banner
พุธ ที่ 16 เดือน มกราคม พ.ศ.2562 แก้ไข admin

วันเด็ก..ของเด็กเร่ร่อนบนถนน


นางสาวทองพูล  บัวศรี

ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน  มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก

 

          ด้วยครูเองอยากจัดวันเด็กให้กับเด็กเร่ร่อนบนถนน  ด้วยเมื่อช่วงปีใหม่ ครูเองมีเรื่องที่ต้องเคลียร์  เพื่อที่ต้องการเอาเด็กออกจากสถานคุ้มครองฯไปเรียนหนังสือต่อ  ใจจึงพะวงกับเรื่องเหล่านี้อย่างเดียว  มุ่งพลังทั้งหมดที่มีไปกับการต่อรองหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  กรณีของเด็กสองคนที่ถูกกล่าวหาว่าค้าประเวณี/ค้ามนุษย์  จากหน่วยงานองค์กรพัฒนาเอกชนแห่งหนึ่งระหว่างประเทศ จากออสเตรีย  จึงต้องการให้น้องทั้งสองคนกลับมาเรียน  เพราะต้องเข้ารับการคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2561  จนถึงวันศุกร์ที่ 11 มกราคม 2562

          สิ่งที่ต้องการที่จะให้เด็ก เด็ก คือกลุ่มเร่ร่อนทั้งไทยและต่างด้าว  ที่ควรได้รับของขวัญวันเด็ก  ซึ่งครูเองเตรียมหาของมากกว่าสองเดือน ซึ่งมีทั้งขนม มาม่า ตุ๊กตา  ส่วนขนมและมาม่า ทยอยแบ่งปันคนบนถนนไปเรื่อยๆแล้ว  เพื่อประทั่งชีวิตให้รอด

          จึงมีการรวบรมสิ่งของ  แล้วจัดแบ่งใส่ถุงเล็ก  มีสิ่งของที่จัดในถุงประกอบไปด้วย ผ้าผืนเล็ก(เป็นผ้าเช็คหน้า) ผ้าขนหนู   แปรงสีฟันพร้อมยาสีฟันของเด็ก 1 ชุด  ขนมสามอย่างมีเลย์ มีขนมเค๊กชิ้นเล็ก พร้อมด้วยเยลรี มีตุ๊กตาขนาดพอดีขนาดกลาง 1 ตัว   จำนวนทั้งสิ้น 40 ชุด




          สำหรับของขวัญของน้องปอ กับ น้องแป้ง ที่เป็นเด็กไทย  ครูเตรียมอาหารเพื่อกลุ่มพี่เด็กเร่ร่อนไทยจำนวน 9 คน ที่อยู่ใต้ทางด่วน สำหรับน้องปอ เป็นตุ๊กตาตัวใหญ่ เป็นรูปควาย มีเขาสองข้าง  ซึ่งกอดไม่อยู่ห่าง  สำหรับน้องแป้งเป็นตุ๊กตาลูกเป็ดสี่เหลืองคลานมาเอาไปเลย  กอดเล่น  เด็กทุกคนก็อยากได้ตุ๊กตา  ซึ่งผู้ใหญ่อย่างครูเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค เพราะเก็บฝุ่นเป็นอย่างดี  แต่เด็กๆๆ เขาอยากได้  เป็นสิ่งที่เด็กขอเป็นประการแรก

