banner
อังคาร ที่ 19 เดือน กันยายน พ.ศ.2560 แก้ไข admin

แม่จำเป็น...

 

นางสาวทองพูล  บัวศรี

ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน  มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก

                ครูค่ะ....แม่หนูถูกจับไปไหนก็ไม่รู้

                ถูกจับวันไหน?....ตั้งแต่วันพฤหัสที่แล้วค่ะครู

                ถูกจับกันกี่คน?.....พี่ชาย  น้องวัฒนา  น้องพริม  แล้วก็แม่

                แม่ออกไปขายของนะครู....เงินที่ครูลงทุนให้ซื้อของมาขาย  รายได้พอเลี้ยงครอบครัว   ครูมาหาพวกหนูนะ   หนูทั้งสามคนยังไปเรียนหนังสืออยู่นะครู 

                เดิมครอบครัวนี้ เป็นชาวกัมพูชา ที่พ่อถูกจับในข้อหาพยายามฆ่า แต่ไม่ได้ทำอะไรเขา  คนทำหนีกลับประเทศไปแล้ว  ศาลสั่งจำคุกสองปีและทำประโยชน์ก็จะพ้นโทษเร็วนี้    แม่เดิมถูกจับตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ในข้อหาขอทาน  กระบวนการจะเสร็จสิ้นใช้เวลากว่า 5 เดือนเต็ม  

                หน่วยงานรัฐต้องการที่จะแยกลูกทุกคนเข้าสถานสงเคราะห์ของรัฐ คนโตไปส่งไว้ที่สถานสงเคราะห์คนพิการ   คนที่สองอายุ 12 ปี ต้องเอาไว้ที่สถานสงเคราะห์เด็กหญิงที่โต   คนที่สามเด็กหญิงอายุ 10 ปี ต้องเอาสถานสงเคราะห์เด็กหญิง  ส่วนน้องชายคนที่สี่ อายุ แปดปี ต้องเอาสถานสงเคราะห์เด็กชาย


                กระบวนการแยกเด็กออกจากกันโดยสิ้นเชิง นี้คือกระบวนการพัฒนา  ความเป็นเป็นครอบครัวอยู่ตรงไหน  ถามแบบคนโง่ ๆ  ไม่มีใบประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์

                สุดท้ายครูจิ๋วล้มกระดานการช่วยเหลือทันที   เพราะเด็กเรียนหนังสืออยู่  เมื่อถูกส่งไปตามสถานที่หน่วยงานรัฐกำหนด   ความเป็นครอบครัวแตกสลายทันที  กว่าเด็กจะมาคืนเป็นครอบครัวอีกครั้งใช้เวลาอีกกี่ปีไม่รู้   ใช่หลักวิชาการใช่ไหม

                ครูจิ๋วจึงใช้วิธีการเช่าบ้านให้เด็กอยู่ด้วยกันสี่คน ดูแลกันเอง  ได้เรียนหนังสือต่อเนื่องโดยยึดประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นที่ตั้ง  ตามหลักของพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก  มาตรา 22 ที่บอกว่า “ปฏิบัติต่อเด็กไม่ว่ากรณีใด ให้คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญและไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่ชอบธรรม   การกระทำใดเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของเด็ก หรือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อเด็กหรือไม่ ให้พิจารณาตามแนวทางที่กำหนดในกฎกระทรวง”

                จ่ายค่าใช้จ่ายไปโรงเรียน  ค่าอาหารสำหรับเด็กสองมื้อ เช้า-เย็น   ค่าเช่าห้าเดือน  ขอผู้บริจาคหนึ่งเดือน เบิกกับหน่วยงานหนึ่งเดือน  เงินส่วนตัวของครูสามเดือน  

                เรื่องการเรียนเด็กคนโตเรียนมัธยมศึกษาปีที่ หนึ่ง คนที่สองเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่สี่   คนที่สามชั้นประถมศึกษาที่สามเป็นนักกีฬาฟุตบอลประจำโรงเรียน


                เป็นภารกิจของ แม่จำเป็นในช่วงห้าเดือนคือประคองกันไป  รอจนแม่เด็กพร้อมลูกน้อยอีกสองคนกลับมา  มีการส่งมอบภารกิจความเป็นแม่ที่ยิ่งใหญ่ให้กับแม่ตัวจริง  วางแผนด้วยกันในการซื้อสินค้าไปขายที่บนถนน  โดยมีลูกชายคนโตช่วยแม่หิ้วของออกไปขายได้

                ทุกคนในครอบครัวช่วยกันประหยัดอย่างสุดฤทธิ์  เพื่อให้ครอบครัวอยู่ให้รอดให้ได้ประมาณ 4 เดือน  ครั้งนี้แม่ถูกจับพร้อมลูกสามคนอีกครั้ง ในฐานะของคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย

                เด็กทั้งสามคนที่เรียนหนังสือโทรมาหาแม่จำเป็น....ด้วยภาระหลายเรื่องทั้งเรื่องส่วนตัว เรื่องการงาน ที่มีการจัดสัมมนา  มีโอกาสลงไปพบเด็กเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

                พร้อมกับหิ้วข้าวสาร มาม่า  สบู่ ยาสระผม ผงซักฟอก ไปฝากเพื่อให้ได้ใช้ชั่วคราว  รอแม่กลับมา  ซึ่งอีกเดือนไม่รู้   รู้แต่ว่าต้องช่วยเด็กให้อยู่ในโรงเรียนให้นานที่สุด  โอกาสทางการศึกษาเท่านั้นที่เด็กเหล่านี้จะพ้นคำว่า  “เด็กขอทาน”  

