ท่องเที่ยวราตรี....กับนอนข้างถนน
ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก
เสียงโทรศัพท์ ที่ติดกันอย่างยาวนานกว่า 6 ครั้ง ครูก็ยังต้องนั่งอ่านคำพิพากษาของศาลเด็กและเยาวชนในกรณีศึกษาของนางเกีย นอม โดนจับด้วยข้อหา “คดีค้ามนุษย์” เมื่ออัยการยกฟ้อง ตำรวจยังให้ข้อหา เรื่อง “การใช้เด็กในการแสวงหาประโยชน์ ” ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 คนทำงานด้านเด็ก ยึดถือกฎหมายฉบับนี้ในการยึดประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นที่ตั้ง สำหรับกรณีนี้ศาลแขวงดุสิต กลับตัดสิน มาใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ผลคดีคนละเรื่องเดียวกัน
ครูตัดสินใจโทรกลับไปยังหมายเลขโทรศัพท์นั้นทันที กลายเป็นเจ้าหน้าที่ของ DSI ที่อยากครูเรื่อง ว่ามีเรื่องร้องเรียนมาที่หน่วยงาน แล้วมีการจับเด็กร่วมกันหลายฝ่าย ครูเองก็อยากคุยเหล่านี้ให้หน่วยงานที่ทำหน้าที่พิเศษ ของหน่วยงานภาครัฐเหมือนกัน
เมื่อคืนวันที่ 4 ธันวาคม 2561 จึงตัดสินใจอย่างท่องราตรีคนเดียวในเวลา หกโมงเย็น เพราะต้องการสำรวจพื้นที่กลางคืน และใช้ชีวิตตลอดคืนบนถนน จุดสุดท้ายคือไปนอนกับแม่เด็กที่สะพานลอยในอากาศที่อบอ้าวอย่างบอกไม่ถูก...
จัดข้าวของที่เตรียมไปลงแบ่งปันกับเพื่อน พ้อง น้อง พี่ และเด็กๆ จึงเริ่มต้นออกจากมูลนิธิสร้างสรรค์เด็กในเวลา สองทุ่ม พร้อมข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวด้วย ขึ้นรถแท็กซี่ไปตอนรถไฟฟ้าที่อนุสาวรีย์ ซึ่งในขณะนั้นคนที่ท่ารถตู้เยอะมาก เพราะวันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุด
สำหรับครู หอบข้าวของและกระเป๋าสองใบไปยังรถไฟฟ้า จุดหมายของคืนนี้ คือสถานีรถไฟฟ้าอโศก มีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงเมื่อถึงสถานีอโศก จึงจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อย จึงเดินมาทางทิศเหนือ ประสบการณ์อีกอย่างหนึ่งของค่ำคืน การเดินทางคนเดียว
(1) พบเด็กผู้ชายสองคนที่ครูเคยเจอมาแล้วสอง-สามปี ด้วยกันมานั่งขายขนมไทย ข้าวต้มมัด ขนมสอดไส้ ขนมถ้วย นั่งระหว่างทางเดินระหว่างรถไฟใต้ดินกับทางขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอส กำลังนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันทั้งสอง เมื่อเห็นครูเด็กทั้งสองยกมือไหว้ จึงมีการถามไถ่ว่า ออกกันมาบ่อยไหม ทั้งสองคนตอบพร้อมกันพร้อมทั้งส่ายหน้า ว่าช่วงนี้ยายของพวกเขาป่วยบ่อยมากจึงไม่ค่อยได้ทำขนม แต่ทั้งสองคนต้องออกมา บางครั้งก็ซื้อขนมคนอื่นที่ไม่ใช่ฝีมือของยายมาขาย เพื่อเอาที่เป็นกำไรเป็นค่าใช้จ่าย กับค่ายาของหมอด้วย ต้องการให้ช่วยอะไรไหม เด็กส่ายหน้าบอกว่าให้ช่วยตัวเองก่อน ถ้าเรียนสูงกว่าหนี้ผมจะขอทุนการศึกษากับป้าคะ..
