banner
พุธ ที่ 14 เดือน ธันวาคม พ.ศ.2559 แก้ไข admin

อยากหา....แม่



 
นางสาวทองพูล  บัวศรี

ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน  มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก

 

          เด็กหญิงผอมสูงนัยน์ตาคม  เวลามองเหมือนคนจ้องมองแบบไม่กระพริบตา  ผิวเนื้อแทน ค่อนข้างดำ เนียนสนิทแบบไม่มีที่ติ  เธอมาพร้อมกับถุงผ้าสองถุง  มีพี่ชายมาส่งด้วยพร้อมเอกสาร  ทราบแต่ว่า ชอบหนีออกมาจากบ้าน  ด้วยในวัยที่ 11 ปี  ช่างกล้าหาญชาญชัยมาก  เธอมีชื่อที่เฉพาะมากว่า  “เด็กหญิงใจดี”  เธอใจดีกับน้อง น้อง ทุกคน แต่ “ใจดี” ดื้อกับคุณครูทุกคนที่ดูแลเธอ...

          วันที่เธอมาที่มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก เหมือนฟ้าถล่มทลายในชีวิตของเธอเลย  เพราะเธอเพิ่งรู้ความจริงว่า ว่าที่แม่เลี้ยงเธอมานั้นไม่ใช่แม่จริง จริง  แม่คนนี้เป็นแม่ที่ไปขอเธอมาจากสถานสงเคราะห์ แห่งหนึ่ง  แม่รักเธอมาก ดูแลได้เท่าที่แม่คนหนึ่งสามารถเลี้ยงดูได้ ให้ความรัก ความเอาใจใส่ และส่งให้เรียนจนเสมือนลูกคนหนึ่งของครอบครัว

 ซึ่งสาวน้อยคนนี้ก็รักแม่อย่างเต็มหัวใจ รักพี่ชายทั้งสองคนเหมือนพี่ชายจริง ของตัวเอง  แม่ของเธอเจ็บป่วยตามอาการของโรคที่แม่ป่วย จนแม่ของเธอเสียชีวิต  วันทำศพเธอก็ยังหวังว่าจะอยู่กับพี่ชายคนใดคนหนึ่งในสองคน  แต่พี่ชายคนโตกลับพาเธอนั่งรถแท็กซี่มาส่งบ้านแห่งหนึ่งขอเอกชน   เธอกลายเป็นคนที่คนในครอบครัวไม่ต้องการหรือ...  มันเป็นความผิดของ “ใจดี” ด้วยหรือ   ใจดีสับสนวุ่นวายไปหมด

แต่เมื่อพี่ชายนำเอกสารชิ้นหนึ่งยืนให้กับเจ้าหน้าที่ขององค์กร  ความลับตลอดเวลา 11 ปี ที่มันคู่กับใจดีมาด้วย   ทำให้ใจดีร้องไห้ไม่ออก ได้แต่มองแบบนิ่งนิ่ง ตัวแข็งทื่อ สายตาแข็งกร้าว ตัวชา หน้าชา ขาชา พร้อมศัพท์  แต่ใจดีนั่งเหมือนรูปปั้น ไม่มียิ้ม ไม่มีร้องไห้ นั่งแบบหุ่นปั้น   แต่ใครจะรู้ว่าในหัวใจของใจดีร้องไห้ จนไม่มีน้ำตาออกมาสักหยอด

ตำถามในใจของใจดี  แล้วแม่ตัวจริงอยู่ไหน  เขาไม่รักใจดีเลยหรือไร  เขาทิ้งใจดีเพราะอะไร  คำถามมากมายที่มันวนอยู่ในหัวของใจดี

สิ่งที่พี่ชายคุยกับครู  ใจดีไม่รับรู้ เพราะยังหาคำตอบไม่ได้เลยว่าชีวิตฉันมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อยากร้องไห้ก็ร้องไม่ออก  แล้วจะให้ใจดีอยู่ที่นี้หรือ...แล้วบ้านหลังนี้มันเป็นอย่างไร ทำไมพี่ชายโหดร้ายจัง

เมื่อพี่ชายเซ็นเอกสารมอบใจดีไว้ที่บ้านหลังนี้ พี่ชายก็เดินออกมาแบบไม่บอกลาสักคำ

ทำไมไม่หันมามองบ้างว่าใจดียืนมองเพื่อเห็นรอยยิ้มของพี่นะ   เป็นรอยยิ้มแห่งการจากลาสักครั้งก็ยังดี

