ชีวิตของเด็กเร่ร่อนใต้สะพานทางด่วน
นางสาวทองพูล บัวศรี
ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก
ใต้ทางด่วนที่ครอบครัวหนึ่งมีลูกหนึ่งคน พร้อมลูกติดเมียมาอีกสองคน มีเพื่อนเร่ร่อนที่มาเจอกันที่ซอยนานา อีก สี่คน และเพื่อนผู้หญิงที่ไปไป มามา มาอาศัยนอนในช่วงกลางวันเป็นบางวันอีก สี่คนสลับหน้ากัน
ครูครับมาสนใจชีวิตพวกผมทำไม มีอะไรหรือที่ครูต้องมาทุกอาทิตย์
ครูก็อยากรู้ว่าพวกเธอทั้งหลาย อยากให้ครูช่วยอะไรบ้าง ตั้งแต่อาหารการกิน เจ็บไข้ได้ป่วย เรื่องเอกสาร เรื่องทำงาน อยากเรียน
ครูครับ ป้า ครับ พวกผมมีอะไรเดือดร้อน ผมโทรหาครูเอง.....แต่ก็ดีครับมาหาพวกผมอาทิตย์ละครั้ง เสียงน้องกล๊อฟตระโกน แต่ครูหิ้วขนมมาให้ด้วยนะ.....ผมจะคอยนะ
เป็นสัญญาณที่ดี ที่พวกเขาเปิดให้ครูเริ่มไปวุ่นวายในชีวิตของพวกเขา
กล๊อฟบอกครูว่า ใต้ทางด่วนนี้ก็เปรียบเสมือนบ้าน พวกผมอาศัยกิน อาศัยนอน กันแดด กันฝน แต่กันลมหนาวไม่ได้หรอก ใช้ชีวิตกันสองปีเต็มขึ้นปีที่สามแล้วครู
แต่ละคนก็มีบ้านเช่าบ้าง อยู่กับพี่สาวบ้าง อยู่กับแม่บ้าง แต่สุดท้ายก็ต้องมาอาศัยแม่ของอาท อ๊อฟ ที่อยู่ประจำที่ใต้ทางด่วน กินอยู่ด้วยกัน
ครูชอบถามว่ากินข้าวหรือยัง ผมอยากตอบมากเลยครู บางวันข้าวไม่มีกิน ไม่ได้กินหรอก ถ้าวันนั้น คืนนั้น ทำงานหรือขอเงินไม่ได้ก็อดกันไปก่อน
ข้าว ใครๆ ก็อยากกิน แต่สำหรับพวกผม ข้าว ถุงละสิบบาท ต้องหาซื้อแกงมาอีก แถวนี้ ข้าวแกงถุงละ 40 บาทนะครู อย่างกระจอกสุดก็ใช้ซื้อไข่ ฟองละห้าบาทมาปอกกินกับข้าวก็หรูสุดๆ
ข้าวต้ม ต้มใส่มาม่า กับปลากระป๋อง ใช้หม้อเบอร์ 22 ก็พอกินกัน นั้นหมายถึง พวกเรา ต้องหาเศษไม้มาเป็นฟืนหุงข้าว
สิ่งที่พวกเราทำกันก็คือ ก่อไฟ โดยใช้ ก้อนหินมาก่อเป็นเตา เป็นสามเซ้า วางหม้อไว้บนก้อนหิน แล้วก่อไฟให้รุก โหมให้น้ำในหม้อเดือด ส่วนมากทำกันให้ง่ายเข้าไว้คือทำข้าวต้มง่ายที่สุด เพราะไม่ต้องใช้อะไรมาก และต้มได้ง่ายด้วย
อาหารมื้อแรกของพวกเราทุกคนเกือบ 12 ชีวิต เกือบเที่ยงครับ กว่าทุกคนจะตื่นขึ้นมา แล้วช่วยกันทำ แต่บางวันนอนกันแบบกินบ้านกินเมือง ที่พี่อุ้มกับพี่กรบ่น ก็ไม่ต้องทำ นั้นหมายถึงอดนะครับ เพราะไม่มีใครทำให้กิน แล้วแต่คนที่จะออกไปหาอาหารกันเอง
พวกเราจะหลีกเลี่ยงการเก็บอาหารในถังขยะ เพราะถังขยะแถวซอยนานา นักท่องเที่ยวมักจะฉี่รด เวลาเขามา ส่วนมากเป็นพวกฝรั่งที่ไปเที่ยวสุขุมวิท 4 มาแล้ว ก็จะเดินกลับที่พัก นักท่องเที่ยวเหล่านี้ชอบหิ้ว ชายหญิงประเภทสามไปด้วย....