          การเดินนำของไปให้เด็ก เริ่มตั้งแต่คืนวันที่ 11 มกราคม 2562  เพราะคิดว่าเด็ก เด็กที่ออกมาพร้อมกับแม่   ซึ่งได้แจกของขวัญให้เด็ก จำนวน 14 ครอบครัว เด็กทั้งหมดจำนวน 40 คน ถือว่าเยอะมาก ในค่ำคืนนี้   ซึ่งในคืนนี้มีตำรวจในท้องทีและกองจู่โจม จำนวนกว่า 30 คน  ที่เดินป่นอยู่กับชาวบ้าน พร้อมทั้งมายืนเฝ้าครูอยู่สามคน  ซึ่งครูสังเกตเห็นอย่างชัดเจน มารักษาความปลอดภัยให้ครู  ด้วยครูมีคนที่ลงงานครั้งนี้เป็นกลุ่ม  คนทำงานจำนวน 4 คน (ตัวครู  ผู้ช่วยครูจอย นักศึกษาฝึกงาน  พี่จากกรรมการสิทธิมนุษย์แห่งชาติ) ทีนักข่าวจาก CCTV ของจีน ทีมงาน 3 คน  และนักข่าวอิสระจำนวน 1 คน  ถือว่าเป็นคณะใหญ่ จำนวน 8 คน  จึงเป็นที่ตื่นตา ของคนบนถนนทั่วไป 



          ครอบครัวแรก เป็นคนไทย หลานของนางปัน เป็นครอบครัวของน้องเมย์  เปลี่ยนมาเป็นร้านขายของ มีลูกสาวคนโต และลูกคนเล็ก ที่ตัดผมแบบจิ๊กโก๋ของเด็กๆที่นอนกินนม แล้วหลับ  พอมีนักข่าวมาถึงครอบครัว เสียงน้องเมย์ดังมาแต่ไกล จนมาพบครู  มอบให้น้องคนโต ซึ่งเขาเลือกตุ๊กตาสีขาว ส่วนลูกชายเลือกเป็นตุ๊กตาสีน้ำตาล  

          คนที่แบกของขวัญให้ครู คือผู้ช่วยครูจอย กับน้องมายด์  ทั้งแบกของพร้อมเป็นตากล้องให้ครูด้วย  เดินกันยาวไกล ระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร

          มาถึงสะพายลอย ที่อยู่ระหว่างสุขุมวิท 17 กับ สุขุมวิท 19 พบแม่สายลม กับลูกชาย  พอครูถามว่าเอาขอขวัญวันเด็กไหม เด็กชายลุกขึ้นพร้อมพนมมือกล่าวคำว่า “ขอบคุณ” รับไปแบบไม่สงสัยอะไรเลย เล่นเอาแม่อยู่ทำหน้าแบบงงๆๆ    แล้วเดินขึ้นสะพานลอยไปพบ ครอบครัว ของน้องริน  ซึ่งครูเคยช่วยเหลือมาแล้วต้นปี 2559  ครั้งนั้นถูกจับ แล้วเอาลูกไปอยู่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนปากเกร็ด สองปีมาแล้ว  น้องรินโตขึ้นเยอะมาก  ลุกขึ้นมาไหว้อย่างสวยรับของขวัญ    ครูเดินย้อนมากำลังเจอลูกชายของสายลมกำลังกินขนม ครูจึงให้ขนมเพิ่มขึ้นไปอีก  เด็กน้อยดีใจอย่างมาก




          แล้วพากันเดินมายังสุขุมวิท 3 เป็นเป้าหมายที่จะพบเด็กที่มาจากชุมชนโค้งรถไฟยมราช  วันนี้มีตำรวจลงเต็มพื้นที่   ครอบครัวของนางกัลยา หลานชายกำลังนอนหลับแบบแค่หลับตาเท่านั้น  เมื่อได้ยินครูเท่านั้น ลืมตามาบอกว่า ครูครับตุ๊กตาของผม 

          รอหลายครอบครัวแต่ไม่ยอมออกมาจากซอย แฝงตัวตามซอยต่างๆ  จึงไปเรียกเด็กอีกสามคน มาจาก 3 ครอบครัว ได้ตุ๊กตาแล้วมาบอกครูสวยจังเอาไปให้น้องได้ไหม  จึงบอกว่าไม่ได้เด็กคนไหนอยากได้มาเอาเองเท่านั้น