(2) เป็นครอบครัวของนางนา (ไม่มีนามสกุล) ที่นั่งอยู่ตีนสะพายเดินเชื่อมด้านทิศเหนือถนนเลขคู่ของถนนสุขุมวิท มากับน้องวีโก้ ซึ่งตอนนี้ป่วยเป็นโรคไส้เลื่อน มีอัณฑะขนาดใหญ่มาก ค่าผ่าตัดจำนวนมาก ทางครอบครัวเองก็ไม่มีเงิน มีลูกทั้งหมด 6 คน คนที่ป่วยนี้เป็นคู่แฝดกัน ลูกสาวเรียน จบ ป.6 แล้วไม่ได้เรียนต่อ เพราะเด็กเองอยากไปเรียนกับเพื่อน (ทางครอบครัวเองก็รับผิดชอบค่าเดินทางค่าอาหารไม่ไหว) ลูกจึงมามาทำงานเป็นครั้งคราว สำหรับการรักษาพยาบาลของเด็กชายวีโก้ ทางครูขอประสานงานหน่วยงานที่ให้การผ่าตัดที่ฟรี จึงรับปากกับแม่เด็กแล้วเดียวหาหน่วยงานต่างๆก่อน เพราะครูเองก็ช่วยเหลือที่จะต้องจ่ายไม่ได้เหมือนกัน
แต่ครอบครัวมีลูกสาวที่ยุติการศึกษา ออกมาเป็นครั้งคราว กำลังถูกหมายหัว ว่าจะเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี ด้วยองค์กรหนึ่งที่เป็นคริสเตียนลงมาเก็บข้อมูลและเลี้ยงอาหารเด็ก แต่น้องเขาวิ่งหนีได้ ขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้านพักเอง เด็กเดินทางกันเอง แต่ก็ยังออกมาขอเงินเป็นครั้งคราว
(3) ครูเดินต่อมาทางเชื่อมฝั่งตรงข้าม หวังว่าจะพบเด็กกลุ่มที่ออกมาคนเดียว แต่ไม่ได้เจอคิดว่าหลบครูมากกว่า จนมาถึงสะพานลอยหน้าซอยสุขุมวิท 19 พบครอบครัวของนางมึน...(นามสมมุติ) เป็นชาวกัมพูชา ที่กำลังจะนอน เพราะที่นอน ใช้ผ้าถุงจำนวนสามผืนวางต่อกัน ส่วนลูกคนเล็กเป็นเด็กผู้ชายประมาณสัก 2 ปี หลับสนิทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แม่เด็กก็ลุกขึ้นมาคุยกับครูต่อ พอแนะนำว่าเป็นครูจิ๋วที่เดินตามถนนเส้นนี้ แม่เด็กแสดงความดีใจมาก ออกนอกหน้าทันที อยากพบครู อยากให้ลูกสาว ชื่อน้องบัว(นามสมุติ) ได้เรียนหนังสือเหมือนเด็กในชุมชน ที่เด็กชาวกัมพูชาได้เรียนกัน ซึ่งก็รุ่นราวคราวเดียวกับน้องบัว...
น้องลุกจากที่นอนมานั่งข้างๆครูจิ๋ว ..บอกว่ารู้จักเพื่อนหลายคนมาก ที่ได้เรียน น้องบัวเองเป็นเด็กใบหน้ากลม ผมม้า หน้าตาบ้องแบ้ว สายตาที่มองครู คือความกระหายใคร่รู้ ว่าครูจะตอบอย่างไร
ครูจึงบอกกับแม่เด็กให้พาเด็กไปลงชื่อที่บ้านครูมุ้ย...ที่ชุมชนเปรมฤทัย ทุกเสาร์-อาทิตย์ ฝึกการเขียน และฝึกพูดก่อน เด็กเองดีใจบอกแม่ว่าจะตั้งใจเรียน อยากใส่ชุดนักเรียน เสียงของแม่บอกต่อว่าจะให้ลูกเรียนที่กัมพูชา แต่ไม่รู้จะอยู่กับใคร หอบหิ้วกันมาเมืองไทย พ่อทำงานที่โรงสีแบกข้าวสาร แต่รายได้ไม่แน่นอน จึงพาลูกออกมาเป็นครั้งคราว
เมื่อสองเดือนที่แล้วถูกจับทั้งสามแม่ลูกเลยค่ะ อยู่ที่สถานคุ้มครองแห่งหนึ่ง สามีให้เพื่อนไปเยี่ยมฝากเงินเป็นค่าใช้จ่ายไว้ให้ แต่ไม่เคยได้รับเงิน สถานที่พักยุงเยอะมาก เด็กที่ป่วยก็กินยาพาราอย่างเดียวเท่านั้น แค่เด็กร้องไห้ก็ไม่ได้ แม่บ้านเริ่มมีการด่าทอว่าเป็นประจำ การนอนก็นอนกับคนแก่ที่ป่วย ช่วงที่ฉันกับลูกนอนบนตึกต้องนอนกับคนที่ป่วยตายมาสองวัน แต่ไม่ได้จัดการกว่าจะเอาศพออกจากสถานคุ้มครองใช้เวลาสองวัน เด็ก เด็ก ต่างกลัวเป็นอย่างมาก
สิ่งเหล่านี้มาจากผู้ที่ได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพตาม พระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน ซึ่งครอบครัวเหล่านี้ เข้ารับการคุ้มครอง
สำหรับครูเองได้ฟังเรื่องเล่าขานเหล่านี้ด้วยหัวใจที่หดหู่ตลอดเวลา แต่เมื่อมีโอกาสประชุมคณะกรรมการควบคุมคนขอทาน ก็ได้รับการยืนยันว่าดูแลเป็นอย่างดี แต่ผลที่เกิดขึ้น ร่องรอยของเด็กเหล่านี้มีแต่รอยยุงกัด..
