าแค่ซุกหัวนอน แต่ที่นั่นเป็นทุกอย่างของชาวกัมพูชาที่ต้องมาพักค้างเพื่อจะมาหางานทำในฝั่งตลาดโรงเกลือ
ตลาดโรงเกลือเป็นตลาดที่ขายสินค้าบริจาคมาจากชาติตะวันตก แต่กลายเป็นแหล่งสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของการขายส่งสินค้าทุกชนิด จากเดิมมีไม่กี่ห้อง แต่กลายเป็นหลายสิบตลาดที่เป็นที่รวมสินค้ามากมายที่กระจายไปทั่วประเทศไทย และส่งขายไปยังประเทศกัมพูชา และเป็นแหล่งที่ให้แม่และเด็กเร่ร่อนต่างด้าวได้ทำมาหากิน หาเลี้ยงชีพได้อย่างสมควรแก่อัตภาพของแต่ละคนได้แก่
-กลุ่มแม่และเด็กเร่ร่อนขอทานสำหรับกลุ่มที่มาขอทานเด็กที่ติดตามมากับแม่จะเป็นกลุ่มเด็กเล็กช่วงอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึงประมาณ ๒ ปี แล้วจะเดินเร่ขอทานระหว่างชายแดนทั้งสองฝั่ง หรือมีบางครั้งที่เห็นพี่สาว/พี่ชายของเด็กที่อุ้มน้องขอทานส่วนใหญ่ที่ซักถามส่วนมากเป็นญาติพี่น้องกัน มีกลุ่มแม่และเด็กที่อายุประมาณ ๕-๘ ปี เป็นเด็กชายส่วนมากที่เก็บเศษอาหาร ผัก ผลไม้ เพื่อเลี้ยงชีพตนเองแต่มีบางครั้งที่เก็บสิ่งของเหล่านี้นำไปขายที่ฝั่งปอยเปต ส่วนมากเป็นผลไม้ ข้าวโพดที่ยังใช้ได้กินหรือนำไปขายต่อ กลุ่มเด็กชายเร่ร่อนเน้นการเก็บขยะขายได้แก่ กระดาษ ขวดพลาสติก เหล็ก เป็นต้นส่วนมากจะมีถุงกระสอบใช้สะพ่ายหลังเดินไปที่ต่างๆในตลาดซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่มาก มีร้านที่รับซื้อขยะจากเด็ก ส่วนมากกลุ่มนี้จะเดินข้ามแดนตลอดเวลา ในช่วงกลางคืนจะนอนไปเรื่อยๆ เช่นหน้าร้านสะดวกซื้อ หรือร้านค้าที่มีแสงไฟสว่างพอสมควร
-กลุ่มแม่และเด็กที่ไปทำงานในตลาดปลาตั้งแต่การขอดเกล็ดปลา การขูดเนื้อปลา การขนปลา การทำความสะอาด ตลอดจนการขนถ่ายปลาจากรถที่มาส่งให้ลูกค้าที่รับไปขาย จะมีทั้งเด็กเล็กที่ติดตามแม่ หรือบางคนก็เป็นกลุ่มเด็กโต กลุ่มนี้ส่วนหนึ่งแม่และเด็กจะอาศัยนอนข้างบนที่สร้างเป็นบ้านห้องพักเล็กอัดกันนอน สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และการนอนที่ไม่เป็นช่วงเวลา
-กลุ่มที่รับจ้างขนของระหว่างแดน ส่วนมากจะใช้รถเข็นคันละ ๑๐ บาทต่อหนึ่งเที่ยว ซึ่งเด็กเหล่านี้จะใช้แรงงานจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเด็กเร่ร่อนกลุ่มนี้จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเป็นกลุ่มเด็กวิ่งซื้อบุหรี่ เหล้าที่หนีภาษี ทำให้เด็กตกเป็นเหยือกลุ่มอาชญากรรม บางครั้งก็ถูกทำร้ายจากคนบังคับให้ขายหรือบางคนก็ที่ซื้อสินค้าแล้วหนีกลายเป็นเด็กต้องรับใช้ภาระเหล่านี้ เด็กบางคนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการขนของหนีภาษีหรือขนยาเสพติดโดยเด็กเองก็ไม่ทราบว่าขนอะไรมาก เมื่อเกิดเหตุการณ์เหล่านี้เด็กจะกลายเป็นเหยื่อทันที รับแทนเจ้าของทั้งหมด กลายเป็นเด็กต้องติดคุก เป็นต้น
-กลุ่มเด็กที่รับจ้างซักรองเท้ามือสอง ซึ่งกลุ่มนี้เด็กเร่ร่อนเหล่านี้จะถูกแยกจากครอบครัว แต่มีแม่บางครอบครัวที่ทำงานด้วยกัน เด็กที่ติดตามแม่มาส่วนมากเป็นเด็กช่วงอายุ ๓-๗ ปีเป็นเด็กหญิงที่นั่งซักรองเท้าแล้วนำไปตากแดด บางคนก็คัดรองเท้าอย่างเดียว ซึ่งมีกลิ่นเหม็นมากจะมีผลต่อสุขภาพต่อเด็ก
-กลุ่มแม่และเด็กที่รับจ้างเด็ดพริก คัดแยกผลไม้ คัดแยกผัก ที่อยู่ในสภาพดี ส่วนมากจะเป็นเด็กเร่ร่อนชายเพราะต้องใช้ความอดทนสูง บางครั้งต้องมีการยกเข่งผัก/ผลไม้จำนวนมาก เด็กกลุ่มนี้จะทำงานในช่วงกลางคืนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งส่งผลให้ให้เด็กมีปัญหาสุขภาพ
