banner
อังคาร ที่ 5 เดือน เมษายน พ.ศ.2559 แก้ไข admin

ทัศนศึกษาเด็กนานาชาติ

 

นางสาวทองพูล บัวศรี

ที่ปรึกษาโครงการศูนย์เด็กก่อสร้าง  มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก

 

        ได้รับการติดต่อจากครูเจ ที่ TK ปาร์ค ศูนย์แห่งการเรียนรู้ว่าจะมีการจัดนิทรรศการนิทานนานาชาติให้กับเด็กทั่วไป แต่ครูเจ คิดถึงกลุ่มเด็กของครูจิ๋วก่อนโดยเฉพาะกลุ่มเด็กนานาชาติอยากให้มาร่วม  แต่ไม่มีงบประมาณเป็นค่าอาหารและค่ารถให้นะ  จึงบอกครูเจว่าไม่เป็นไรแค่ให้ร่วมกิจกรรมได้ก็ต้องบอกว่าขอบคุณมากแล้วคะ  ขอบคุณจริง จริง ที่ให้โอกาสแก่เด็กนานาชาติ

  


 

 

 

        ครูจิ๋งจึงมีการวางแผน คุยกับคุณครูไพโรจน์ จันทะวงศ์ ก่อน  เรื่องการเดินทางของเด็ก คุณครูก็เริ่มฝึกเด็กในการเดินเรียงแถว ฝึกเดินไปรอบๆบ้านพักของกรรมกรก่อสร้าง หลายคนก็สงสัยว่าครูฝึกเดินทำไม   ต้องมีเรื่องจัดการต่อเพราะมีเด็กโตบางคนที่ต้องเลี้ยงน้อง  ซึ่งเอาเด็กเล็กอุ้มไม่ด้วยไม่ได้  แล้วเมื่อพี่ทำกิจกรรมแล้ว  เด็กตัวน้อยใครจะเลี้ยง (เป็นเรื่องใหญ่มาก ต้องคุยกับแม่เด็กขอให้หยุดงานหนึ่งวันเพื่อเปิโอกาสให้เด็กได้มีโอกาสได้เรียนรู้ด้วย)





        สำหรับโครงการรถเคลื่อนที่สัญจร  ก็ต้องวางแผนคุยกับครูเอนก เพิงสงเคราะห์ กับครูเอก สรรค์ฤทัย  เรื่องนำเด็กที่บ้านพักกรรมกรก่อสร้าง ซอยสามัคคี บริษัท 33  นำเด็กช่วงอายุโต  ไปร่วมกิจกรรมในวันที่ 30 เมษายน 2559

        พอถึงวันแห่งการเรียนรู้  ผู้เขียนก็แคะกระปุกออมสินเลือกเหรียญบ้าน เหรียญห้าบาท  และสิบบาท  ประมาณ 600  กว่าบาท แบกใส่กระเป๋าด้วยความตั้งใจ จะให้เหรียญที่ละคน เที่ยวจากสถานีรถไฟฟ้าจากแบริ่ง ถึง สถานีรถไฟฟ้าชิดลม  คนละ 52 บาท  การเดินทางจากซอยวัดบางนางเกรง ครูไพโรจน์  พาขึ้นรถเมล์มา  เด็กเล็กไม่เสีย เสียแต่เด็กโตประมาณ 11 คน คนละ 9.50 บาท มาลงที่สถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง เด็กต่างคนต่างสนุกมาก  บางคนก็ยืนเกาะหลังเบาะรถ บางคนก็ได้นั่งที่เบาะ ทุลักทุเลดี จัง  แต่ความตื่นเต้นของเด็กก็สนุกสนานตามประสาเด็ก 




 

        มาถึงสถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง เด็กยืนเข้าแถวเป็นแถว  ทางเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟฟ้าก็เข้ามาจัดการกดบัตรให้ ความตั้งใจที่จะให้เด็กกดเองหมดไปเลยคะ  ต้องให้เจ้าหน้าที่กด  เหรียญที่เตรียมมาไม่ได้ใช้ต้องแบกแบบหนักอึ้งอยู่บนไหล่ครู    ไม่เป็นไรเพื่อความสะดวกใช้วิธีนี้ก่อน  ข้างกลับยังมีโอกาสที่จะทำอีกครั้งคะ... เด็กเข้าแถวรับบัตรคนละหนึ่งบัตร  จึงให้เจ้าหน้าที่สอนการสอดบัตรเข้าไปในสถานี  พอให้เด็กทำเอง  ตื่นเต้น เด็กสอดกลับหน้ากลับหลัง เดินผ่านไม่ได้  จึงต้องให้ตั้งสติสอดใหม่ ส่วนคนที่สอดได้ก็เข้าแถวคอยให้ครูไพโรจน์ไปคอยอยู่  จนสุดท้ายสอดได้ทุกคน  ครูก็กำชับอีกว่าอย่าให้บัตรหาย ให้เก็บให้ดีไม่อย่างนั้นออกไม่ได้   ครูไม่ช่วยนะ....พี่บางคนก็เก็บให้น้อง บางคนก็เก็บเองกำจนบัตรชื่นไปเลยคะ....

        พากันขึ้นบันได้เลื่อนของรถไฟฟ้า  เด็กบางคนกลัวจึงต้องให้พี่คอยประกบ  แล้วให้จับลาวบันไดเลื่อนไปจนถึงบนได้สุดท้ายกแล้วก็ให้ก้าวออกมา  เสียงของเด็กก็คุยเสียงดังอีกครั้งเมื่อมายืนเข้าแถวหลังเส้นสีเหลือง  และห้าเกินเส้นสี่เหลือง สุดท้ายยามต้องมายืนคุมที่ทีมของพวกเรา  พาขึ้นไฟฟ้าอย่างปลอดภัย  ต่างคนก็ต่างคุยกันระหว่างเด็กด้วยภาษากัมพูชาบ้าง ภาษาไทยบ้าง   มีแม่เด็กของน้องนาว  เล่าให้ฟังว่าตื่นเต้นมากนอนไม่หลับเลย  ในช่วงเช้าก็ไม่ยอมกินข้าวเช้าบอกว่าเป็นครั้งแรกในการเดินทาง  เพราะมาจากกัมพูชาไม่เคยออกไปไหนเลยพ่อกับแม่กลัวการถูกจับ เป็นครั้งแรกที่เดินทางมากับครู   ออกุลเจริญนะครู (ขอบคุณภาษากัมพูชา)

ขณะที่นั่งไปบนไฟฟ้าพวกเราขึ้นกันที่สถานีต้นทาง จึงมีที่นั่งทั้งโบกกี้ให้นั่ง  ประชาชนทั่วไปก็ไม่มีใครมานั่งโบกกี้ของเด็ก เด็ก  ระหว่างที่ผ่านสถานที่ต่างๆ เด็กก็วิ่งระหว่างที่นั่งแย่งกันดู ตั้งแต่ตึกสูง  ผ่านจนมา สถานีพร้อมพงษ์  ตอนนี้มีการจัดแสดงไดโนเสาร์ ซึ่งอยู่บนรถไฟฟ้าแล้วมองผ่านไป  เห็นโดเสาร์ตัวใหญ่ ยื่นเด่นเป็นสง่าอยู่ เด็ก เด็ก วิ่งกรูมาดู จนครูต้องดุกันว่าเกรงใจคนอื่นด้วย  แต่เด็กบอกว่าอยากดู ทำไมไดโนเสาร์ตัวใหญ่จัง ก็เริ่มมีการไล่ชื่อไดโนเสารที่ละชื่อ

