banner
อังคาร ที่ 27 เดือน มิถุนายน พ.ศ.2560 แก้ไข admin

เด็กเร่ร่อนวัยรุ่น ใต้ทางด่วนสุขุมวิท 1


 


 
นางสาวทองพูล  บัวศรี

ผู้จัดการโรงการครูข้างถนน  มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก

 

 

          แดดแสนร้อนในช่วงบ่าย ของปลายเดือนธันวาคม 2559  มีเด็กชายตัวเล็กนอนกลิ้งอยู่กับพื้นถนน  จึงปลุกลุกขึ้นมา   คำถามแรกที่สนทนาด้วยกันคือ  กินข้าวหรือยัง !!!!  เด็กหันมาบอกว่ายัง   กินข้าวมันไก่เอาไหม....เพราะดูท่าทางน่าจะเป็นมุสลิม

          จึงซื้อข้าวมันไก่มาจำนวน 3 กล่อง เผื่อผู้สูงอายุ อีกสองคนที่นั่งร้องเพลงกลางแดด  เอาเสียงแลกกับเศษเงินเพื่อประทังชีวิต  ด้วยข้าวมันไก่กล่องละ 60 บาท   ครูก็มีหน้าที่จ่าย  เพื่อเป็นสื่อนำไปสู่การพูดคุย และที่สำคัญ  "เด็กหรือคนด้อยโอกาสต้องอิ่ม”   เพราะความหิว มันทรมานอย่างมาก

          เมื่อหนุ่มน้อยอายุราว 10 ปี อิ่มแล้วนำไปสู่การถาสารทุกข์สุขดิบ  บ้านผมอยู่พัฒนาการ  เรียนที่โรงเรียนพระโขนงยานยนต์   โรงเรียนนี้มีชื่ออยู่ในสำนักการศึกษา ของกรุงเทพมหานครด้วยหรือ  ครูก็รุกต่อด้วยว่า พ่อกับแม่ทำอาชีพอะไร   ขายโรตีครับ   ครูหันไปบอกว่า เป็นโรฮิงยา ใช่ไหม   หนุ่มน้อยหันบอกว่ารู้ได้อย่างไร   เด็กก็ลุกหนีไปเลย  

          ครั้งแรกที่พบกัน เด็กไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด  จึงยังไม่รู้ชื่อและที่อาศัย   เด็กบอกเพียงว่าตอนนี้อาศัยกับเพื่อนที่ใต้ทางด่วน


 

ตอนที่ 2

          ครูเองก็พยายามลงพื้นที่ติดตามอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่พบวี่แววของเด็กเลย  จนเมื่อประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2560  พบเด็กพร้อมกับเพื่อนอีกสี่คน  กลายเป็นกลุ่มแก๊งค์  กำลังล้อมกรอบนักท่องเที่ยวผิวดำอยู่

          ครูจึงตระโกนบอกว่า ครูมีนมกับขนมมาให้  ใครอยากได้ให้รีบมา  ครูคอยอยู่   ในกลุ่มนี้พบหนุ่มน้อย  แถมคุยว่า  ครูเขาใจดี  เคยเลี้ยงข้าวมันไก่กูด้วย

          เด็กๆ จึงวิ่งมาหา พร้อมกับครูส่งขนมให้เด็กทุกคนจนครบ   ทั้งนมและขนมของครูก็หมดพอดี  แต่ดูท่าทางของเด็ก เห็นได้ชัดว่าหิว   และหิวจัดมากด้วย   ในซอยนานา จะหาอาหารยากหน่อยเพราะส่วนมากเป็นอาหารของอิสลาม   จึงไม่มีอาหารข้างทางขาย

          วันนั้นครูมีนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร จำนวน 9 คน ที่ลงพื้นที่ด้วย จึงพากันมานั่งสรุปการลงพื้นที่ว่าเด็กเห็นอะไรบ้าง   จึงขอให้น้องนักศึกษาช่วยถ่ายรูปเด็กทั้งห้าคนให้ด้วย   แต่สุดท้ายถ่ายได้เฉพาะข้างๆ  แต่อย่างน้อยที่สุดได้เป็นข้อมูลเบื้องต้น


