คนไทยต้องมีบัตร... ใช่ไหม
นางสาวทองพูล บัวศรี
ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก
ครูมาสนใจพวกฉันทำไม.....
ครูมาสนใจทำไมว่าครอบครัวเธอมาอยู่ใต้ทางด่วนแบบนี้ เธอคนไทยใช่ไหม แล้วพาลูกมาอยู่อย่างนี้ เด็กควรที่จะอยู่ในที่ปลอดภัย มีที่พักเป็นเรื่องเป็นราว
ครู ฉันสารภาพแบบจริงๆ เลยนะ เห็นครูครั้งแรกก็บอกลูกว่า “ป้าเขาไว้ใจได้หรือ”
แต่ระยะเวลาที่ครูเดินมาพบพวกฉันกับเด็กๆ หก เจ็ดคน เป็นเวลากว่า ปีแล้ว “ครูสุดยอดมาก” กับความอดทน หาของกินมาฝากทุกอาทิตย์
คำพูดของครู ทำให้พวกเราคิดตลอดเวลา “พวกเธอคือคนไทยแท้ๆ ทำไมไม่ทำเอกสาร ใบเกิด บัตรประชาชน” ให้ถูกต้อง
เธอชื่อในนามสมมุติว่า “ป้อม” ปัจจุบันอายุ 33 ปี ใช้ชีวิตเร่ร่อน ตั้งแต่อายุ 13 ปี ทั้งพ่อและแม่ตายหมด อยู่กับย่า และมีน้องอีก 4 คน แต่ละคนเรียนหนังสือได้แค่ ป .6 ป. 5 ป. 4 ป.3 แล้วก็ออกจากบ้านย่ากันมาใช้ชีวิตดิ้นร้นบนถนน
สำหรับป้อม มีลูกคนโต ตั้งแต่อายุ 14 ปี พอออกจากบ้านย่าก็มาเฉพาะตัวคนเดียว เพราะเบื่อเสียงด่าของย่า ซึ่งก็ควรที่จะให้ย่าได้บ่น เพราะภาระที่ย่าไม่ได้ก่อ ห้าชีวิตที่ต้องมาให้ย่าเป็นภาระ แค่ขายของในตลาดก็แค่พอเลี้ยงตัวคนเดียวไว้ การอดมื้อกินมื้อในแต่ละวันก็สุดยอดแล้ว
สามีคนแรกอายุเท่ากันเลย ไม่ได้มีงานทำ อยู่ด้วยกัน หกปี มีลูกสามคน คนโตอายุ 16 ปี คนที่สอง อายุ 14 ปี คนเล็ก อยู่ที่สถานสงเคราะห์ที่ชลบุรี
ออกมาจากบ้านก็มาอาศัยนอนกันที่ใต้ทางด่วน บางนา อยู่กันมาตลอด จนสามีคนแรกกลับไปอยู่บ้าน แต่ไม่ได้เอาลูกไปด้วย ลูกก็ยังอยู่กับป้อม
ลูกคนโต ก็ส่งไปให้ย่า เรียนได้แค่ ป.4 เท่านั้น อยู่กับพ่อของเด็กไม่ไหว ลูกคนโตจึงมาอยู่กับป้อมด้วย มานอนกันที่ใต้ทางด่วน ย่ามาตามหลายครั้งแต่เด็กก็ไม่ไป สุดท้ายไปบางเวลาที่ต้องการเงินมาซื้ออาหาร
สำหรับป้อมเองก็เจอสามีใหม่ที่ทำงานเป็นยาม แก่กว่ากันประมาณสิบกว่าปี เป็นคนภาคเหนือ จึงพากันย้ายมาอยู่ที่ใต้ทางด่วนสุขุมวิท
ตอนแรกก็รับจ้างทั่วไป สามีทำงานเป็นยาม.. ลูก 3 คน กับสามีคนเดิมก็มาอยู่ด้วย ห้าปาก กับสามีใหม่ทำงานคนเดียว จึงไม่พอกิน พอดีกับป้อมมีลูกกับสามีใหม่ตั้งท้อง ลูกคนที่สามอยากเรียนหนังสือ แต่ไม่อยากไปอยู่กับพ่อ เพราะพ่อมีครอบครัวใหม่
ลูกคนที่สามให้ป้อมพาไปส่งที่สถานสงเคราะห์ชลบุรี ตอนนี้ก็เกือบห้าปีแล้วน่าจะเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ห้าแล้ว ยังไม่เคยไปเยี่ยมเขาเลย