-กลุ่มเด็กเร่ร่อนหญิงบางคนกลายเป็นหญิงขายบริการทางเพศ หรือเข้าไปทำงานในร้านอาหารหรือร้านคาราโอเกะ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการถูกล่อลวงไปขายยังจังหวัดอื่น เช่น สงขลา สระบุรี กาญจนบุรี (ซึ่งเป็นข่าวและมีการทะลายซ่องกันมาหลายครั้งแล้ว) สำหรับกลุ่มเด็กเร่ร่อนชาย บางคนถูกล่อไปทำงานในไร่อ้อย ไร่มันสำปะหลัง มีเด็กบางคนที่ถูกส่งไปทำงานเรือประมง
ในพื้นที่ตลาดโรงเกลือมีหน่วยงานขององค์กรพัฒนาเอกชนที่ลงทำงานจำนวน ๒ องค์กร ด้วยกัน เช่น การเสริมทักษะของเด็กและเยาวชน การคุ้มครองสวัสดิภาพแม่และเด็กเร่ร่อนต่างด้าว การดูแลสุขภาพของเด็กเร่ร่อน ได้แก่การล้างเท้า การอาบน้ำ การล้างมือ การแปรงฟัน การดื่มน้ำ ดื่มนม รับประทานอาหาร เป็นต้น รวมถึงการจัดกิจกรรมให้เด็กและเยาวชน เช่น การวาดภาพระบายสี การหัดอ่าน เขียนภาษาไทย เป็นต้น สำหรับเด็กที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต้องมีการประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐในการหาทางออกร่วมกัน ตลอดจนกรณีแม่และเด็กที่ถูกทารุณกรรมหรือการทำร้ายต้องมีการประสานงานกับประเทศต้นทางทั้งภาครัฐและองค์กรพัฒนาพัฒนาเอกชน รวมถึงการต้องคดี การส่งแม่และเด็กไปประเทศต้นทางที่สถานสงเคราะห์ขององค์กรดำเนินการ ตลอดจนบางครั้งมีการประสานงานเพื่อเยี่ยมครอบครัวของเคส เป็นต้น
สิ่งที่เป็นข้อกังวลสำหรับกลุ่มแม่และเด็กในพื้นที่ตลาดโรงเกลือ
(๑) เด็กยังไม่มีโอกาสเข้าถึงระบบการศึกษาทั้งสองประเทศ ทั้งประเทศกัมพูชา และประเทศไทย มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในเรื่องการศึกษา ค่าอาหาร ค่าพาหนะในการเดินทาง ตลอดจนการไม่ให้ความสำคัญของครอบครัวเด็ก
(๒) การที่เด็กเร่ร่อนบางคนตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ เหยื่อการทำงานเป็นแรงงาน ซึ่งขาดระบบการติดตาม และการประเมินครอบครัวสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงครอบครัวเด็กเหล่านี้ก็ต้องดิ้นร้นเพื่อเลี้ยงคนในครอบครัวทำให้ไม่สามารถรอการฟ้องร้อง หรือการเป็นคดี ทำให้ไม่มีเหยื่อในกรณีที่ต้องขึ้นศาล
(๓) เด็กไม่มีสิทธิได้รับสวัสดิการต่างๆ ตั้งแต่การรักษาพยาบาลเมื่อป่วยขึ้นมา การมีเอกสารแสดงตัวตนของเด็กว่าเป็นเด็กที่เป็นทรัพยากรมนุษย์ของประเทศไหน สิทธิด้านต่างๆก็หมดไป แต่ตัวตนของเด็กก็เดินให้เห็นทั้งสองประเทศ
(๔) เด็กตกเป็นเหยื่อในการก่ออาชญากรรมหรือการต้องคดีแทน ซึ่งเด็กเหล่านี้กลายเป็นผู้ต้องรับโทษ ทำให้เด็กและเยาวชนไม่มีโอกาสได้รับอิสระ และได้อยู่กับครอบครัว
สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดคือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่หน่วยงานที่รับผิดชอบ มีโอกาสได้เข้าที่ประชุมหลายครั้ง ทุกครั้งหน่วยงานก็ยังยืนยันว่า ไม่มีแม่และเด็กเร่ร่อนต่างด้าวในพื้นที่ เพราะพื้นที่เป็นพื้นเศรษฐกิจจึงไม่มีเรื่องปัญหาสังคม แต่มีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเท่านั้น ฝากรายละเอียดการทำงาน ถ้าไม่ใช้ความจริงแล้วจะแก้ปัญหาให้ตรงจุดอย่างไร แล้วจะร่วมมือในการทำงานด้วยปิดตาข้างหนึ่งหรือ......ควรที่จะร่วมมือกันหาแนวทางแก้ไขในความเป็นอาเซียนร่วมกันให้พลเมืองอาเซียนมีคุณภาพเท่าเทียมกันหรือไหม......