banner
ศุกร์ ที่ 21 เดือน ธันวาคม พ.ศ.2561 แก้ไข admin

ท่องเที่ยวราตรี....กับนอนข้างถนน

 นางสาวทองพูล  บัวศรี

ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน  มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก

          เสียงโทรศัพท์ ที่ติดกันอย่างยาวนานกว่า 6 ครั้ง  ครูก็ยังต้องนั่งอ่านคำพิพากษาของศาลเด็กและเยาวชนในกรณีศึกษาของนางเกีย นอม  โดนจับด้วยข้อหา “คดีค้ามนุษย์”  เมื่ออัยการยกฟ้อง  ตำรวจยังให้ข้อหา  เรื่อง “การใช้เด็กในการแสวงหาประโยชน์ ”  ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546  คนทำงานด้านเด็ก ยึดถือกฎหมายฉบับนี้ในการยึดประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นที่ตั้ง  สำหรับกรณีนี้ศาลแขวงดุสิต  กลับตัดสิน มาใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522   ผลคดีคนละเรื่องเดียวกัน

          ครูตัดสินใจโทรกลับไปยังหมายเลขโทรศัพท์นั้นทันที  กลายเป็นเจ้าหน้าที่ของ DSI   ที่อยากครูเรื่อง  ว่ามีเรื่องร้องเรียนมาที่หน่วยงาน แล้วมีการจับเด็กร่วมกันหลายฝ่าย  ครูเองก็อยากคุยเหล่านี้ให้หน่วยงานที่ทำหน้าที่พิเศษ ของหน่วยงานภาครัฐเหมือนกัน

          เมื่อคืนวันที่ 4 ธันวาคม 2561  จึงตัดสินใจอย่างท่องราตรีคนเดียวในเวลา หกโมงเย็น  เพราะต้องการสำรวจพื้นที่กลางคืน และใช้ชีวิตตลอดคืนบนถนน  จุดสุดท้ายคือไปนอนกับแม่เด็กที่สะพานลอยในอากาศที่อบอ้าวอย่างบอกไม่ถูก...

          จัดข้าวของที่เตรียมไปลงแบ่งปันกับเพื่อน พ้อง น้อง พี่ และเด็กๆ  จึงเริ่มต้นออกจากมูลนิธิสร้างสรรค์เด็กในเวลา สองทุ่ม พร้อมข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวด้วย  ขึ้นรถแท็กซี่ไปตอนรถไฟฟ้าที่อนุสาวรีย์  ซึ่งในขณะนั้นคนที่ท่ารถตู้เยอะมาก เพราะวันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุด  

          สำหรับครู หอบข้าวของและกระเป๋าสองใบไปยังรถไฟฟ้า  จุดหมายของคืนนี้ คือสถานีรถไฟฟ้าอโศก  มีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงเมื่อถึงสถานีอโศก   จึงจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อย จึงเดินมาทางทิศเหนือ   ประสบการณ์อีกอย่างหนึ่งของค่ำคืน การเดินทางคนเดียว


 

          (1) พบเด็กผู้ชายสองคนที่ครูเคยเจอมาแล้วสอง-สามปี  ด้วยกันมานั่งขายขนมไทย ข้าวต้มมัด ขนมสอดไส้  ขนมถ้วย  นั่งระหว่างทางเดินระหว่างรถไฟใต้ดินกับทางขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอส  กำลังนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันทั้งสอง  เมื่อเห็นครูเด็กทั้งสองยกมือไหว้  จึงมีการถามไถ่ว่า  ออกกันมาบ่อยไหม  ทั้งสองคนตอบพร้อมกันพร้อมทั้งส่ายหน้า  ว่าช่วงนี้ยายของพวกเขาป่วยบ่อยมากจึงไม่ค่อยได้ทำขนม  แต่ทั้งสองคนต้องออกมา  บางครั้งก็ซื้อขนมคนอื่นที่ไม่ใช่ฝีมือของยายมาขาย เพื่อเอาที่เป็นกำไรเป็นค่าใช้จ่าย กับค่ายาของหมอด้วย   ต้องการให้ช่วยอะไรไหม  เด็กส่ายหน้าบอกว่าให้ช่วยตัวเองก่อน   ถ้าเรียนสูงกว่าหนี้ผมจะขอทุนการศึกษากับป้าคะ..

