banner
อังคาร ที่ 17 เดือน มกราคม พ.ศ.2560 แก้ไข admin

ชีวิตเหมือนเคราะห์ซ้ำ....กรรมซัด ตอนที่สอง



 
นางสาวทองพูล   บัวศรี

ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน  มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก


          ครูค่ะ หนูทำงานอยู่ศูนย์ปฏิบัติการคนไร้ที่พึ่งและขอทานค่ะ

          ครูรู้จักเคส นางนี ไหม   เขาบอกว่าครูกำลังช่วยครอบครัวนี้อยู่

          อ้อ ใช่ค่ะ   ครูกำลังรอคำสั่งอัยการสั่งไม่ฟ้อง เรื่องคดี “ค้ามนุษย์”

          หนูพบนางนี  ที่หน้าห้างพันธุ์ทิพย์พล่าซ่า  เขากำลังเดินกำลังเด็กอยู่หนึ่งคน และมีท้องอีกหนึ่ง อายุเด็กในท้องประมาณ สี่เดือน

          ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวครูจะพบที่บ้านมิตรไมตรีนะ  แต่ครูจะเอาเอกสารคำสั่งอัยการสั่งไม่ฟ้อง กับผลตรวจ DNA  ของลูกทั้งสามคน

          ครูขอให้ ผู้อำนวยการบ้านมิตรไมตรีอยู่ด้วยนะ  ว่าจะร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหากันอย่างไร  ฝากไว้ก่อนนะ  ครูขอใช้เวลาประมาณสักสาม-สี่ ชั่วโมง  ต้องไปคลองเตย ไปหาทนายความคือครูน้อย ที่ช่วยเป็นธุระในการขอเอกสารอัยการสั่งไม่ฟ้อง กับผลการตรวจความเป็นแม่ลูกกัน 

          ครูเองใจไม่เย็นพอที่จะต้องคุยกับตำรวจเจ้าของคดี เพราะรู้ทั้งรู้ว่าไม่ใช่คดี “ค้ามนุษย์” สักหน่อย จะเอากันให้ตายกันหรือ

          ที่สำคัญพวกคุณใช้กฎหมายที่บิดพลิ้ว ให้คนจนตรอก  ให้คนไม่มีทางออก และที่สำคัญ คุณทำบาปกับคนจน พรากแม่ลูกเอาระวังกรรมเหล่านั้นจะกลับไปตอบสนองกับครอบครัวของพวกคุณทั้งหลาย  กรรมใครก่อคนนั้นรับกรรม

          แต่ครอบครัวนางนี  เป็นเคราะห์ซ้ำ..กรรมซัด จริง   คนกัมพูชาที่ออกมาขอทานเหมือนเขาถูกจับ แล้วก็ปล่อย น้อยเคสที่จะแยกครอบครัวแบบนี้   ครอบครัวนี้ทำกรรมอะไร  หรือมีคนสร้างกรรมให้เขา

          ครูน้อยเล่าให้ครูฟังว่า กว่านายตำรวจจะให้เอกสาร ต้องใช้เวลากว่าสองเดือน ตั้งแต่ครูติดต่อมา  จนครูน้อยต้องไปนั่งเฝ้าที่โรงพักเอง  นั่งคอยอยู่เกือบสามชั่วโมง  แกถึงได้โผล่มาแล้วถ่ายเอกสารให้


          เจ้าของคดีความ บอกผ่านครูน้อยมาว่าสงสารเคสนี้  เพราะมีประกาศจับอีกคดี คดีเรื่อง คุ้มครองเด็กใช้เด็กเป็นเครื่องมือขอทาน แสวงหาประโยชน์ พร้อมเลี้ยงดูไม่เหมาะสม กับ คดีหลบหนีเข้าเมือง  ออกหมายจำไปกว่าเดือนแล้ว

          ครู อุทานขึ้นมา  ชีวิตคนอะไรมันจะ “บัดซบ” มากกว่าครอบครัวนี้มีอีกไหม

          ครูน้อยจึงถ่ายเอกสารมาให้ครูสามชุด  แต่แฟ้มประวัติคดีมีอยู่แล้ว 

          ครูก็นั่งแท็กซี่มาอย่างด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋า มาทันที เพราะนางนีคอยอยู่

          พอมาถึงที่บ้านมิตรไมตรี  เจอนางนี ก็ยกมือไหว้ พร้อมลูกคนที่สาม ชื่อเด็กชายนิว  ซึ่งเป็นเด็กที่ซนสุด  เคยวิ่งเล่นระหว่าทางขึ้นสะพานลอยหน้าพันธุทิพย์หลายครั้ง  กลิ้งเป็นลูกมะนาวหลายรอบ  เด็กชายนิววิ่งมากอดขาครูทันที  

