banner
ศุกร์ ที่ 1 เดือน ธันวาคม พ.ศ.2560 แก้ไข admin

นักดนตรี ข้างถนน


 นางสาวทองพูล  บัวศรี

ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน  มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก

 

          ผู้ชายที่เข้าวัยชราด้วยอายุที่กว่า 80 ปี ใบหน้าที่มีร่องรอยเหี่ยวย่น  ดวงตาเป็นบุคคลที่มีความเมตตา คิ้วบนใบหน้าโค้งโก้งบ่งบอกว่าตอนเป็นหนุ่ม ต้องหล่อมาก  หน้าผากที่กว้าง เห็นริ้วรอยบนหน้าผากอย่างชัดเจน  ศีรษะของคุณลุงล้านไปเกือบครึ่งศีรษะ  ผมขาวเส้นเล็กสะอาดเรียบ น่ามองเหมือนการเรียงของเส้นเชือกเล็กที่เป็นสีขาว

          แก้มที่ห้อยย้อยลงมาบ่งบอกว่าตอนที่เป็นหนุ่มแก้มเต็มเต่งน่าจับเป็นอย่างมาก คงสร้างความหลงใหลให้กับสาวๆ อย่างมาก  จมูกที่แบนใหญ่รองรับแก้มพอดี  เป็นเสน่ห์ของผู้สูงอายุอีกแบบหนึ่งทำให้คนที่ชอบพินิจใบหน้าจะเห็นว่ารอยหยัก รอยร่องแก้มผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน

          ริมฝีปากที่รองรับริ้วรอย  พอดี กลายเป็นเวลาที่คุณลุงยิ้ม เหมือนการเม้นปาก  มองที่ไรก็รู้สึกถึงความชรา  ที่เต็มไปด้วยความสุข สนุกกับการได้เล่นไวโอลิน 

          เมื่อที่จับไม้สี เสียงกระทบกับสายไวโอลิน แต่ละเสียงช่างไพเราะ  เห็นความชำนาญที่คุฯลุงสีแต่ละเพลง  ให้เครียดแค่ไหน ก็บรรเทาด้วยเสียงของไวโอลิน

          เสียงไวโอลิน ของคุณลุงมักจะเรียกให้ผู้คนที่เดินผ่านต้องหยุดยืนฟัง พร้อมหย่อนเงินลงไปบนกล่องไวโอลิน  มีทั้งเหรียญบาท เหรียญห้า เหรียญสิบ แบงก์ยี่สิบ  แบงก์ร้อย แบงก์ห้าร้อย  จนถึงแบงก์พันก็มี   จนถึงเงินของต่างประเทศ


 

          กว่าสิบกว่าปีที่เดินสยามทุกวันอาทิตย์  เพราะต้องเรียนภาษาอังกฤษ ที่สถาบันแห่งหนึ่งในบริเวณสยามสแควร์  ทุกครั้งที่ผ่านก็จะยืนฟังอย่างมีความสุข   มีบางครั้งที่ต้องรีบไปทำงานหรือเข้าเรียนก็ไม่ได้ฟัง

          จนครูเองต้องมารับงานโครงการครูข้างถนน  ก็เริ่มสนใจในการแบ่งกลุ่มคนบนถนน ตลอดจนการหาแนวทางช่วยเหลือ ที่ละกลุ่ม  สารภาพเลยว่า ภาพของคุณลุงที่ยืนสีไวโอลิน ไม่ใช่เป้าหมายที่จะช่วยเหลือเพราะคุณลุงเป็นนักดนตรีที่ยืนเล่นข้างถนน ใช้ความสามารถในการแลกเงินที่มีคนมายืนฟัง  ให้ความสุขและความสำราญแก่ผู้คนที่อยากฟัง

          เดินผ่านก็ใช้วิธีการทักทาย แบ่งปันนม ขนม ส่วนมากจะฝากไปให้หลานชายมากกว่า เป็นนมเปรี้ยวสักเป็นส่วนใหญ่ และรู้จักมักคุ้นกับคนที่ดูแลคุณลุง

          บางครั้งก็นั่งคุยกันเป็นเวลานาน ส่วนมากคือครูจะเน้นไปเรื่องเสียงเพลงมากกว่า  เพราะเพลงของลุงทำให้คนที่เดินผ่านใจเย็นเป็นอย่างมาก  พร้อมกับยืนฟังก้าวเท้าหยิบสตางค์ลงมาใส่ในกล่องไวโอลิน  จะมีเงินอยู่ในกล่องเสมอ

          คุณลุงมีคนดูแลอยู่หนึ่งคน คือคุณป้าจงกลมณี   ซึ่งมีบ้านพักอาศัยอยู่ที่แถวมีนบุรี   โดยทุกเช้าคุณลุงกับคุณป้า จะขึ้นรถพร้อมอุปกรณ์ที่ประกอบไปเวน ลำโพงขนาดกลางหนึ่ง  แอมป์ที่ต่อเข้ากับลำโพง   แล้วไวโอลินคู่ชีพของคุณลุง   ซึ่งดูแลแล้วคงใช้มานานแล้ว ขัดเงาแวววับ 

          เก้าอี้ ที่ใช้ให้คุณลุงนั่งพักเหนื่อยเมื่อเวลาต้องสีไวโอลินนานเป็นชั่วโมง  บางครั้งคุณป้าก็จะเข้ามาสีแทนเป็นบางเพลง แต่ด้วยคุณป้าไม่มีความรู้ทางด้านไวโอลิน  เพลงะจึงไม่เพาะเท่ากับคุณลุงสี