          (2) เป็นครอบครัวของนางนา (ไม่มีนามสกุล) ที่นั่งอยู่ตีนสะพายเดินเชื่อมด้านทิศเหนือถนนเลขคู่ของถนนสุขุมวิท  มากับน้องวีโก้  ซึ่งตอนนี้ป่วยเป็นโรคไส้เลื่อน มีอัณฑะขนาดใหญ่มาก ค่าผ่าตัดจำนวนมาก  ทางครอบครัวเองก็ไม่มีเงิน มีลูกทั้งหมด 6 คน คนที่ป่วยนี้เป็นคู่แฝดกัน  ลูกสาวเรียน จบ ป.6  แล้วไม่ได้เรียนต่อ  เพราะเด็กเองอยากไปเรียนกับเพื่อน  (ทางครอบครัวเองก็รับผิดชอบค่าเดินทางค่าอาหารไม่ไหว)  ลูกจึงมามาทำงานเป็นครั้งคราว  สำหรับการรักษาพยาบาลของเด็กชายวีโก้ ทางครูขอประสานงานหน่วยงานที่ให้การผ่าตัดที่ฟรี   จึงรับปากกับแม่เด็กแล้วเดียวหาหน่วยงานต่างๆก่อน   เพราะครูเองก็ช่วยเหลือที่จะต้องจ่ายไม่ได้เหมือนกัน 


          แต่ครอบครัวมีลูกสาวที่ยุติการศึกษา ออกมาเป็นครั้งคราว กำลังถูกหมายหัว ว่าจะเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี  ด้วยองค์กรหนึ่งที่เป็นคริสเตียนลงมาเก็บข้อมูลและเลี้ยงอาหารเด็ก  แต่น้องเขาวิ่งหนีได้ ขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้านพักเอง  เด็กเดินทางกันเอง  แต่ก็ยังออกมาขอเงินเป็นครั้งคราว

          (3) ครูเดินต่อมาทางเชื่อมฝั่งตรงข้าม หวังว่าจะพบเด็กกลุ่มที่ออกมาคนเดียว  แต่ไม่ได้เจอคิดว่าหลบครูมากกว่า จนมาถึงสะพานลอยหน้าซอยสุขุมวิท 19 พบครอบครัวของนางมึน...(นามสมมุติ) เป็นชาวกัมพูชา  ที่กำลังจะนอน  เพราะที่นอน ใช้ผ้าถุงจำนวนสามผืนวางต่อกัน  ส่วนลูกคนเล็กเป็นเด็กผู้ชายประมาณสัก 2 ปี หลับสนิทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  

          แม่เด็กก็ลุกขึ้นมาคุยกับครูต่อ  พอแนะนำว่าเป็นครูจิ๋วที่เดินตามถนนเส้นนี้  แม่เด็กแสดงความดีใจมาก ออกนอกหน้าทันที  อยากพบครู  อยากให้ลูกสาว ชื่อน้องบัว(นามสมุติ)  ได้เรียนหนังสือเหมือนเด็กในชุมชน  ที่เด็กชาวกัมพูชาได้เรียนกัน  ซึ่งก็รุ่นราวคราวเดียวกับน้องบัว...


 

          น้องลุกจากที่นอนมานั่งข้างๆครูจิ๋ว  ..บอกว่ารู้จักเพื่อนหลายคนมาก  ที่ได้เรียน   น้องบัวเองเป็นเด็กใบหน้ากลม  ผมม้า หน้าตาบ้องแบ้ว  สายตาที่มองครู คือความกระหายใคร่รู้  ว่าครูจะตอบอย่างไร

          ครูจึงบอกกับแม่เด็กให้พาเด็กไปลงชื่อที่บ้านครูมุ้ย...ที่ชุมชนเปรมฤทัย  ทุกเสาร์-อาทิตย์ ฝึกการเขียน และฝึกพูดก่อน  เด็กเองดีใจบอกแม่ว่าจะตั้งใจเรียน  อยากใส่ชุดนักเรียน    เสียงของแม่บอกต่อว่าจะให้ลูกเรียนที่กัมพูชา แต่ไม่รู้จะอยู่กับใคร หอบหิ้วกันมาเมืองไทย   พ่อทำงานที่โรงสีแบกข้าวสาร  แต่รายได้ไม่แน่นอน   จึงพาลูกออกมาเป็นครั้งคราว

          เมื่อสองเดือนที่แล้วถูกจับทั้งสามแม่ลูกเลยค่ะ อยู่ที่สถานคุ้มครองแห่งหนึ่ง สามีให้เพื่อนไปเยี่ยมฝากเงินเป็นค่าใช้จ่ายไว้ให้  แต่ไม่เคยได้รับเงิน  สถานที่พักยุงเยอะมาก  เด็กที่ป่วยก็กินยาพาราอย่างเดียวเท่านั้น  แค่เด็กร้องไห้ก็ไม่ได้  แม่บ้านเริ่มมีการด่าทอว่าเป็นประจำ  การนอนก็นอนกับคนแก่ที่ป่วย  ช่วงที่ฉันกับลูกนอนบนตึกต้องนอนกับคนที่ป่วยตายมาสองวัน  แต่ไม่ได้จัดการกว่าจะเอาศพออกจากสถานคุ้มครองใช้เวลาสองวัน  เด็ก เด็ก ต่างกลัวเป็นอย่างมาก