          “ครูครับ ครูช่วยผมกับแม่ด้วย”  ครูมองไปที่ท้องของนางนีว่าท้องตั้งแต่เมื่อไร  ตอนที่เจอสามเดือนที่แล้วยังไม่มีท้อง 

          นางนีก็บอกถ้าจะท้องอ่อน อ่อน  ตั้งแต่ครูพาไปเยี่ยม เด็กชายชัยกับเด็กชายขวัญ  มันก็สามเดือนมาแล้วนะ  ตอนนี้น่าจะประมาณสี่ท้องแล้วครู

          แล้วจะเอาอย่างไรกับชีวิต  เรื่องเก่าก็ยังไม่ได้แก้ ยังหาทางออกไม่ได้  เพิ่งได้เอกสารมาวันนี้ สำหรับในการรับเด็กสองคนกลับ  แต่นางนีกับเด็กชายนิวดันมาเจอกับศูนย์ปฏิบัติการคนไร้ที่พึ่งและขอทานเชิญตัวมา   แล้วมีประกาศจับของโรงพักอีกนะ คดีเก่าอีกเรื่องหนึ่ง

          ครูขา ครูต้องช่วยฉันนะ

          ถ้าครูไม่ช่วย ครูจะไม่มาเด็ดขาด 

          นางนีนั่งกับเด็กชายนิว ที่นี้ก่อน  ครูขอเข้าประชุมปรึกษาหารือกันก่อน จะเอาอย่างไร

          สวัสดีค่ะ ท่านผู้อำนวยการ  เจอเคสแล้วค่ะ

          เคสได้เล่ารายละเอียดให้ฟังแล้ว  ว่าครูช่วยเขาอยู่  แต่งานความผิดเริ่มต้น ที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย คนจับคนแรกที่ใส่ข้อหาผิด  แล้วยังไม่หยุด เดินต่อตามกระบวนการ

          ผู้อำนวยการค่ะ ท่านก็เป็นราชการเหมือนกัน  ฟังและตามรายละเอียดคงเห็น  ว่าราชการเราทำผิดพลาดและปฏิบัติต่อเขาอย่างละเมิด

          จะทำอย่างไรในการส่งกลับ พร้อมแม่ลูกทั้งสามคนพร้อมกัน

          แต่นางนี ยังมีคดีเก่าที่ออกประกาศจับอีกคดีหนึ่ง   ทำอย่างไรที่จะส่งเข้ารับการคุ้มครองสวัสดิภาพอยู่ก่อน


          ผู้อำนวยการนำเคสนี้หารือในกรมได้ไหม  เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจ สถานสงเคราะห์ สถานแรกรับ สถานคุ้มครอง หก-เจ็ด แห่ง เชิญมาหาแนวทางร่วมกัน

          ตอนนี้ฝากไปที่สถานแรกรับก่อน

          ส่วนเรื่องคดี ต้องติดต่อเจ้าของคดี จะเอาอย่างไร

          ครูกลับออกมาพร้อมทั้งบอกสองแม่ลูกว่า เดี๋ยวทางนี้จะส่งไปอยู่ที่สถานแรกรับก่อน  แล้วเรื่องคดีความ รายละเอียดอย่างอื่นต้องค่อยประสานงานเพราะหลายหน่วยงานมาก

          แต่เชื่อครู  ครูจะต้องเรียนรู้สู้ไปกับนางนีด้วยกัน ไม่ทอดทิ้งเด็ดขาด

          แล้วจะพาไปเยี่ยมสองอีกสองคน  ตอนนี้ดูแลเด็กชายนิวกันคนในท้องไปก่อน

          ได้นำกรณีของนางนี  เข้าที่ประชุมเคส หารือกันทุกหน่วยงาน  ครั้งที่หนึ่ง

          มีหลายหน่วยงานมากกันเต็มห้อง เพราะเคสถูกเล่าขานในทุกเวทีการประชุม  เพราะเป็นเคสตัวอย่าง เป็นสิ่งที่ต้องศึกษา เพราะทุกกระบวนการมีความผิดพลาด ส่งให้ครอบครัวนี้แตกกระสานซ่านเซ็นกันไปหมด   มันเป็นความโหดร้ายในความรู้สึกของครู  เพราะคำว่า “ค้ามนุษย์”  ที่จับกันมั่วไปหมด  ไม่มีการคัดกรอง คัดแยกอย่างละเอียด  ขาดความรอบคอบ