พอป้อมมีท้องคนที่สี่ เงินก็ไม่พอ ช่วงนั้นมาอยู่ที่ใต้ทางด่วน ใกล้กับซอยนานา เห็นพวกชาวกัมพูชา พาลูกออกไปขอเงินนักท่องเที่ยว
เมื่อคลอดได้สามเดือน ป้อมจึงพาน้องไผ่...(นามสมมุติ) ออกไปขอเงิน ส่วนลูกชายสองคนก็รับจ้างเข็นผักบ้าง ขอเงินบ้าง แล้วมีเพื่อนลูกชายอีกสี่คนมาอยู่ด้วยกัน ป้อมจะไล่ก็กลัวว่าลูกทั้งหมดก็จะไปที่อื่น ป้อมก็จะไม่เห็นเขา
อยู่กันแบบนี้มีกินบ้าง ไม่มีกินบ้าง ก็ได้เห็นหน้ากันทุกวัน ไม่ให้ติดยาเสพติดกันอย่างเดียว ดูแลแบบห่วงๆ ดูแลแบบตามมีตามเกิด
เวลาที่ครูมาทุกครั้ง ป้อมคิดหนักมาก เพราะครูจะถามเด็กคือเรื่องบัตรประชาชน เราเป็นคนไทย ต้องมีบัตร ไม่อย่างนั้นเวลาถูกจับ เขาจะเหมาพวกเราทุกคนเป็นคนต่างด้าว แค่ถูกจับอย่างเดียวก็พอแล้ว แต่ต้องมาถูกส่งไป สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองยุ่งมากเลย ตำรวจถามเรื่องบัตรก็ได้อ้ำอึ้งเท่านั้น เพราะลูกสองคนก็บัตรประชาชนหายเป็นประจำ สำหรับตัวป้อมเองบัตรหมดอายุและหายมาแล้ว สามปี
สำหรับลูกสองคนเขาให้พ่อพาไปทำบัตรแล้ว เหลือแต่ป้อมคนเดียว ครูก็ถามตลอด คนอื่นที่มาเจอก็จะถามตลอดเหมือนกัน บางคนก็ได้คำแนะนำว่าให้ไปทำที่สมุทรปราการ ที่บ้านย่า แต่กลัวโดนด่า เพราะไม่ได้เข้าบ้านย่ามากว่าสิบปีแล้ว ถ้าเห็นคงโดนแน่นอน
เมื่อตอนครูมาถ่ายรายการ สามีใหม่ ชื่อ มังกร ก็ให้บอกครูเลยว่าอยากทำบัตร แล้วถ้าให้ไปหาน้องๆ มาเซ็นต์รับรองพวกเขาคงไม่มาให้แน่ เพราะแต่ละคนก็อาศัยถนนนอนกัน มีครอบครัวกันหมดแล้วทั้งสี่คน หลานเคยเห็นเขาสองถึงสามครั้ง
สุดท้ายจึงบอกครู เพราะสามีบอกว่าครูไม่เหมือนคนอื่นมาหาตลอดอาทิตย์ละหนึ่งครั้งมาที่ก็หิ้วข้าวของเครื่องใช้ อาหารมาม่ามาให้ หรือ นม ขนม มาฝากตลอด
ป้อม จึงบอกกับครูว่าอยากทำบัตรประชาชน เพราะป้อมกำลังมีท้อง 8 เดือน ใกล้คลอดแล้ว ถ้าไปโรงพยาบาล ก็ต้องหาบัตรประชาชนแน่....ป้อมทำบัตรหายมานานแล้ว
ตอนแรกพอนัดกับครู แล้วผิดนัดกันมาแล้ว สามครั้ง ป้อมเริ่มไม่แน่ใจว่า ครูจะพาไปไหม ใจคอป้อมไม่ดีเลย กลัวๆ กล้าๆ กลัวครูเป็นพวกสังเคราะห์ มาจับ
ครูเลยบอกว่า เจ้านายครูเรียกประชุมด่วน ครูอยากทำให้เสร็จเร็วที่สุดเป็นห่วงว่า ป้อมจะคลอดแล้วจะลำบากห่วงสุด
เมื่อวันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม นี้ ครูจึงตีรถมาจากอยุธยาแต่เช้า มาถึงป้อมก็เตรียมตัวพร้อม ครูหิ้วมาม่า ปลากระป๋อง เสื้อกันหนาวที่พอหาได้มาฝาก
ป้อมถามครูว่า ต้องเตรียมเอกสารอื่นอีกไหม มีแค่บัตรสุขภาพถ้วนหน้า ตั้งแต่ปี 2550 บอกว่าเอาไปด้วย เพราะจะได้มีเอกสารยืนยันตัว