(4) ครอบครัวน้องรจนา ที่มานั่งที่เกาะกลางถนน ระหว่างทางข้ามจาก ซอยนานา ไปซอยสุขุมวิท ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินข้ามกันทั้งคืน น้องเองครูเอาไปเข้าเรียนชั้นอนุบาล ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งแถวๆถนนเพชรบุรีตัดใหม่
ส่วนแม่เด็กเองก็เพิ่งจะหายป่วยจากโรคไทรอยด์ ยังค้างค่ารักษาพยาบาลกว่าสามหมื่นบาท ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งหมอนัดให้ไปตรวจแต่แม่เด็กไม่ยอมไปรักษาด้วยเหตุที่ว่าไปแต่ละครั้งต้องใช้เงินประมาณ 3-4 พันบาท
แม่ลูกจึงพากันออกมาขอทานบนถนนแห่งนี้ ในยามค่ำคืน กว่าจะเลิกก็ประมาณ ตีสอง ถึงตีห้าของแต่ละคืน เช้าจึงพาลูกไปเรียนหนังสือต่อ เมื่อเงินไม่มีก็ต้องใช้ถนนเป็นสถานที่ทำมาหากิน
(5) ครอบครัวนางเจาะ (นามสมมุติ) ชาวกัมพูชา กับลูกชายในวัยอายุประมาณ 12 ปี พร้อมเพื่อนอีกสองคน ออกมาขอทาน โดยเน้นการเดินขอเงินกับนักท่องเที่ยว ตลอดถนนสุขุมวิทตั้งแต่ซอย 1-ซอย 21 เพราะเป็นถนนแห่งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
ในช่วงเวลานั้นก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว ซึ่งรถไฟฟ้าบีทีเอสเที่ยวสุดท้าย ได้บอกกรณีศึกษาว่าจะลงพื้นที่ ที่ประตูน้ำ กรณีศึกษาทั้งสาม-สี่ คน เดินมาส่งที่สถานีรถไฟฟ้าสถานีนานา
ทุกคนห้ามไม่ให้เดินผ่านซอย 1 จนถึงเซ็นทรัลชิดลม ไม่มีข้อแม้กระทั่งกับครู เพราะยิ่งดึก ยิ่งไว้วางใจใครไม่ได้ บังคับให้ครูมาลงที่สถานีชิดลม แล้วเดินผ่าน หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์
เวลาตีหนึ่งหน้าเซ็นทรัลเวิลด์มีรายการที่ของเจ้าของร้านน้ำเมาทุกยี่ห้อ มีการแสดงพร้อมขายน้ำเมากันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ใช้ว่าเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยว เพื่อเรียกเงินเข้ากระเป๋า แต่มีนักดื่มอีกจำนวนที่มานั่งเก้าอี้ตัวเดียวพร้อมกับเบียร์คนละขวดสองขวด นั่งดื่มกินบรรยากาศ พร้อมเสียงเพลงที่ดัง ด้วยเจ้าของรถตุ๊กๆ ที่เปิดแข่งกัน สร้างบรรยากาศครื้นเครง สนุกสนานกันอย่างมาก
ครูก็ยังเดินเท้าย้ำราตรีแห่งการไม่หลับไหล สีแสงเสียง เดินผ่านเด็กสาว สองคนที่เล่นดนตรีอยู่เชิงสะพานลอยที่เชื่อม นักท่องเที่ยวก็ยังมีจำนวนมากที่เดินไป-เดินมา
การเดินจนมาถึงร้านแมคที่เปิด 24 ชั่วโมง มีชาวต่างประเทศเข้า-ออก ตลอดเวลา มีคนแก่คนหนึ่งซึ่งมาอาศัยร้านแมคเป็นที่หลับนอน จนเจ้าหน้าที่บอกว่าตีสองจะปิดเพราะจะความสะอาดไล่หนูที่วิ่งกันสนุกสนานอยู่ในร้าน ยายจึงเดินออก เดินตามแกไม่ทัน
ส่วนครูจุดหมายปลายท้ายคือเป็นนอนที่สะพานลอยกับแม่เด็ก แต่ขณะที่เดินไป ผ่านกลุ่มคนที่มองด้วยสายตาวางเปล่าแบบ มีคำถามทำไมไม่กลับ เพราะที่เหลืออยู่บนถนนก็จะเป็นนักท่องเที่ยวกันเป็นส่วนใหญ่ หรือหญิงขายบริการ
ตัวครูอาจจะจะถูกเหมาไปแล้ว เพราะสายตาที่จับจ้องครู แบบไม่เป็นมิตร คืนนี้เป็นคืนแห่งการเรียนรู้ที่สุดยอดอีกหนึ่งคืน...
แจกเครดิตฟรี สล็อต บาคาร่า คาสิโนออนไลน์ JQK41