การล้างจานชาม ก็ใช้วิธีการที่พี่กรไปอาบน้ำที่เช่า และจ่ายเขาเดือน หนึ่งพันบาท ซึ่งอาบน้ำวันละสองครั้ง พร้อมกับหิ้วน้ำมาให้เมียอาบ หรือบางครั้งก็หิ้วน้ำมาล้างสิ่งของที่เด็กๆ กิน กลายเป็นครอบครัวนี้ที่ต้องช่วยกันทำมาหากินกว่า สิบสองชีวิตมันไม่ได้ง่ายเลยที่จะมีกินทุกมื้อ
ครูครับพวกผมมันชินแล้วเสียงเจ้าอาท ตระโกนบอก มีกินบ้าง ไม่มีกินบ้าง ไม่เป็นไร อย่างเดียวคืออย่าถูกจับเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเข้าไปอยู่ในสถานสงเคราะห์ ถึงจะได้เรียนกินอิ่มทุกมื้อ ได้มีเสื้อผ้าใหม่ใส แต่มันขาดอิสระเสรีภาพครับครู
ครู...ผมไม่เข้าใจครูมาทำอะไร แต่สำหรับผมว่าเจอครู เจอป้า วันนั้นผมอิ่มครับ อย่างน้อยนม ขนมที่ครูเอามาให้ผมกับเพื่อนก็อิ่มในวันนั้น ถึงแม้เป็นเพียงขนม ผมเห็นครูชอบพวกมองพวกผม เวลากินขนมกันครั้งละ 5-6 ชิ้น แค่อิ่มนะครู มีอีกก็กินได้อีกนะ
อ๊อฟ ที่ชอบพาผู้หญิงมานอนด้วย เปลี่ยนไปเรื่อย เรื่อย บางครั้งเป็นน้องเมย์ น้องฟ้า น้องอ้อย น้องไอซ์ เป็นทั้งไทย เด็กพม่า เด็กลาว แค่มานอนครับไม่มีอะไรกันมากกว่านี้ เพราะพวกผมก็นอนสุมหัวกันอย่างนี้ครับ .....