ครูจะพาไปที่ไหน จึงบอกว่าไปสำนักงานเขตปทุมวัน ครูไปบ่อยไม่ค่อยมีคน ไปเถียงกับเจ้าหน้าที่จนเขารู้จักครูกันหมดแล้ว จะได้ไม่ต้องยืนยันตัวตนของครูมาก เขาเห็นหน้าครูพวกเขาคงเซ็งหน้าครูไปเอง แต่จะช่วยให้ครูยืนยันรับรองเธอได้
มาถึงที่สำนักงานเขตปทุมวัน ป้อมเองก็ตื่นเต้นมาก บอกว่าไม่เคยมาสถานที่ราชการแบบนี้มากว่า ห้าปีแล้ว
ป้อมเขียนหนังสือสวย และจำชื่อ น้องๆ ทั้งหมดได้ และทุกคนก็ทำบัตรประชาชนกันทุกคน เหลือเพียงป้อมคนเดียว
ให้คำบันทึกปากคำแก่เจ้าหน้าที่พนักงานที่สอบ ฝ่ายทะเบียนราษฎร์ เจ้าหน้าที่ ร้องโอ้โฮ บัตรประชาชน ป้อมหมดอายุมาแล้วสามปี ไปอยู่ที่ไหนมา ทำไหมไม่มาทำบัตรประชาชน ครูกับป้อมมองหน้ากันแล้วไม่พูดอะไร
ป้อมเล่าให้ครูฟังว่า ตอนที่เจ้าหน้าที่สอบ กลัวมาก กลัวเขาจับเข้าคุกว่าไม่ใช่คนไทย แต่พอเห็นรูปตัวเองใจชื้นขึ้นมาก ยิ่งตอนที่ครูเซ็นเอกสารรับรองกับเจ้าหน้าที่ ป้อมตื่นเต้นสุด สุดเลยครู
ยิ่งตอนที่เขาเรียกไปถ่ายรูป บอกไม่ถูก ยิ่งตอนปั้มหัวนิ้วโป้งมือทั้งซ้าย-ขวา ปั้มเท่าไรก็ไม่มีลายนิ้วมื้อ บอกได้คำเดียวว่ากลัว...ค่ะครู
ยิ่งตอนมารับบัตรประชาชน พร้อมทั้งเสียค่าปรับ 150 บาท พอครูจ่ายให้ อยากกราบครูตรงนั้นเลย พอได้รับบัตรประชาชน ป้อมกระโดดกอดครู กราบที่ไหล่ ขอบคุณแล้ว ขอบคุณอีก.....
ครูมันโคตรตื่นเต้นเลย ป้อมไม่มีบัตรมาสามปี แล้ววันนี้มีบัตร เป็นคนไทยเต็มตัว เดินไปไหนก็ไม่ต้องกลัวแล้วครู เวลาคลอดลูก ลูกจะได้มีเอกสารยืนยันว่าเป็นลูกของคนไทย ขอบคุณนะครู ขอบคุณนะครู
ครูสังเกตเห็น ป้อม กำบัตรประชาชนตั้งแต่ออกจากสำนักงานเขตปทุมวัน จนมาถึงใต้ทางด่วนแน่นมาก เหมือนกลัวหาย
จึงบอกป้อมว่า ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนราษฎร์ที่สมุทรปราการ ที่ซื่อสัตย์ ไม่ยอมให้ใครมาสวมบัตรประชาชน บางแห่งเจ้าของบัตรไม่ได้มาทำ อาจมีคนอื่นมาใช้แทน
ครู ขอบคุณมาก ครูใจดีจัง พาไปทำบัตรประชาชน แล้วยังใส่ใจคนไทยที่ตกทุกข์อย่างพวกป้อมอีก สามีของป้อมบอกว่าครูไม่เหมือนคนอื่น ช่วยอย่างจริงใจ
ป้อม...ไม่เป็นไรเป็นหน้าที่ครู แต่สิ่งที่ต้องเตรียมคือการเตรียมตัวคลอดลูก สำหรับสิ่งของเดี๋ยวครูเตรียมให้ เป็นยาย เป็นย่า เป็นป้า ก็เยอะแล้ว มีหลานเต็มไปหมด ......
ขออย่างเดียวให้ป้อมกับสามี น้องไผ่ และน้องที่จะเกิดมาใหม่ เป็นคนไทยอย่างสมบูรณ์ เพราะมีสิทธิของเด็กในด้านการรักษาพยาบาล และการศึกษา......รักครอบครัวช่วยกันดูแล ครูก็พอใจแล้วนะ....