          ตำรวจนายหนึ่งตอนที่ครูเล่าเคส  เขานั่งนิ่งมาก  บอกว่าไม่มีอย่างที่ครูเล่า  ครูจึงเอาเอกสารทุกอย่าง เป็นหนังสือราชการตัวครุฑเท่านั้น  ลุกขึ้นโทรศัพท์สั่งการทันที  

          เป็นความผิดเชิงประจักษ์ในการปฏิบัติงานแบบไม่ลืมหูลืมตา หลักการปฏิบัติ

          เสียงเจ้าของคดีบอกว่านายสั่งมาให้ทำคดีอย่างนี้สัปดาห์ละ 5 คดี เป็นคำสั่ง

          กลุ่มแม่และเด็กเร่ร่อนขอทานจึงกลายเป็นกลุ่มเป้าหมายในเชิงสถิติ

          อ้อ..มีคำสั่งบ้าบอคอแตกแบบนี้ด้วยหรือ...ทำงานด้านเด็กมาครูก็เพิ่งได้ยิน นึกว่าจะมีเสียงเล่าขานกันเป็นตำนานเท่านั้น

          นายตำรวจรายนั้นได้แต่พยักหน้า   แล้วบอกว่าเดี๋ยวจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด

          สัปดาห์หน้าให้ตำรวจเจ้าของคดีนำตัวไปรายงานที่อัยการ ศาลแขวง  แต่กระบวนทั้งหมดจะต้องให้ทางอัยการช่วยดำเนินการด้วย

          ผมไม่เคยคิดว่าจะมีเอกสารยืนยันแบบ ที่ครูเอามาให้ได้

          ครูจึงบอกว่า ครูได้รับรู้เรื่องเหล่านี้มาตลอดเวลาสี่-ห้า ครั้งแล้ว แต่ไม่มีเอกสารยืนยัน เพิ่งจะได้เอกสาร เพราะบอกกับเคสทุกคนว่า อยากให้ครูช่วยต้องมีเอกสารให้ครูไม่อย่างนั้น คนที่ต้องติดคุกคือครูเอง เพราะไปกล่าวหา หรือหมิ่นประมาทผู้ที่ใช้กฎหมายโดยไม่มีเอกสาร

          ครูได้เอกสารอย่างเป็นทางการเมื่อสองปีมานี้ จึงต้องค่อยค่อยศึกษา ว่ามันมีช่องว่างตรงนั้น มีช่องว่างกฎหมายตั้งแต่การจับเคสเป็นคดี “ค้ามนุษย์”  คนจับจะได้ค่าจับเคสละ หลายร้อยบาท  และมีสถิติที่อ้างว่า โรงพักนี้เอาจริงจัง มีตัวเลขเพื่อปลดล็อคเกียร์ของประเทศไทย

          แล้วอัยการสั่งไม่ฟ้อง พวกที่บังคับใช้กฎหมายทดแทนอะไรให้กับเคสบ้าง หรือจับตามอำเภอใจ ตามคำสั่งของนาย

          นายตำรวจได้แต่สั่นหน้า  แม้แต่คนที่ทำงานองค์กรพัฒนาเอกชนก็เงียบเหมือนกัน  แล้วเมื่อไร จะทำให้ถูกต้อง  หรือเป็นเพียงปั่นตัวเลข เท่านั้น

          คนที่รับกรรม คือเคสแบบนางนี กับลูก  ซึ่งเป็นกรรมเก่า หรือมีคนทำให้เกิดกรรมกันแน่


          นายตำรวจพยักหน้ารับรู้ ครูสู้มาตลอดเลยใช่ไหม  จึงบอกว่าสถานการณ์มันเปลี่ยนแปลง  แล้วกฎหมายที่เกิดขึ้นมาใหม่มีการปรับเปลี่ยนมากมาย  แต่ผู้บังคับใช้กฎหมายจับแบบแหลกลาน ใช้วิธีการกระบวนการแบบเก่า  เหมือนคนเหล่านี้มีความผิดเหมือนผู้ก่ออาชญากรรมฆ่าคนตาย   คนเหล่านี้แค่ขอทานเท่านั้น