ใจดีปลอบใจตัวเองอยู่เสมอว่า เพราะพี่ต้องย้ายครอบครัวไปอยู่ต่างจังหวัด เขาจึงไม่ได้เอาใจดีไปด้วย  เขาอยากให้ใจดีเรียนหนังสืออยู่ในกรุงเทพมหานคร

การเริ่มต้น ชีวิตที่บ้านหลังใหม่ไม่ได้ง่ายกับชีวิตเลย  มีเด็กผู้หญิงอยู่รวมกันในห้องที่นอนกว่า 17 คน คืนแรกนอนไม่ได้เลย เพราะเด็กนอนกันแพยาวเรียงลำดับ โดยทุกคนมีที่นอนของตัวเอง มีหมอน มีผ้าห่ม แต่ทุกคนจะเลือกมุมนอนของตัวเอง  สำหรับใจดีคือแหล่งสิงสถิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน  สำหรับใจดี เลือกการเข้ามุม




ที่นอนเป็นที่เข้ามุมต้องตื่นก่อนคนอื่นเขา  เพราะจะเป็นที่วางที่นอน เก็บที่นอน เรียงกันจนสูง  และใครเก็บคนสุดท้ายต้องจัดเรียงให้ดี ทุกคนจะมีหน้าที่รับผิดชอบร่วมกันในการดูแลห้องนอน และห้องน้ำ รวมถึงงานส่วนรวม เช่น พื้นที่สนาม โรงอาหาร บริเวณหลังตึก จนถึงเวรที่พี่คนโตต้องทำอาหารเช้าให้น้อง น้อง

บ้านหลังนี้ไม่มีพ่อบ้าน ไม่มีแม่บ้าน ครูและเด็กช่วยกันทำงานบ้านด้วยกัน

ประมาณสักหกโมงครึ่งทุกคนลงมากินอาหารเช้า พร้อมรับเงินค่ารถไปโรงเรียน แล้วแต่โรงเรียนที่ใกล้ไกลต่างกัน

โรงเรียนแรกที่ได้เรียน ไปเรียนที่โรงเรียนสีกัน  มันเดินทางไกล แล้วไปคนเดียวด้วย และที่สำคัญ ก็คือไม่อยากไปด้วย จึงไปเรียนบ้าง ไม่ไปบ้างครูที่โรงเรียนโทรมาบอกคุณครูที่บ้านตลอด  มีเสียงบ่นมาจากครูเสมอว่า  ให้แล้วแล้วทำไมไม่อยากเรียน คนที่อยากเรียนเขาไม่มีโอกาสเท่านี้ 

เป็นเสียงบ่นที่ น้องใจดี ไม่เคยใส่ใจ  เพราะในใจของน้องคิดถึงวิธีการไปหาแม่ให้เจอ  ทำไมแม่ทิ้งไว้ที่สถานสงเคราะห์  เป็นปมที่ยิ่งใหญ่

สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนโรงเรียนมาเรียนที่ปากเกร็ด  แต่ก็เหมือนเดิม  จนเรียนจนจบ  แต่สิ่งที่อยากลองรู้อยากเห็นมีเยอะมา อยู่ในใจของใจดีตลอดมา

ใจดีเป็นเด็ก ที่ชอบดูแลคนอื่น มีความรักที่เผื่อแผ่ไปให้คนอื่น  ไม่ค่อยรักตัวเองเท่าที่ควร  มีโลกส่วนตัวสูงมาก

แต่สิ่งสำคัญ ในใจถวิลหาแม่ตลอดเวลา 

อยากกอดแม่  อยากได้คำตอบจากแม่

ใจดีจะนำเรื่อง ตามหาแม่ปรึกษากับครูหลายคน

ครูทุกคนก็ให้แง่คิดหลายมุมมอง

ไม่ใช่ว่าแม่ไม่รัก แต่อาจจะมีความจำเป็น ที่ไม่ได้ดูเราเท่านั้น  ยิ่งตอนนี้ใจดีมีแนวทาง มีความเป็นอยู่อย่างนี้เลี้ยงตนเองได้  แม่มีครอบครัวของแม่มีลูกมีสามี แล้วใจดีจะเข้าไปอยู่ในครอบครัวนี้อย่างไร  ในฐานะอะไร 