น้องผู้หญิงทั้งสี่คนก็มาอาศัยกินกับพวกผมด้วย แต่บางครับ น้องผู้หญิงจะมีเงินติดตัวกันมากด้วยเพราะพวกเขาเองขายของ ขายร่ม ขายกระเป๋า ขายดอกไม้ ก็จะเอาเงินมาซื้อมาม่า หรือปลากระป๋องมาทำกินกันครับ ครู
สำหรับมือเย็น ชีวิตใคร ชีวิตมัน แต่ละคน แต่ละชีวิต ก็ออกไปหากินเอาเอง พวกผมมีบ้างที่ไถเงินนักท่องเที่ยว ซื้ออาหารให้บ้าง บางคน
ข้าวที่ครูเอามาให้ ผมกับเพื่อน ช่วยกันหุงสุดท้ายก็เป็นกลายเป็นข้าวต้ม เมื่อก่อนที่ครูจะมา พวกผมทำข้าวต้มกันเป็นหม้อแล้ว แต่วันนี้หิวมาก พอครูเอาหนังไก่กรอบมา มาถึงพวกผมก็แจกกันคนละถุงเลย ผมเห็นครูตกใจที่ของในถุงหมดภายใน สิบกว่าวินาทีเท่านั้น
วันนี้มันหิวจริง ๆ และปกติตอนบ่ายสอง พวกผมก็ไปเล่นที่สนามกีฬาใต้ทางด่วนฝั่งเพลินจิตกันแล้ว แต่วันนี้ถึงสี่โมงแล้ว พวกผมจะนอนคลุกอยู่กับที่นอนอยู่เลย บอกว่าง่วงสุดๆ เมื่อคืนนี้ พวกผมเดินกันทั้งคืน เลยครู
วันนี้ผมเอาปลากระป๋องที่ครูถือมากับ มาม่าดิบ ผสมกัน นั่งกินกันเฉยเลยครู นั่งกันหกคน กินกันด้วยความสนุก กินไปก็มองหน้ากันไป ซึ่งไม่เคยกินกันมาก่อน แต่อยากลอง เพราะกว่าจะก่อไฟ ก็เสียเวลา ให้มันไปพองในท้องดีกว่า
อาหารของพวกผมมีบางครั้งที่ปรุงกันแบบพิสดาร ไม่มีใครเขากิน แต่พวกผมก็ทำกินกัน กินเพื่อให้มีชีวิตแค่อยู่รอดเท่านั้น ถูกหลักอนามัยไหม อย่าถาม
วันนี้นั่งคุยกันเรื่องทำงานอย่างเป็นเรื่อง เป็นราวกันเสียที ก็ต้องหางานทำ สิ่งสำคัญที่สุดคือพวกผมอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้เลย แล้วจะเอาอย่างไร ทุกคนบอกว่าให้มาปรึกษาครูก่อน
เรื่องเรียนนั้นครูสอนเขียนชื่อ อ่านผสมคำเอาไหม
ส่วนเรื่องงาน พวกเธอต้องช่วยตัวเองกันก่อน เพราะเป็นงานที่รับจ้าง ได้เงินมาต้อง หัดเก็บออมด้วย สิ่งสำคัญต้องมีวินัย หนักเอาเบาสู้ ต้องทำงานทุกวัน
พวกเธอชอบทำงานหนึ่งวันหายไปสามวัน ใครจะจ้าง ต้องปรับตัวเองเข้ากฎเกณฑ์ ไม่อย่างนั้นไม่มีใครเขาจ้างแน่นอน อยู่อย่างนี้จนโตเป็นหนุ่มกันไม่ได้
เสียงอามีน ผมจะไปอยู่กับแม่ก่อน แล้วหางานทำให้ได้ พี่กร เขายังเป็นยามได้เลย แต่รู้ไหมว่า เป็นยามก็ใช้ความรู้เหมือนกัน ต้องอ่าน ต้องเขียนได้ บันทึกได้
เอาไว้ก่อนเรื่องอนาคต เอาแค่วันนี้ได้กินแล้วก็พอครู
เรื่องค่อยหาทางคิดอีกครั้งแล้วกันครู....
อาทิตย์หน้ามาแบบวันนั้นอีกนะ ครู ผมจะได้ไปช่วยขนอาหารครับ
ผมรู้ว่าครูไม่มามือเปล่าหรอก....
พวกผมจะคอยนะครับ...ครู
การทำงานกับเด็กเร่ร่อนวัยรุ่นอาหารการกินสำคัญมาก กินกันแค่มื้อต่อมื้อเท่านั้น
กินแค่อยู่รอด.....ไว้ก่อนอย่างอื่นค่อยเริ่มกันใหม่...
เด็กหนอเด็ก บางครั้งก็อยากเป็นหนุ่มกันแล้ว เดี๋ยวค่อยคุยกันเรื่องวางแผนครอบครัว พอเห็นเด็กสาวมาด้วย ระวังเอดส์ด้วยนะ...หนุ่มๆ ทั้งหลาย