    

          ขณะที่เด็กทั้งห้าคนนั่งล้อมวงกับครูและนักศึกษาอยู่นั้น  ได้มีตำรวจขับมอเตอร์ไซด์มาจอดข้างๆ วงที่กำลังพูดคุยกัน  พร้อมกับตะโกนบอกว่า “ครูอย่าไปเชื่อไอ้พวกนี้มากนัก”  พวกมันจะหลอกครู   ครูก็ได้พยักหน้า

          เด็กๆ บอกว่าจะเดินไปพักแล้ว  พวกเขาพักกันที่สุขุมวิท 1   ในใจครูบอกตลอดเวลา ที่อยากไปเยี่ยมสักครั้ง  มีน้องนักศึกษาอยากที่จะเข้าไปเยี่ยมบ้าน  จึงบอกว่าอย่าเพิ่งรุกมาก  เดี๋ยวเด็กทั้งกลุ่มเขาจะไม่ไว้วางใจครู    แล้วจะทำงานยากมากขึ้น ใจเย็นๆ

          คืนนั้นแยกย้ายกันประมาณห้าทุ่มกว่า  เป็นการเรียนรู้ที่นักศึกษาสรุปว่า

1.ของจริงที่ครูพาลงพื้นที่  ถ้าไม่มองด้วยสายตาสังเกต เป็นสายตาที่อยากจะช่วยคนที่ด้อยโอกาส  จะไม่มีโอกาสได้เห็นพวกเขา

          2.ความจริงที่พบในการใช้ชีวิตขอทาน  แม่และเด็กมีลีลาในการขอเงิน ทั้งการเกาะขา การลงไปนอนดิ้น  เป็นเทคนิคต่างๆ  เป็นเพียงบางคนเท่านั้น

          3.ขอบคุณความจริงที่ทำให้หนูต้องสนใจคนรอบข้าง  การออกมาเร่ร่อน การออกมาใช้ถนน เป็นบางเสี้ยวอารมณ์เท่านั้น จริง

          4.เห็นการทำงานครูข้างถนน ต้องใส่ใจ ต้องเสียสละ  การลงพื้นที่เป็นประจำ  กว่าจะเข้าหาเด็กแต่ละกลุ่มต้องใช้เวลาอย่างยาวนาน  และความมุ่งมั่นของครู   ผมจะเอาแบบอย่างไปใช้ในชีวิตในการเรียนของผมเหมือนกัน

          5.เด็กเร่ร่อน คนเร่ร่อน คนไร้บ้าน กลุ่มแม่และเด็กเร่ร่อนต่างด้าว ทุกคนล้วนมีศักดิ์ศรี  เสรีภาพของตนเอง ในการดำเนินชีวิต

          คืนนั้นแยกย้าย ทิ้งความประทับใจ  อย่างน้อยสุดนักศึกษาเหล่านี้ได้ไปบอกเล่าเก้าสิบ








 

ตอนที่ 3

          เมื่อต้นเดือนมิถุนายน  2560    ก็เริ่มต้นในการติดตามเด็กกลุ่มนี้อีกครั้ง   เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2560   เริ่มจากชื่อ น้องอามีน   อยู่กับปู่  ซึ่งพากันขอทานที่ซอยนานากันมาตลอดตั้งแต่เล็ก  ตอนนี้อายุประมาณ 13 ปี เป็นชาวมุสลิม  บอกว่าบ้านของเขาอยู่ที่ใต้ทางด่วน...