        จนมาถึงสถานีชิดลม แบ่งเด็กกับพี่เลี้ยงช่วยกันดู คนละ 3-4 คน  เวลาออกจากสถานี  ทุกคนสอดบัตรออกทีละคน ก็มีเด็กที่ออกไม่ได้แต่สอดบัตรแล้ว เพราะเร็วมากเด็กออกไม่ทัน จึงต้องมาแจ้งที่สถานีชิดลม  จึงเอาบัตรไปตรวจสอบว่าสอดออกเรียบร้อยแล้ว  ทุกคนจึงออกจากสถานีมาได้  เข้าแถวเดินเรียงมาบนสกายวอล์  มาถึง ศาลพระพรม(ศาลเอราวัณ สี่แยกราชประสงค์)  จึงให้ทุกคนอธิฐาน ไหว้ศาล แล้วคุยกันเรื่องระเบิด  เด็ก เด็ก ร้องโอ้ย ฮู ฮู  สวยจัง คนเยอะมาก มีผู้ปกครองคนหนึ่งร้อง ว่าเหมือนกับที่ศาลหลักเมืองของเมืองพนมเปญเลย  มีแม่เด็กคนหนึ่งบอกแบบอาย อาย  ว่าเคยพาลูกไปขอเงินที่นั้นหลายครั้ง  เพราะฉันอยู่เมืองสวายเรียง  ครอบครัวฉันยากจน ไม่มีรายได้ที่ทำกินก็แห้งแล้ง  จึงพาลูกมาขอทานสามีของฉันมาเช่าสามล้อถีบส่งนักท่องเที่ยว  สุดท้ายก็เดินทางมาเมืองไทยทั้งครอบครัว  มาทำงานก่อสร้างกันคะ  ครูได้แต่เงียบฟังแม่ของเด็กเล่า   เสียงที่กระตุกความคิดครูเขาจับผู้ร้ายได้หรือยัง สงสารคนที่ตายนะคะครู   แต่ครูไม่ได้ตอบ  จึงพากันเดินต่อเพราะห้างเซ็นทรัสเวริด ยังไม่ได้เปิด  จึงพาเด็ก เด็ก มาที่หน้าห้าง มีช้างที่ทำด้วยท้องเหลือง กับที่นั่งเล่น   สนุกของเด็ก เด็ก ทั้งมุดท้องช้าง  ขี่ช้าง กอดช้าง  บางคนก็กระโดดเต้นเป็นจังหวะคะ  ตามประสาของเด็ก





        จนถึงเวลาทำกิจกรรม  ครูยังไม่กล้าพาขึ้นบันได้เลื่อน จึงพากันขึ้นลิฟต์ไปชั้น 8 เลย  ทุกอย่างครูมาศึกษาล่วงหน้าก่อนว่า จะพาเดินทางไหนไปทางไหน  เพราะในศูนย์การค้าแห่งนี้คนเยอะมาก ทั้งนักท่องเที่ยวและคนเที่ยวทั่วไป   จึงถึง ทีเคปาร์คแบบเรียบร้อย   เริ่มต้นการเรียนรู้(ครั้งนี้เด็ก เด็ก ไม่ได้เสียค่าผ่านประตู คนละ 50 บาท เป็นนิทรรศการนิทานนานาชาติ  เด็กฟังนิทานกันตาแป๋ว แต่เด็กกลุ่มเราต้องร่วมกันเด็กอนุบาลที่มีชื่อแห่งหนึ่ง เด็กเรานั่งก่อนจึง  ครูจึงบอกเด็กของเราว่าขยับให้เพื่อนนั่งด้วย  มีเด็กผู้ชายของโรงเรียนอนุบาลพูดเสียงดังมากว่า พวกนี้ไม่ใช่เพื่อนผม คนพวกนี้ไม่ใช่เพื่อนผม   ครูที่พามาของเดินมาขอโทษเรา  จึงบอกว่าต้องขอโทษเด็กๆคะ   (ครูจิ๋วเองโกรธคะ  ถูกดูกันขนาดนี้เลยหรือ....เป็นแค่เด็ก  ทัศนคติแย่มาก  ครูใหญ่ของโรงเรียนนั้งพอทราบเรื่องรีบเดินมาหาครูจิ๋วว่าขอโทษต่อคำพูดของเด็ก  เด็กไม่ได้มีเจตนาจะว่าเดกของครูหรอกนะ....แต่เด็กชอบพูดแสดงอำนาจแบบนี้..เอง)  ทำไมเด็กของพวกเราจะเรียนรู้เท่ากันไม่ได้...  แต่ตัวเด็กเองก็สนุกสนานไม่สนใจคำพูดอะไรทั้งสิ้น.....เด็กทั้งเรียนการเล่านิทาน การวาดภาพระบายสี  ตลอดจนการมีส่วนร่วมในนิทานของเด็กเองคะ  เด็กสนุกกันมาก