          ชีวิตของคุณลุงเป็นเหมือนตำรา เพราะส่งให้นักศึกษาที่สนใจในงานดนตรีมาสอบถาม มาเรียนรู้ เป็นวิทยาทาน  พร้อมกับส่งให้นักศึกษาเอาชีวิตไปสู่บทความ ข่าว หรือสื่อสิ่งพิมพ์ รายการโทรทัศน์หลายรายการ  จบระดับการศึกษาไปหลายสิบคน

          จนเมื่อกลางปี 2559  คุณลุงป่วยต้องนอนโรงพยาบาล  เป็นโรคถุงลมโปร่ง (ปอด) ลุงไปนอนโรงพยาบาลหลายเดือนมาก  ทุกอาทิตย์ที่ครูเดินสยามไม่เห็นคุณลุง  ไม่ได้ฟังเพลง ซึ่งก็เหมือนกับคนแถวนั้นต่างก็ถามไถ่ถึงคุณลุงเสมอ


 

กว่าเจ็ดเดือนคุณลุงกลับมายืนที่เดิมอีกครั้ง ท่านขึ้นลิฟท์รถไฟฟ้าสถานีสยาม  พร้อมผู้สูงอายุยืนสีไวโอลิน   แต่ครั้งนี้คุณลุงไม่มีเรียวแรงที่จะสี   แต่คุณป้าใช้เสียงเทปเพลงต่างๆเปิดคลอเป็นการเรียกบรรยากาศ   คุณลุงยืนทำท่าประกอบเท่านั้น

เมื่อพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559   เริ่มบังคับใช้  คุณลุงกลายเป็นผู้แสดงความสามารถ  คุณป้าได้รับคำแนะนำให้พาคุณลุงไปที่บ้านมิตรไมตรี  เมื่อแสดงให้คณะกรรมการผู้แสดงความสามารถ  แต่ด้วยร่างกายที่ไม่พร้อมจึงไม่สามารถสีไวโอลินได้ครบเพลง  คณะกรรมการจึงไม่สามารถที่จะออกใบผู้แสดงความสามารถให้คุณลุงได้

แต่คุณลุงก็ยังใช้พื้นที่เดิมที่สยามทำงานเลี้ยงชีพ  แต่สุดท้ายตำรวจท้องทีไม่ยอม  เพราะต้องการจัดระเบียบที่พื้นที่สยาม  คุณลุงจึงต้องเจอการปฏิบัติของผู้บังคับใช้กฎหมาย

ครั้งนี้ความอ่อนล้า ทำให้คุณลุงหมดกำลังใจ  แต่คุณหมอที่รักษาพยายามให้คุณป้า  พาคุณลุงออกมาข้างนอกบ้าง เพียงแค่วันละ 2-3 ชั่วโมง ก็เป็นสร้างกำลังใจ  เพื่อไม่ให้คุณลุงกลายเป็นคนติดเตียง 

เมื่อเกิดเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น ครูจึงมีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่ออย่างน้อยมีเอกสารบ่งบอกความสามมารถของคุณลุงสักชิ้น  เพื่อให้คุณลุงได้ทำในสิ่งที่รัก  ถึงจะไม่สามารถสีไวโอลินได้หลายสิบเพลง แต่การที่คุณลุงได้สีบ้างก็เป็นการให้โอกาส  ถึงคนที่เดินผ่านไปมา จะให้หรือไม่ให้  แต่การให้ผู้สูงอายุทำตามฝันก็เป็นสิทธิเหมือนกัน


 

สุดท้ายคุณป้า เลยต้องกลายเป็นผู้แสดงความสามารถเอง  โดยการร้องเพลงประกอบ  ในขณะนี้ต้องใช้วิธีการ  พาคุณลุงมาประมาณบ่ายสองหรือบ่ายสามโมงเย็น  ตั้งเครื่องขยายเสียง สีไวโอลินก็ใช้เวลากว่าชั่วโมง แล้วให้คุณลุงสีสักครึ่งชั่วโมงแล้วให้นั่ง   คุณป้าต้องมาร้องคั่นประมาณสักสาม-สี่ เพลง   สลับกัน  ว่าทั้งคู่แสดงความสามารถด้วยกัน

การสร้างพื้นที่การแสดงความสามารถ เป็นการส่งเสริม และพัฒนาคนให้ขึ้นมาขายความสามารถที่ติดตัวกลุ่มผู้แสดงความสามารถโดยตรง  และตรงกับคณะกรรมการที่ตั้งเป้าหมายและตัวยุทธศาสตร์ของคณะกรรมการควบคุมการขอทาน   แต่ในทางปฏิบัติที่จะให้สองคนคุณลุงกับคุณป้า ได้แสดงความสามารถอย่างไร  ให้ทั้งคู่อยู่คู่กับสยาม  ซึ่งเป็นตำนานการขับกล่อมด้วยสีไวโอลินที่อยู่มาอย่างยาวนาน

กระบวนการทำงานในเรื่องเหล่านี้เจ้าหน้าที่ตามกฎหมายควรที่ต้องใส่ใจในความรู้สึก ของคนที่เคยทำได้ แต่ปัจจุบันเป็นผู้ป่วย  ที่พร้อมที่จะใช้ความสามารถแต่เพียงว่าความสามารถเหล่านี้ลดน้อยลง  ความเป็นคนจะเพิ่มอย่างไร  ซึ่งต้องค้นหา ค้นคว้ารูปแบบ 

สำหรับครูที่ลงงานภาคสนามทุกสัปดาห์   ขอเพียงให้เขาเหล่านี้ได้ทำความฝันอย่างเต็มที่ จนกว่าจะหมดลมหายใจกันไป  สร้างโอกาสให้คนรักดนตรีได้ทำ