banner
พุธ ที่ 10 เดือน มิถุนายน พ.ศ.2558 แก้ไข admin

สถานการณ์เด็กเร่ร่อน ณ พ.ศ. นี้

                 ด้วยมีผู้คนถาม คำถามกับผู้วิจัยว่า คือเด็กมีมากน้อยเพียงไร  เป็นคำตอบที่ผู้วิจัยเองจาก โครงการ “ถอดบทเรียนรูปแบบการช่วยเหลือเด็กเร่ร่อน;ในกรณีของครูข้างถนนและบ้านพักสำหรับเด็ก”  กำลังค้นหาคำตอบเรื่องตัวเลข  ไม่มีหน่วยงานไหนที่เก็บเป็นระบบอย่างชัดเจน  แต่แต่คาดกันตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง

                จำนวนเด็กเร่ร่อนเริ่มตั้งแต่ปี 2531-2534 มีเด็กเร่ร่อนในประเทศไทยที่มีประวัติอยู่ในความดูแลของหน่วยงานภาครัฐและองค์กรพัฒนาเอกชน จำนวน 2,736 คน (แต่มีเด็กเร่ร่อนที่ไม่ได้เข้าค่ายการสำรวจอีก)และใน ปี 2535 องค์กรเครือข่ายการทำงานเพื่อเด็กเร่ร่อนได้คาดการณ์ว่ามีเด็กเร่ร่อน จำนวน 13,000 คน และในช่วงปี 2546-2548 มีการคาดการณ์ว่ามีเด็กเร่ร่อนจำนวน 14,000-16,000 คน และหลังจากนั้นในปี 2549-2551 ได้มีการคาดการณ์ว่ามีเด็กอยู่บนท้องถนน จำนวน 15,000-20,000 คน และตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นไป คาดการณ์ว่า มีเด็กเร่ร่อนที่เป็นทั้งเด็กไทย เด็กต่างด้าว ที่หลั่งไหลเข้าประเทศ จำนวน 30,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนไม่น้อยเลย

                จากการลงเก็บข้อมูลของ โครงการ  ถอดบทเรียนรูปแบบการช่วยเหลือเด็กเร่ร่อน:ในกรณีของครูข้างถนนและบ้านพักสำหรับเด็ก  จำนวนเด็กเร่ร่อนเพิ่มขึ้นทุกพื้นที่ ทั้งเด็กไทยและเด็กต่างด้าว  และสิ่งที่เป็นสำคัญเด็กเร่ร่อนวัยรุ่นมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และประกอบอาชีพการขายบริการทางเพศ

 

สาเหตุที่เด็กออกมาใช้ชีวิตอิสระบนท้องถนน

                สาเหตุที่ 1 ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ จากการลงไปถอดบทเรียนหน่วยงานที่ทำงานช่วยเหลือเด็กเร่ร่อนทั้งหน่วยงานองค์กรพัฒนาเอกชน และหน่วยงานของรัฐ  พบว่าปัญหาส่วนใหญ่มาจากปัญหาครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการหย่าร้างของพ่อแม่ การใช้ความรุนแรง การทะเลาะกัน การแต่งงานใหม่ของพ่อแม่ฯลฯ ปัญหาต่างๆเหล่านี้ ต่างสร้างความกดดันให้เด็ก ดึงความสนใจของพ่อแม่ไปจากตัวเด็ก ทำให้เด็กขาดความรักความอบอุ่นเด็กจึงต้องออกมาเร่ร่อน เพื่อให้พ้นจากสภาพความอึดอัดดังกล่าว จึงต้องยอมรับว่าปัญหาครอบครัวเป็นปัญหาที่ทำให้เด็กออกมาเร่ร่อนปัญหาหนึ่ง  ครอบครัวที่ไม่ต้องการลูกมีจำนวนมาก  หรือบางครอบครัวใช้แรงงานเด็ก บังคับให้เด็กขอทาน ขายเรียงเบอร์ ขายดอกไม้ ขายพลุ ขายของที่ระลึก ขายยาเสพติด ขัดรองเท้า  รับจ้างขนของระหว่างชายแดน เข็ญรถ รับจ้างถือร่มให้กับนักท่องเที่ยว  รับจ้างถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยว เป็นต้น (พบเป็นกลุ่มชนกลุ่มน้อย จังหวัดเชียงใหม่,จังหวัดเชียงราย จังหวัดภูเก็ต จังหวัดสงขลา และจังหวัดสระแก้ว) สำหรับกรุงเทพมหานคร จะมีเด็กเร่ร่อนชั่วคราว ที่เร่ขายพวงมาลัยดอกไม้ตามสี่แยก  เช็ดกระจกรถยนต์  และเด็กเร่ร่อนวัยรุ่นจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการขายบริการทางเพศ

                สาเหตุที่ 2  ปัญหาจากตัวเด็กเอง เด็กเร่ร่อนบางคนเริ่มเข้าวัยรุ่นกำลังอยากรู้อยากเห็น และอยากลอง ต้องการความเป็นอิสระ ต้องการหาประสบการณ์แปลกๆใหม่ๆ ชอบฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ระเบียบต่างๆ รวมทั้งต้องการมีกลุ่ม มีพวกพ้องเพราะการมีพวกพ้องเป็นวิถีให้เด็กได้รับตอบสนองความต้องการหลายประการ เช่น ความรู้สึกอบอุ่นใจ การได้รับการยกย่อง ความรู้สึกว่ามีผู้เข้าใจตน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับตน จึงเป็นผลให้เด็กเลือกใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านกับเพื่อนมากกว่าอยู่กับพ่อแม่และรู้สึกว่าถูกบังคับให้ทำสิ่งต่างๆตามความต้องการของพ่อแม่   และสิ่งแวดล้อมภายนอกที่ดึงเด็กเข้าสู่อบายมุข เช่น การเล่นเกมส์  ปัจจุบันเด็กเร่ร่อนบางคนนอนกินในร้านเกมส์เลยก็มี เงินที่หามาได้หมดไปกับการเล่นเกมส์ พบมากในจังหวัดอุดรธานี ขอนแก่น เชียงใหม่ เชียงราย ชลบุรี ภูเก็ต และกรุงเทพมหานคร

                สาเหตุที่ 3 ปัญหาจากโรงเรียน หรือออกมาจากสถานสงเคราะห์ หรือจากหน่วยงานองค์กรพัฒนาเอกชน  ปัญหาจากโรงเรียนเป็นตัวผลักดันให้ออกมาเร่ร่อนด้วย โดยเด็กกล่าวว่า บางครั้งถูกครูลงโทษโดยไม่มีเหตุผล ถูกทำให้ได้รับความอับอายที่โรงเรียน ถูกประณามว่าเป็นเด็กไม่ดี เป็นคนเลว ทำให้เด็กต้องการเป็นคนเลวไปจริงๆ ไม่สมควรที่จะเรียนหนังสือ หรืออยู่บ้านอีกต่อไป จึงเป็นเหตุให้เด็กหนีออกมาเร่ร่อน และมีเด็กบางคนที่หนีออกมาจากสถานสงเคราะห์ ซึ่งเด็กต้องการมาใช้ชีวิตอิสระบนท้องถนน  ไม่มีการบังคับ ไม่ต้องการอยู่ในกฎเกณฑ์ หรือระเบียบ  และมีเด็กบางคนออกจากมูลนิธิหรือหน่วยงานองค์กรพัฒนาเอกชน  เพราะทำผิดระเบียบของหน่วยงาน

                สาเหตุที่ 4 ครอบครัวไม่พร้อม และเกิดความรุนแรงในครอบครัว บางครั้งที่เด็กออกมาจากครอบครัวดั่งเดิมของตนเองมาจากการใช้ความรุนแรงของคนในครอบครัวเองหรือการใช้คำพูดที่ดุด่าหยาบคาย ทำให้เด็กคิดว่าพ่อแม่ไม่รักไม่สนใจ เป็นส่วนเกินของครอบครัว  จึงอยากออกมาใช้ชีวิตภายนอก หรือบางคน ครอบครัวก็ส่งผลกระทบให้เด็กหนีออกมา