          อีกสามครอบครัวที่คอยจนถึง 3 ทุ่มกว่า  ครอบครัวน้องโม มีลูกทั้งหมด 7 คน  คืนนี้มีน้องหน่อย กับน้องนิด มากับแม่ด้วย  ฝากไปให้น้องแบงค์ น้องนาย  น้องไอ ครอบครัวน้องเมย์    ฝากต่อไปให้ครอบครัวน้องเบิ้ล ลูกอีก 2 คน

          หลังจากนั้น ครูก็พาคณะที่เหลือเพียง 5 คน ลุยกันต่อ  ในซอย พบน้องเล็กที่อยู่กับแม่ เด็กน้อยตื่นเต้นเมื่อเห็นตุ๊กตา     พบกับแม่ที่เป็นพม่า มีลูกสามคน  ตอนแรกเดินหนีครูทันที  แต่ครูเดินจนทันกันแล้วส่งตุ๊กตาให้ตัวหนึ่งตัว ครั้งนี้แม่เด็กหันมาบอกว่าขออีก 2 ชุดให้ลูกสาวกับหลานสาวด้วย  แต่ครูเองเห็นเด็กแล้ว  จึงส่งให้   แต่ดูเหมือเขายังไม่ไว้ใจครูเท่าที่ควร




          เดินออกจากซอย3/1   เดินย้อนมาปากซอย 3 อีกครั้งหนึ่ง มาเจอน้องสาวน้อยที่นั่งอยู่คนละฝั่ง  แล้วควักมือเรียกให้มาเอาขอขวัญวันเด็ก  เด็กทั้งสองคนจำครูได้ดี  เพราะครูพาเขาไปเรียนที่ศูนย์เด็กเล็กที่บ่อนไก่   

          ครูเดินข้ามฝั่งมาสุขุมวิท 4  เป็นถนนเลขคู่(ปกติสายนี้มีเด็กจำนวนหนึ่งเหมือนกัน  แต่ครูไม่ค่อยได้เดิน)  มาถึงครึ่งซอย เจอเจ้าสาวน้อยของครู  น้องรจนาคนสวย ซึ่งตอนนี้แม่ป่วยนอนโรงพยาบาลอย่างยาวนานมาก  สาวน้อยของครูพอเห็นครูเธอกระโดดกอดครู เล่นเอาทุกคนที่มาด้วยกัน  เล่นเอาอึ้งกันไปเลย    เพราะเด็กเร่ร่อนจะกอดแบบนี้ต้องสนิทอย่างมาก  แต่ครูเองก็ไม่ได้พูดอะไร  สำหรับครูเพิ่มความกังวลด้วยความเก่งกาจ หาญกล้าของน้องรจนา  เริ่มหาทางออกว่าคงต้องส่งน้องรจนาคนสวย  เข้าบ้านของมูลนิธิฯ  ป้องกันไว้ก่อน...กรณีที่แม่ยังป่วยอยู่โรงพยาบาล....ไม่ต้องการปล่อยเด็กกับพ่อเลี้ยง...






          เดินต่อมาพบน้องรี  ซึ่งครอบครัวนี้มีพี่น้องทั้งหมด 6 คนเหมือนกัน  จึงได้พูดคุยถามไถ่น้องรี(ซึ่งเด็กเคยเรียนที่ โรงเรียนในกัมพูชา  แต่แม่ต้องเอาน้องมาด้วยเพราะ ไม่มีใครดูแล )  เดิมครอบครัวนี้ร้อยพวงมาลัยขาย  เริ่มจากพี่สาวคนโตโดนจับปลายปี 60 ในข้อหากับแม่เด็ก ในการใช้แรงงานเด็กอันรูปแบบเลวร้าย  ส่งพี่สาวของน้องไป บ้านพักเด็กและครอบครัวกรุงเทพมหานคร  กว่าจะหากันเจอใช้เวลาเดือนกว่า  โชคดีที่ครอบครัวนี้มีใบเกิดและสำเนาทะเบียนบ้าน  จึงไม่ต้องตรวจมวลกระดูกกว่า อีกสามเดือน   สุดท้ายแม่ถูกจับเอง ถูกเรียกเงินกว่า 6,000  บาท  จึงต้องยุติการขายพวงมาลัย  ลูกจึงต้องออกมาขอทานเป็นครั้งคราว  ได้คุยสาระทุกข์สุขดิบนานพอสมควร  เสียงเด็กบอกว่าพี่ๆๆ เขาคิดถึงคุณครูนะ  เขารักครูอย่างมาก  เวลาที่พวกเราอยู่ด้วยกันเล่นกัน ต้องพี่นินที่เล่นเป็นบทบาทของครู กอดให้หายคิดถึงเหมือนกัน  พร้อมทั้งฝากครูไปให้พี่ๆกับน้อง จำนวน 6 ชิ้นด้วยกัน