        ประมาณบ่ายสามโมงตอนเย็น   ทั้งครูและเด็กต่างขอบคุณคุณครูเจ  อย่างมากที่ให้เด็กทำกิจกรรมและเรียนรู้ทั้งหมด  ถึงเวลาที่จะเดินทางกลับกันแล้วคะ ก็พากันลงบันไดเลื่อน ครั้งนี้กำชับพี่เลี้ยงดูแลเป็นอย่างดี สุดท้ายก็ลงบันไดเลื่อนกันได้จนเดินมาถึงสกายวอล์ มาถึงสถานีรถไฟฟ้าชิดลม  ซึ่งครั้งนี้หมือนเดิม เจ้าหน้าที่สถานีจัดการให้หมดอีกครั้งคะ   เงินเหรียญก็ได้ใช้ไปแค่สามร้อยบาท เหรียญบาทก็ยังหนักอยู่ดี  ได้บัตรมาคนละใบ  ครั้งนี้เด็กเข้าได้ทุกคนผู้ใหญ่กับงงเองคะ







        การอยู่บนรถไฟฟ้าครั้งนี้แน่นมากคะ  เพราะเป็นช่วงชั่วโมงเร่งด่วนคะ ต่างคนก็พยายามยัดเหยียดกันยืนให้ได้บนรถ  อย่างหวังว่าจะมีคนรุกให้เด็กนั่ง  มีเพียงแต่ละสถานีที่มีคนลงคนที่ยืนก่อนก็จะให้เด็กเข้าไปนั่ง  ซึ่งก็เป็นปกติของคนบนไฟฟ้า  ที่ใช้ชีวิตจริง จริง ทั้งเด็กและครูต่างก็ยืนคุยกับเด็ก  ว่าสนุกไหม  อยากมาอีกไหม  ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าสนุกมาก  ครูจิ๋วอยากไปอีก อยากไปหลายๆที   เลยคิดว่าโอกาสหน้าจะพาไปเขาดินกันดีกว่า...ครูจิ๋วส่งเด็กขึ้นรถเมล์ไปพร้อมกับครูไพโรจน์  ครูจิ๋วมีงานต่อที่ต้องลงพื้นที่ ครูข้างถนน ซึ่งนักศึกษาคอยอยู่แล้ว   แต่นั่งรถไฟฟ้ากลับมาที่สถานีอโศก  คิดถึงคำพูดของเด็กว่า วันนี้จะได้เล่าให้พ่อกับแม่ฟังว่าได้ขึ้นรถไฟฟ้า  อยากให้พ่อกับแม่ขึ้นบ้าง มันสนุกมาก รถไฟฟ้าแล่นเร็วมาก  คุยไม่รู้จบแน่นอน เรื่องขึ้นรถไฟฟ้า

        การเสริมประสบการณ์ชีวิตเหล่านี้ต้องให้เด็กได้เรียนรู้ของจริง ทำจริง ปฏิบัติจริง   เป็นอีกกระบวนการหนึ่งของการเรียนรู้   โอกาสหน้าจะพาไปอีกหลายเรื่องด้วยกัน   ซึ่งตรงกับชีวิตจริงของคนที่ต้องเดินทางด้วยทั้งรถเมล์ รถไฟฟ้า  หรือแม้กระทั่งการลงเรือด่วน