banner
พฤหัสบดี ที่ 8 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.2561 แก้ไข admin

คนด้อยโอกาสช่วยกันเอง

 

นางสาวทองพูล   บัวศรี

ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน   มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก

 

          เมื่อวันศุกร์ ที่ 26 มกราคม 2560  เสียงโทรศัพท์มือถือดังลั่น สาม-สี่ครั้งติดกัน ครูจิ๋วค่ะ  แม่น้องปอกำลังจะคลอดค่ะครู   ผมกำลังทำงานอยู่หาคนอยู่เวรไม่ได้   ผมยังไปไม่ได้ครับ  ไม่ทราบว่าใครพาเมียผมไปโรงพยาบาล   เด็กเร่ร่อนใต้ทางด่วนชื่อเดฟ เป็นคนโทรบอกครับ

          เสียงโทรศัพท์อีกสายหนึ่งดัง   ครูจิ๋วค่ะ ฉันลี เป็นชาวกัมพูชา แม่เจ้าดาวค่ะครู    ฉันกับเจ้าเดฟพา แม่น้องปอมาคลอดที่โรงพยาบาลตำรวจ

          ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลกันทั้งคู่   นั่งรออยู่  ครูมาได้ไหม    รอกันอยู่ที่โรงพยาบาลก่อนนะ เดี๋ยวครูจะรีบไป 

          ครูขอเตรียมเสื้อผ้าเด็กอ่อนก่อน  มุ้งครอบที่ขอมาจากสถานสงเคราะห์เด็กอ่อนปากเกร็ด  มีถุงเท้า ถุงมือ ขวดนม และน้ำยาซักผ้า สบู่ ผงซักฟอกสำหรับเด็ก  ที่สำคัญมีเด็กอีก 9 คน ทั้งชายและหญิง เตรียมมาม่า ปลากระป๋องไปให้ด้วย

          เตรียมข้าวของที่ใส่ถุงใหญ่  บังเอิญใช้มานาน ระหว่างที่จากหน้าวัดหลักสี่จะขึ้นสะพานลอยถุงขาดหมด  ต้องหอบหิ้วแบบทุรักทุเรกันไปขึ้นแท็กซี่


 

          สำหรับครูเองที่ขึ้นแท็กซี่มาลงที่โรงพยาบาลตำรวจ  ต้องวางของทั้งหมดก่อนฝากร้านค้า  วิ่งไปหาซื้อถุงกระสอบใส่ของให้อยู่รวมกันก่อน  ด้วยเหตุผลว่าแม่คลอดแล้วจะอยู่ห้องรวมอย่างไร  หรือจะฝากเดฟเอากลับไปที่บ้านใต้ทางด่วน  จะเอากลับอย่างหลายถุงมาก    ยอมซื้อถุงใหญ่ให้ใส่เพื่อกันฝนตกด้วย  แล้วทุกอย่างอยู่รวมกัน

          พอไปถึงโรงพยาบาล พบ นางลี  น้องรจนา  น้องปอ เดฟ  ซึ่งน้องปอมอมแมมมาก  รองเท้าก็ไม่ใส่  เท้าดำสนิท   ทุกคนในโรงพยาบาล มองครูเป็นตาเดียวกันในขณะที่ครูอธิบายถึงข้าวของเครื่องใช้สำหรับเด็กอ่อน

          เสื้อผ้าของนางลี น้องรจนา ถึงมีรองเท้าใส่ ก็ใช่ว่าจะดูดี   เปรอะเปื้อนไปด้วยสีดำ มีกลิ่นที่ไม่ได้อาบน้ำ  แต่ก็เต็มใจที่จะมาเป็นเพื่อนแม่ปุ้ม

          ส่วนเดฟ หน้านี้เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นห่วงแม่ปุ้ม   ครูคุยอะไรก็เงียบอย่างเดียวเลย  นั่งเงียบด้วยอาหารหิวด้วยหรือเปล่า   แต่ก็นั่งอย่างสงบนิ่ง นิ่งมาก มาก เหมือนหุ่นเลย  ในมือถือบัตรบัตรประชาชนแม่ปุ้มไว้อย่างเดียว