                -ครอบครัวแตกแยกเพราะความยากจน พ่อแม่ไปหางานทำ ทิ้งเด็กไว้กับญาติ  บางครอบครัวพ่อแม่ของเด็กไม่เคยส่งเงินค่าเลี้ยงดูกลับไปเลย ทำให้เกิดการอัตคัด อาหารการกิน เงินไม่มีเลี้ยงดูลูกหลาน  และส่งผลกระทบกับเด็กที่อยู่ในบ้าน

                -ครอบครัวไม่พร้อมที่จะมีลูก  เมื่อมีลูกแล้วนำไปฝากคนอื่นเลี้ยงหรือบางคนทิ้งไปเลย เป็นลูกของโสเภณี หรือหมดนวด ที่ถูกทิ้งไว้กับญาติ  หรือผู้รับจ้างเลี้ยง

                -ครอบครัวหย่าร้าง มีการทะเลาะ หรือบางครอบครัวมีพ่อหรือแม่ที่มีครอบครัวใหม่ เมื่อเด็กไม่อยู่ด้วยเด็กกลายเป็นส่วนเกินของครอบครัวใหม่ หรือบางครอบครัวพ่อไม่ยอมทำงาน เจ็บป่วยเรื้อรัง บางครอบครัวพ่อเมาอาละวาด ดุร้ายทำร้ายเมียกับลูก จนเด็กทนอยู่ไม่ได้ต้องออกมาใช้ชีวิตบนถนน

                -ครอบครัวฐานะปานกลาง ที่ทำให้เด็กออกมาเร่ร่อนได้เพราะพ่อแม่ต่างมุ่งมั่นทำงานมากเกินไป จนไม่มีเวลาให้กับลูก หรือบางครอบครัวก็เข้มงวดกับลูกมากเกินไป ทำให้เด็กเกิดความเบื่อหน่าย ไม่มีความสุข คิดเพื่อนพึ่งยาเสพติดประชดชีวิตโดยใช้ชีวิตบนท้องถนน

                -เด็กบางคนเป็นภาระของครอบครัว ครอบครัวพยายามไล่ให้ออกจากบ้าน หรือเด็กที่ถูกบงคับหรือสนับสนุนให้ออกมาเลี้ยงชีพด้วยตนเอง เพื่อไม่ให้เป็นภาระของครอบครัว

                -ครอบครัวซึ่งเป็นครอบครัวเร่ร่อนอยู่แล้ว  เมื่อมีลูกออกมาก็ใช้แรงงานของลูกให้ขายของ ขอทาน หรือขายดอกไม้ เมื่อเด็กโตที่จะเลี้ยงตนเองได้ เด็กเร่ร่อนเหล่านี้จะมาอยู่กับเพื่อนแล้วหารายเลี้ยงตนด้วยวิธีการต่างๆ

                สาเหตุที่ 5 สาเหตุอื่นที่ทำให้เป็นเด็กเร่ร่อน เช่น การพลัดหลงจากพ่อแม่ ถูกล่อลวง ถูกชักจูงมาทำงานกลายเป็นแรงงานเด็ก หรือบางคนถูกส่งเรือประมง หรือบังคับให้ขอทาน หรือคุมแก๊งค์ขอทาน เป็นต้น

                สถานการณ์เด็กเร่ร่อน ณ พ.ศ. นี้ มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ที่เด็กออกมาใช้ชีวิตบนท้องถนน  ตั้งแต่การที่ต้องดิ้นรนของครอบครัว เพราะภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่พยายามเลี้ยงตนเอง  เด็กบางคนมีปัญหามาครอบครัวที่มาพร้อม หรือถูกทอดทิ้ง ตลอดจนตัวเด็กที่เองปัญหาที่ไม่อยากปรับตัว อยากใช้ชีวิตอิสระ เร่ร่อนไปเรื่อยๆ อยากอยู่อย่างไรก็ทำ  และจำนวนของเด็กมีมากขึ้นทุกพื้นที่