                สำหรับครูการทำงานที่ต่อเนื่อง ให้เด็กมีโอกาส ไม่ได้ทำเพียงแค่ครั้งเดียว หรือแค่ให้แล้วก็จบ  การทำงานที่เป็นมืออาชีพ ทำอย่างไรให้ครอบครัวตั้งตัวได้ตามความพอดี  เด็กได้เรียนหนังสืออย่างต่อเนื่อง  มีทางเลือกในชีวิตที่หลากหลาย  ทำให้สุด สุด เป็นรายเคส 

                การกลับไปแม่จำเป็นครั้งนี้เน้นการพูดคุย พร้อมค่าใช้จ่ายที่จำเป็นรอทั้งพ่อและแม่ที่กลับมาเป็นครอบครัว  แม่จำเป็นอย่างครูเป็นครั้งคราวที่ประคองครอบครัวให้อยู่ได้  ในเวลาที่ทั้งพ่อและแม่ทำหน้าที่เหล่านี้ไม่ได้

                การจะฟื้นฟูครอบครัวใครสักครอบครัวไม่ใช่เรื่องง่าย   สิ่งที่สำคัญสำหรับครู  เด็กจะอดหรือจะมี  แต่สิ่งสำคัญ เด็กต้องได้ไปโรงเรียน  การผ่านแต่ละระดับชั้นคือบันไดการอ่าน ออก เขียน ได้  การยกระดับว่า คุณภาพของพลเมืองอาเซียน  ที่ต้องทำงานกันต่อไป

                เริ่มคุยกันอีกครั้งเรื่องค่าใช้จ่ายรายวัน   คนโตไปเรียนแม่เคยให้ 60 บาท  แม่จำเป็นให้แค่ 40 บาทเท่านั้น  ทำอาหารเช้ากินพร้อมกัน ทั้งสามพี่น้อง


                คนที่สอง ที่สาม  ให้เหลือแค่ 20 บาท  แค่ซื้ออาหารกลางวันเท่านั้น  มื้อเช้า-มื้อเย็นต้องกลับมาทำอาหารกินกันเอง  ค่าน้ำดื่มใช้ขวดไปกรอกน้ำ   เมื่อมีเพียงเท่านี้ก็ต้องใช้เท่านี้เหมือนกัน  อยู่กันให้รอด  งานนี้โดยแม่จำเป็นเผดิมการ   แต่ทุกคนก็ต้องจำยอม   ห้ามซื้อของที่ไม่จำเป็น 

                รายการที่ต้องใช้สำหรับอุปกรณ์การเรียนให้เบิกได้แต่ห้ามซื้อ   เพราะสิ่งของบางอย่างซื้อให้ตั้งแต่ตอนเปิดเทอมแล้ว  เหลือปากกา สมุด  ดินสอสี    ที่ใช้แล้วหมดไป  สิ่งของเหล่านี้เบิกกับแม่จำเป็นได้  เพราะยังมีของเหล่านี้อยู่

                ในช่วงระยะเวลาต่อไปนี้ แค่เดินหน้าไปโรงเรียน  แล้วกลับที่พักเท่านั้น  ห้ามไปที่ไหนทั้งนั้น  แม่จำเป็นมีอาสาสมัครที่เฝ้าระวังให้  คือคนเจ้าของห้องเช่าที่มาอยู่ด้วยที่ชั้นสอง  จึงสร้างความสบายใจเป็นอย่างมาก  เพราะมีคนดูแลพฤติกรรมของเด็กๆให้

                ค่าใช้จ่ายของเด็ก ก็ใช้วิธีการใช้จ่ายของครูเอง  สู้กันเสมอเท่าที่มี   รอแม่ตัวจริงที่กลับมาทำหน้าที่ของแม่  ที่ตลอดเวลาที่ต้องใช้ทั้งความรัก ความอบอุ่น สู้ในการหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว   การเป็นแม่คนจริงๆ  เป็นเรื่องใหญ่มาก

                สำหรับครูขอเป็นแม่จำเป็น  เป็นระยะเท่านั้นพอ   ถ้าต้องเป็นไปตลอดชีวิต หนักหนาสาหัสไม่ใช่เรื่องเล่น  หรือแค่คำพูดที่สวยหรู   มันเป็นงานที่ยิ่งใหญ่   เป็นงานที่ใช้หัวใจในการทำงาน  ที่มีคนพูดเสมอว่า   “รักเด็กทุกคน เสมอรักลูกตัวเอง”

                ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน     เรื่องเหล่านี้ต้องใช้หัวใจเดินทางในการทำงาน ที่เท่าเทียมเสมอภาค เป็นธรรม   และที่สำคัญช่วยให้สุด สุด 

                สำหรับในการทำงานช่วยเหลือครอบครัวนี้ ครูได้รับบทเรียนทั้งรัฐและเอกชน  ทุกอย่างสวยหรู  ด้วยคำพูด  มีเงื่อนไขสารพัดในการทำงาน  เป็นการเรียนรู้ที่จะก้าวข้ามผ่านกระบวนการทำงานแบบมืออาชีพอย่างไร  ให้เด็กทั้งสามคนมีที่ยืนทางสังคมแบบที่คนชอบพูดกัน   

                บทบาทในการเรียนรู้กัน สำหรับคำว่า “แม่จำเป็น”   บางครั้งก็ต้องทำหน้าที่ นอกเหนือคำว่าครูข้างถนน

                ขอบคุณบทเรียนที่สำคัญในการทำงาน  ที่ใช้หัวใจในการทำงานเท่านั้นที่หล่อเลี้ยงคนทำงานให้อยู่ได้   เด็กสามคนคือพลังที่ให้ครูก้าวผ่านเหมือนกัน  บทเรียน “แม่จำเป็น