          ส่วนน้องปอ  นั่งเงียบมาก ส่งขนม ส่งนม ให้เอาเอามาวางไว้ที่ตักอย่างเดียว  ถึงแม้น้องรจนาจะแบ่งอาหารให้กินก็เฉย  จนครูมา  น้องปอถึงได้เดินมาหาครู   ครูพาไปห้องน้ำไปล้างเท้า เช็คด้วยกระดาษทิชชู    เพราะเท้าน้องดำมาก

          พาออกมาเอาขนมปังให้กิน  กินนม กินน้ำ ให้อิ่มก่อน   เสร็จแล้วเด็กก็วิ่งตามประสาเด็ก  สนุกกันสองคน ทั้งน้องรจนา และน้องปอ   เสียงหัวเราะก็ดังขึ้น  ส่วนครูเองต้องไปต่อเยี่ยมเด็กที่โรงเรียนด่านสำโรงมัธยม


 

          ซึ่งในขณะนั้น บ่ายสีโมงเย็นกว่าแล้ว  เด็กคลอดแล้ว  เพราะแม่ปุ้มคนที่คลอดเล่าให้ฟังว่ามาถึงมาขึ้นเตียงเข็นขึ้นไปชั้นสี่  ถึงหน้าห้องคลอดก็คลอดออกมาเลย  แซงคิวคนที่นอนอยู่ก่อนทุกคน

          คลอดออกมาก็แหกปากร้องเสียงดังมาก  ด้วยน้ำหนัก 4 กิโล  พยาบาลอุ้มไปล้างเนื้อเนื้อตัว  ห่อมาให้อย่างดี  แต่แม่ปุ้มก็หลับอย่างเดียว    เพราะตอนกลางคืนไม่ได้นอนเลย  ด้วยเหตุผลที่ว่า  ปวดแบบหยุด หยุด หาย หาย   แล้วก็ปวดอีก    พอเช้าสิบเอ็ดโมงไม่ไหว  เจ้าเดฟนอนที่โซฟา  จึงให้ไปเรียนนางลีมาช่วยพาไปโรงพยาบาล

          เดิมคุยกันไว้วางจะไปโรงพยาบาลราชวิถี หรือ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์   ด้วยเหตุผลว่า  นางพยาบาลใจดี    ด้วยนางปุ้มไม่ได้ฝากครรภ์ ไม่ได้หาหมอเลย ไม่เคยฉีดวัคซีนเลย   อาหารก็กินบ้างอดบ้าง   เพราะหาคนเดียวต้องแบ่งปันเด็ก เด็ก ที่มาอยู่ด้วยหลายคน  อย่างไรก็ต้องเลี้ยงกันไป  เพราะเด็ก เด็ก ก็เพื่อนลูกทั้งนั้นเลย

          ครูค่ะ  ตอนที่มาโรงพยาบาลไม่มีเงินติดตัวมาเลย ค่าแท็กซี่ คนขับก็ใจดีมาก  ไม่เก็บกว่า เก้าสิบกว่าบาท   บอกว่าพวกคุณให้เลข เพราะจะมาคลอดบนรถผม   ผมก็ดีใจแล้ว  ขอให้คลอดง่าย ง่าย  ปลอดภัยทั้งแม่และลูก   ครูฉันซึ้งใจจริง จริง  มีแต่คนช่วยเหลือ

          พอลูกฉันคลอด เหล่านางพยาบาลทั้งหลาย ก็รุมล้อม น้องแป้งกัน  ด้วยตัวอ้วน เต็มมือนางพยาบาล ตัวใหญ่สุดในห้องของเด็ก น้องแป้งไม่ร้องไม่กวน น้องหลับอย่างเดียว  กินนมแม่ตั้งแต่แรกเลย 

          ครูฉันเองก็ได้รับความเมตตาจากพยาบาลมาก  เอาบัตรประชาชน กับบัตรสามสิบบาท  ซึ่งครูก็เห็นนะว่าบัตรสามสิบบาท มันหมดอายุมานานหลายปีแล้ว   ซึ่งค่าคลอดในครั้งนี้ตกหกพันกว่าบาท  เพราะนอนตั้งแต่วันศุกร์ -เสาร์-อาทิตย์-จันทร์  สี่วันสามคืน 