          ครูเองก็ระบายเสียยกใหญ่ เพราะมันอึดอัดใจอย่างมาก  เหนื่อยกับระบบที่ครูเองก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะครูเองก็ไม่ยอมจำนนในการเป็นพนักงานคุ้มครอง หรืออบรมนักสังคมสงเคราะห์ ต้องมีใบประกอบวิชาชีพ  หรือพนักงานตามวิอาญา   เป็นคนทำงานเถื่อนแต่มีจิตใจอยากช่วยคน  แต่ต้องรบราฆ่าฟันกับแนวคิดจัดเข้าไปอยู่ในกรอบระเบียบ  ทำอะไรไม่ได้

          ผลการประชุมในการจัดการเคส นางนี  เรื่องกระบวนตามคดี เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ของสถานแรกรับจะเป็นคนปะสานงานกับเจ้าของคดี

          นายตำรวจจะเป็นผู้เร่งเจ้าของคดีให้ดำเนินการเร็วที่สุด

          ครูจะติดตามและให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด และเยี่ยมอย่างใกล้ชิด

          เจ้าหน้าที่นักสังคมสงเคราะห์ของสถานสงเคราะห์ดูแลเด็กชายสองคน

          แต่ละหน่วยงานก็ดำเนินการตามที่ตกลงกัน  โดยเจ้าของคดี ได้มาสอบปากคำอีกครั้ง นำตัวนางนีพร้อมลูกไปที่ศาลแขวงเพื่อส่งฟ้อง  ทำสำนวนใหม่  โดยครั้งนี้ คือคดี ใช้เด็กออกขอทาน บังคับข่มขู่ให้ขอทาน เลี้ยงดูไม่เหมาะสมกับวัย  และหลบหนีเข้าเมือง

          ต่อไปก็ต้องเป็นหน้าที่ของอัยการส่งฟ้องที่ศาลแขวง  มีการนัดครั้งที่หนึ่ง  โดยทางตำรวจเจ้าของคดีมารับตัวนางนี พร้อมเจ้าหน้าที่ 

          สำหรับนางนี  บอกให้ครูไปเป็นเพื่อน  ถ้าครูไปด้วยจะสบายใจมาก  เพราะทุกครั้งมีความรู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะต้องถูกพรากจากลูก ลูกเองอีกครั้ง

          ครูค่ะ ฉันเครียดมาก  ลูกสาวชื่อไพ ก็ยังไม่แน่ใจว่าอยู่ที่หน่วยงานไหน  ให้ยายไปเยี่ยมยายก็ไปไม่ถูก  ถึงแม้หน่วยงานที่ส่งเด็กไปที่ทาสิตเซ็นเตอร์ เป็นสถานที่รัฐในกัมพูชาแห่งเดียว หลังจากนั้นก็จะส่งไปให้องค์กรเอกชนในจังหวัดต่างๆดูแล  ก็ยังไม่ได้ชื่อถึงทุกวันนี้  มันจะครบปีแล้วน่ะครู

          ครูได้แต่ปลอบนางนีให้ใจเย็น ดูแลลูกในท้องอีกคนให้ดี  อย่าคิดมาก อย่ากังวล  อย่าห่วง 

          ครูเองก็ได้ปลอบ แต่ในใจครูก็กังวลไปสารพัด  เพราะทางอัยการที่จะส่งฟ้องเลื่อนมาแล้วสองครั้ง  ครั้งละสองเดือน

          ครูก็ต้องปลอบใจนางนี  พร้อมกับเมื่อเวลาไปพบอัยการ ขอก็จะขออนุญาต พานางนีไปเยี่ยมลูกชายอีกสองคน  เพื่อให้คลายความกังวล พร้อมกับสร้างความหวังว่าจะได้กลับไปพร้อมกันที่ประเทศต้นทาง ให้ใจเย็น  กำลังประสานงานอยู่

          ครูก็ต้องประสานงานทุกหน่วยงาน ที่สำคัญมันมีกฎหมาย มีระเบียบปฏิบัติ  ครูเองไม่ทิ้งแม่นีและลูก ลูก

ทั้งครูและแม่นี พร้อมลูก เราจะเรียนรู้และสู้ไปด้วยกัน

เป็นการเสริมกำลังใจให้กันและกันทุกครั้งที่ได้พบกัน

ครูจะไปเยี่ยมสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง  ในความรู้สึกของครูนี่คือเคสที่ถูกละเมิดจากการปฏิบัติงานของคนที่ได้ชื่อว่า “ผู้บังคับใช้กฎหมาย”

ครูอยากเยี่ยวยาให้  อยากให้แม่มีความหวังมีพลังที่จะดำเนินชีวิตต่อไปเพื่อลูก