ตามหาตามได้เลย การแสดงตัวต้องดูให้ดี  ความรักความถวิลหา เป็นสิ่งที่ใจดีต้องการ แต่ไม่รู้ว่าแม่ต้องการไหม

ใจดี บอกกับครูว่า ครูมีแม่ ครูมีคนรักพร้อม ครูไม่รู้หรอกว่าอยากกอดแม่ อยากหอมแม่ เป็นความปรารถนาอย่างยิ่งยวด

เวลาต้องการคำปรึกษา แค่ทะเลาะกับเพื่อนในห้องเรียน  อยากมีแม่บอกว่า อย่าทะเลาะกันเลย เป็นเพื่อนกันก็ให้อภัยซึ่งกันและกัน

เวลาตื่นนอนอยากได้ยินเสียงแม่บอกว่า ลุกได้แล้วไปอาบน้ำนะ  เดี๋ยวค่อยมากินข้าว

เวลากินข้าวอยากได้กินฝีมือแม่แค่ทอดไข่ ต้มไข่ คลุกกับน้ำปลา ก็คงอร่อยสุด สุด

เวลาไปโรงเรียน ได้รับเงินจากมือแม่พร้อมทั้งหอมแก้มแม่ว่าไปโรงเรียนแล้วนะ

ส่งกระเป๋าหนังสือให้  บอกว่า “ไปดีมาดี” ในช่วงเช้า แม้แต่คำว่า เดินดี ดี นะ

ตั้งใจเรียนให้ดีนะ  หัดอ่านหัดเขียน

กลับมาจากโรงเรียน แม่สอนทำการบ้าน หัดอ่านหัดเขียน

ช่วยแม่ทำความสะอาดห้องครัว จาน ชาม ช้อน แก้ว ช่วยกันล้างเก็บเข้าที่ อย่างเป็นระเบียบ

ช่วยกันกวาดบ้าน ถูบ้าน มาครั้งก็เกเรไม่ชอบทำ รื้อของเล่นมาให้เต็มบ้าน  แค่ได้ยินเสียงแม่บ่น ก็คุ้มแล้ว  ว่ายังมีคนรักเราอยู่

ช่วยกันรดน้ำต้นไม้  เก็บเสื้อผ้าของทุกคนในบ้านไปซัก

แล้วกินข้าวและอาหารเย็นด้วยกัน

ดูหนังด้วยกัน  อ่านหนังสือ

พูดคุยกันในเรื่องความฝัน ความต้องการ หรือเรื่องที่ต้องให้มีการปรับตัว  ถกเถียงเรื่องการใช้เงินของลูก  การใช้ชีวิตที่เทียวตะล่อนชายของลูก  ไม่ยอมทำอะไร

อยากได้ยินเสียงแม่บ่น เสียงแม่ด่าบ้าง

ก่อนนอนนั่งสวดมนต์ด้วยกัน  แม่สอนให้เรารู้จักสวดมนต์

นอนกอดแม่บ้าง  อยากได้ไออุ่น  ว่าอุ่นของการกอดการหอมมันเป็นอย่างไร

สำหรับใจดี  สิ่งเหล่านี้คือความฝัน  ความถวิลหา โหยหา ทั้งความรัก ความใกล้ชิด ความใส่ใจ  เสียงบ่น เสียงด่า เป็นเสียงที่อยากได้ยิน

เวลาที่เหงายังรู้ว่ามีเพียงกลิ่นกายของแม่แนบชิด ชิดใกล้ ทุกครั้งที่มีความเศร้า จะได้ยินเสียงแม่บอกว่า ใจเย็นลูก  ทุกคนต้องให้อภัยกัน  อย่าเข้าไปใกล้