          ไปสอบถามคนบริเวณนั้นไม่มีคนรู้จัก  จึงกลับกันมาก่อน  แต่ที่สำคัญอยู่บริเวณนี้แน่นอนแล้ว  หน้าที่ของครู  ต้องค่อยๆ คุยรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง

          ครูลงไปครั้งที่สอง ครั้งนี้พร้อมอุปกรณ์เครื่องใช้ ยาสีฟัน สบู่ แป้ง  นมและขนม พร้อมที่จะแบ่งปันกันทันที   ได้ความว่าอยู่กับครอบครัว ที่อาศัยตอม่อ  แล้วเด็กๆก็อาศัยเป็นบ้านของตัวเอง  ได้มีโอกาสเห็นบ้านที่เด็กๆพัก  

          ครูพูดได้ว่า  “ยังจะมีสภาพเหล่านี้หลงเหลืออยู่ในกลุ่มเด็กเร่ร่อนอีกหรือ”  แต่มันคือความจริงที่เกิดขึ้นมาแล้ว  โอ้ๆของจริงที่ครูข้างถนนเคยประสบเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว  แต่วันนี้ยังเหมือนเดิม   สรุปได้ว่ายังมีคนจนที่ครูยังหาไม่เจออีกจำนวนมากแน่นอน


          ได้มีโอกาสพูดคุยกับครอบครัวหนึ่ง ซึ่งกลายเป็นคนดูแลให้ที่นอนกับเด็กกลุ่มนี้  โดยกลางคืนบางคนก็ไปรับจ้างบ้าง  หรือบางคืนก็ออกไปขอทาน  มาซื้ออาหารการกิน  พอเลี้ยงตนเองเท่านั้น  เรื่องการอาบน้ำ คือการลักลอบเข้าห้องน้ำของตำรวจ ใต้ทางด่วน

          ได้เห็นสภาพที่เด็ก ทั้งห้าคนเป็นชาย  และมีเด็กผู้หญิง จำนวน 2 คน ที่อยู่กับเด็กผู้ชาย ซึ่งเป็นเด็กพม่ากับเด็กชาวกัมพูชา

          เป็นการเริ่มต้นได้เห็นสภาพ  ได้เห็นตัวเด็กแล้ว    ที่เหลือคือการเข้าถึงตัวเด็ก

          เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน  2560  ได้ลงพื้นที่พร้อมกับนักเรียนของปัญโญทัย  ได้พบกลุ่มเด็กชื่อ นายธวัชชัย  สำราญ  พร้อมแฟนชื่อ น้องเมย์  ได้พูดคุยกันถึงการใช้ชีวิต   น้องชัยบอกว่า มีพี่น้องสองคน  คือพี่สาว ทำงานในร้านนวด   วันนี้เล่นกัน  ด้วยการเตะฟุตบอล แล้วทำบัตรประชาชน  ต้องเอาพี่สาวไปเป็นพยาน  แล้วทำบัตรประชาชนใหม่

          สำหรับคนอื่นครูต้องมาในช่วงเวลา 10.00-12.00 น.  ไม่อย่างนั้นไม่ได้พบแน่นอนครับ  เพราะช่วงบ่ายต่างคนต่างก็ไปทำงานหรือไปหาที่กินที่อื่น 

          สำหรับเด็กที่ครูตามหา มันชื่อ “ไอ้กอลฟ์”    มันไม่เคยเรียนหนังสือ  มันมีพี่ชาย ชื่อไอ้บิว   มันมีแม่  มันมีพ่อเลี้ยง  มันสองคนไม่ชอบพ่อเลี้ยง มันออกเร่ร่อนมาตั้งแต่ห้าปีแล้วครู   แต่ผมก็อยากให้มันเขียนชื่อ  มันไม่มีเอกสารใด ใด เลยนะครู   ชีวิตเหมือนนิยายเลยครู     มันเอาเรื่องครูมาเล่าให้พวกผมฟังเสมอว่า ครูใจดีกันมัน  

          ครูครับมาอีกนะ    ผมอยากได้มุ้งกันยุงครับ

          อย่างนั้นเดียวครูหาให้   ขอใช้เวลาหน่อยนะ