          ความจริงคุณหมอ  ให้ออกตั้งแต่วันอาทิตย์ให้จ่ายส่วนเกิน 970 บาท  แต่พวกฉันไม่มีกันเลย  แค่กินข้าวยังไม่มี  ต้องใช้มาม่าของครู  ต้มใส่หม้อใหญ่ แบ่งปันกันกินประทังชีวิตกัน   สำหรับฉันนอนโรงพยาบาลกับน้องปอ น้องแป้ง  ฉันยังได้อาศัยข้าวที่โรงพยาบาลสามมื้อ   เตียงข้าง ข้าง แบ่งนม ผลไม้มาให้ตลอด


 

          จึงโทรไปหาครู  ครูเองก็อยู่ต่างจังหวัดแล้วบอกว่า จะเข้ามาวันจันทร์   ฉันจึงให้สามีไปบอกกับคุณหมอ   คุณหมอใจดีมากบอกว่าไม่เป็นไรรอได้

          หลังจากนั้น ทางฝ่ายพยาบาลก็เข้ามาอธิบายถึงรายจ่ายที่ต้องจ่าย  แต่ทางฝ่ายพยาบาลได้ดำเนินการว่าเป็นกรณีฉุกเฉิน  ซึ่งบัตรสามสิบบาทใช้ได้  และอนุโลมเรื่องค่าใช้จ่ายไปเบิกกับโรงพยาบาลที่มีสิทธิอยู่

          พยาบาลเข้ามาอธิบายถึงเรื่องสิทธิในการเบิกประกันสังคมตามสิทธิของพ่อที่ทำงานเป็นยาม   แต่สิทธิของแม่เด็กจะได้เรื่องการคลอด ยา บางตัว  แต่ต้องมีการจ่ายส่วนเกิน   เพราะกรณีของนางปุ้ม เป็นกรณีที่เสี่ยงมาก   แต่ความโชคดีของแม่และลูกเกิดมาทุกอย่างครบสมบูรณ์  ร่างกายแข็งแรง

          พยาบาลบอกว่าพ่อแม่บางคนถนอมอย่างดีมาหาคุณหมอตลอดเด็กยังสมบูรณ์     แต่กรณีของนางปุ้มเด็กแข็งแรงมากเหลือเชื่อ จริง จริง  น้ำนมก็เยอะ  เด็กกินได้ตลอดจนกว่าจะครบรอบปี

          ครูค่ะพอมาถึงที่ใต้ทางด่วน    เด็ก เด็ก ที่มาอาศัยอยู่ อาศัยกิน กับ นางปุ้มทุกคนก็มาช่วยกันดูแลน้องแป้งคนเล็กเหมือนของเล่นชิ้นใหม่ของเด็ก  มีแต่เสียงหัวเราะ 


 

          คนจนอย่างพวกฉัน ได้รับการดูแลจากคนจนด้วยกัน  ถึงแม้จะไม่มีกิน ไม่มีเงิน  แต่ความรัก ความอบอุ่น  เสียงหัวเราะเหล่านี้พวกเราทุกคนมีให้กัน

          สำหรับครูเองก็ต้องบอกว่า ทำงานกับพวกเธอถึงแม้จะเปลี่ยนแปลงความคิดพวกเธอไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ครูชื่นใจ  คือการช่วยเหลือกัน  รักน้องปอ รักน้องแป้ง  ดูแลคนที่เล็กกว่า  ครูก็ดีใจ  ถึงแม้เธอจะบอกว่าครูหิ้วของกินมาให้เธอหนัก   ทุกครั้งที่พวกเธอแบ่งปันกันกิน ครูก็เห็นแล้วก็มีความสุข

          ครั้งนี้ครูขอบใจทุกคนมาก  ที่ช่วยกันดูแล  พากันไปส่งโรงพยาบาล  ใครจะมองอย่างไรช่างเขา  พวกเราก็คนเหมือนกัน 

          งานนี้ใจซื้อใจ.......