          มาหัวโค้งตรงสะพานลอย มาพบเด็กหนุ่มที่ในตะกร้าของหนุ่มน้อยมีหมากฝรั่งในตะกร้าประมาณสัก 30 ชิ้น  ถามว่าเอาของขวัญไหม  หนุ่มน้อยก้มลงไปถามแม่ว่า ผมจะเอาลิงครับ  ครูจึงก้มตัวลงไปหาแม่ว่ามีน้องอีกคนหรือ  แม่บอกกว่าประมาณ 8 เดือนแล้ว  ออกมาหาเงินเพื่อเป็นเงินค่าคลอดของลูกคนเล็ก  พร้อมกับต้องซื้อสิ่งของเครื่องใช้เด็ก  จึงบอกหมายเลขโทรศัพท์ของครู ว่ามีอะไรให้ครูช่วยก็ยินดีนะ   มอบของขวัญให้ตัวน้อยในท้องไว้ก่อน  แม่เด็กบอกว่านึกว่าเป็นตำรวจ  จึงให้ลูกเตรียมวิ่งหนีไปก่อนแล้ว  พอมองเห็นว่าเป็นครูจึงนั่งลงอีกครั้ง   เพราะเดี๋ยวนี้เวลาถูกจับไปที่สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ใช้เวลากว่า 8 เดือน  ใครๆก็กลัวกันไปหมดเพราะความห่างเหินกับครอบครัว  หรือบางครั้งเด็กต้องอยู่ตามลำพัง ไม่มีเงินค่าเช่าบ้านเด็กต้องออกมานอนถนน กลายเป็นเด็กเร่ร่อน  เหมือนลูกของนางที  ที่ออกเร่ร่อนจนตำรวจเจอถึงได้ส่งไปอยู่กับแม่ที่สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง.....



          สุดท้าย ท้ายสุดของคืนนี้ เพราะชุดของขวัญที่เตรียมไว้หมดพอดี ครอบครัวน้องไก่  ที่กำลังนอนบนตักของแม่  เป็นคนสุดท้าย ซึ่งน้องไก่แกะทันทีกับตุ๊กตาตัวสวย  แล้วชูให้แม่ดู  แม่ของน้องไก้เอ่ยขอบคุณเสียงดัง  จึงบอกว่าของที่ครูเตรียมมาหมดพอดี

          สำหรับคืนนี้  คนบนถนนจำนวนเยอะมาก  แต่ก็ขาดไปอีกหลายครอบครัวด้วยกัน  แต่มั่นใจว่าจะออกมาช่วงดึกกว่านี้   ครูกับทีมนักข่าวจึงแยกย้ายกันกลับ  สำหรับครูพร้อมทีมงาน 3 คน ขึ้นรถไฟฟ้ามาลงที่หมอชิต ขึ้นรถตู้เร็วกว่า   เพราะพรุ่งนี้มีงานวันเด็กของเด็กลูกกรรมกรก่อสร้าง เด็กอีกชุดหนึ่ง  ...

          สิ่งของเหล่านี้เด็กหลายคนจะเฉยๆ  แต่มันมีค่าของเด็กเร่ร่อนบนถนนทุกคน  คืนความสุขให้กับเด็กกับแม่ของคืนก่อนวันเด็กแห่งชาติ