คนที่ไม่เคยเห็นแม้กระทั่งหน้าแม่  ก็อยากมีแม่

แต่แปลกคนที่มีแม่ กลับไม่อยากอยู่ใกล้แม่ ใกล้เกลือกินด่าง ชัดเลยคะ

สักคนในชีวิต ขอได้เห็นถึงแม้จะไม่มีโอกาสได้อยู่

การอยู่คนเดียวไม่รู้หรอกว่า มันเศร้าสร้อยหงอยเหงาแค่ไหน

บางคนบอกว่าอยู่คนเดียวนั่นดีแล้ว  หาเงินได้ก็ดูแลตัวเองคนเดียว กินคนเดียว 


แต่ใครจะรู้ว่า  ทุกคนต้องมีใครสักคนที่อยากให้อยู่ใกล้ ใกล้  คอยเป็นกำลังใจกัน เป็นแรงบันดาลใจซึ่งกันและกัน  เสียงโหยหาของลูกคนหนึ่ง

ยิ่งยังเป็นปมในใจของลูกโดยเฉพาะเรื่องเด็กเร่ร่อน  จะเป็นปมที่ยิ่งใหญ่เสมอ

เวลาที่ครูสอนเด็ก ให้รู้จักความรักของแม่แล้ว น้ำตาของใจดีจะไหลทุกครั้งเสมอ

แม่แม่ทั่วไป         แม่นกแม่ไก่มีใจเดียวกัน

รักลูกทุกคน         ตลอดจนแม่ฉัน

รักลูกทั้งนั้น         ป้องกันทุกข์ภัย

แม่จ๊ะ แม่จ๋า         ตั้งหน้าตั้งตาหาข้าวของให้

ให้นมให้น้ำ          แม่ทำทั่วไป

เพราะความรักใคร่  น้ำใจแม่มี

แม่สั่งแม่สอน         ให้เล่นเต็มที่

หาใครรักเท่า         แม่เราไม่มี

ความรักอย่างนี้      เป็นศรีกับลูกเอย

ถึงวันนี้ใจดีจะโตเป็นผู้ใหญ่ที่เลี้ยงตนเองได้ ผ่านความรัก ความทุกข์ แต่ชีวิตของใจดี คือตัวอย่างอีกตัวอย่างหนึ่งที่ดี ไม่เอาปมของตัวเองเป็นเงื่อนไข ให้ชีวิตตกต่ำไปกว่านี้ ไม่กลับไปซ้ำเติมตัวเอง โดยใช้ความรักของแม่เป็นเงื่อนไขให้ตัวเองจมปลักความรัก

ช่วงนี้อ่านหนังสือหลายเล่มที่ เด็กเร่ร่อนเอง โดยเฉพาะเรื่อง “สู้ชีวิต”  ลูกสาวของครอบครัวเร่ร่อนขอทาน  ได้ไปอยู่กับเศรษฐีในเมืองใหญ่ จนเรียนจบในระดับมัธยมปลาย เรียนดี มีโอกาสเข้ามหาวิทยาลัย

วันหนึ่งแม่กลับมาหาพร้อมน้องชายที่พิการ  พี่สาวตัดสินหิ้วกระเป๋าออกมาจากบ้านเศรษฐี มาทำงานเลี้ยงครอบครัว  แต่ครั้งนี้ ความรักที่เคยมีกับแม่ระยะเวลาที่ห่างกันประมาณ 8 ปี มันมีจุดแบ่งกันกันอยู่ 

แม่ทำอะไรไม่ไหว เป็นทั้งโรคตับอักเสบ ม้ามโต  ลูกสาวเงินที่ทำงานมาได้เธอก็รักษาแม่ของเธออย่างสุดชีวิต  เด็กน้อยบอกคำเดียวว่า เขาคือแม่ฉัน จะเป็นอะไรมากแค่ไหน ฉันทำหน้าที่ของลูกให้เต็มที่

อ่านหนังสือเล่มนี้ บวกกับ เคสที่ดูแลมา  ทำให้ครูเองก็ต้องทบทวนการทำงานครูข้างถนนเหมือนกัน  เพราะการทำงานบางครั้งก็มีการแยกครอบครัว เพียงว่าขอให้โอกาสได้เรียน ได้รับสวัสดิการขั้นพื้นฐาน  โตแล้วเขาจะกลับไปสู่ครอบครัว

สำหรับเด็กที่ไม่มีใครเลยจะเอาอย่างไรในการมีครอบครัวทดแทน  เพราะสุดท้ายทุกคนก็ต้องมีใครสักคนเป็นคนในครอบครัว

อย่างน้อยก็ต้องตามหา “แม่” ในเจอ  ในรูปแบบไหนก็ได้