          สิ่งเหล่านี้มาจากผู้ที่ได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพตาม พระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน  ซึ่งครอบครัวเหล่านี้ เข้ารับการคุ้มครอง

          สำหรับครูเองได้ฟังเรื่องเล่าขานเหล่านี้ด้วยหัวใจที่หดหู่ตลอดเวลา  แต่เมื่อมีโอกาสประชุมคณะกรรมการควบคุมคนขอทาน  ก็ได้รับการยืนยันว่าดูแลเป็นอย่างดี  แต่ผลที่เกิดขึ้น ร่องรอยของเด็กเหล่านี้มีแต่รอยยุงกัด..

          (4) ครอบครัวน้องรจนา ที่มานั่งที่เกาะกลางถนน  ระหว่างทางข้ามจาก ซอยนานา ไปซอยสุขุมวิท   ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินข้ามกันทั้งคืน  น้องเองครูเอาไปเข้าเรียนชั้นอนุบาล ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งแถวๆถนนเพชรบุรีตัดใหม่




          ส่วนแม่เด็กเองก็เพิ่งจะหายป่วยจากโรคไทรอยด์   ยังค้างค่ารักษาพยาบาลกว่าสามหมื่นบาท  ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์   ซึ่งหมอนัดให้ไปตรวจแต่แม่เด็กไม่ยอมไปรักษาด้วยเหตุที่ว่าไปแต่ละครั้งต้องใช้เงินประมาณ 3-4 พันบาท

          แม่ลูกจึงพากันออกมาขอทานบนถนนแห่งนี้ ในยามค่ำคืน กว่าจะเลิกก็ประมาณ ตีสอง ถึงตีห้าของแต่ละคืน  เช้าจึงพาลูกไปเรียนหนังสือต่อ   เมื่อเงินไม่มีก็ต้องใช้ถนนเป็นสถานที่ทำมาหากิน

          (5) ครอบครัวนางเจาะ (นามสมมุติ)  ชาวกัมพูชา  กับลูกชายในวัยอายุประมาณ 12 ปี พร้อมเพื่อนอีกสองคน  ออกมาขอทาน โดยเน้นการเดินขอเงินกับนักท่องเที่ยว ตลอดถนนสุขุมวิทตั้งแต่ซอย 1-ซอย 21  เพราะเป็นถนนแห่งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

          ในช่วงเวลานั้นก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว ซึ่งรถไฟฟ้าบีทีเอสเที่ยวสุดท้าย  ได้บอกกรณีศึกษาว่าจะลงพื้นที่ ที่ประตูน้ำ  กรณีศึกษาทั้งสาม-สี่ คน เดินมาส่งที่สถานีรถไฟฟ้าสถานีนานา  

          ทุกคนห้ามไม่ให้เดินผ่านซอย 1  จนถึงเซ็นทรัลชิดลม  ไม่มีข้อแม้กระทั่งกับครู  เพราะยิ่งดึก ยิ่งไว้วางใจใครไม่ได้   บังคับให้ครูมาลงที่สถานีชิดลม  แล้วเดินผ่าน หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์




          เวลาตีหนึ่งหน้าเซ็นทรัลเวิลด์มีรายการที่ของเจ้าของร้านน้ำเมาทุกยี่ห้อ  มีการแสดงพร้อมขายน้ำเมากันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย  ใช้ว่าเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยว เพื่อเรียกเงินเข้ากระเป๋า    แต่มีนักดื่มอีกจำนวนที่มานั่งเก้าอี้ตัวเดียวพร้อมกับเบียร์คนละขวดสองขวด  นั่งดื่มกินบรรยากาศ พร้อมเสียงเพลงที่ดัง ด้วยเจ้าของรถตุ๊กๆ  ที่เปิดแข่งกัน  สร้างบรรยากาศครื้นเครง สนุกสนานกันอย่างมาก  

          ครูก็ยังเดินเท้าย้ำราตรีแห่งการไม่หลับไหล  สีแสงเสียง  เดินผ่านเด็กสาว สองคนที่เล่นดนตรีอยู่เชิงสะพานลอยที่เชื่อม   นักท่องเที่ยวก็ยังมีจำนวนมากที่เดินไป-เดินมา

          การเดินจนมาถึงร้านแมคที่เปิด 24 ชั่วโมง  มีชาวต่างประเทศเข้า-ออก ตลอดเวลา  มีคนแก่คนหนึ่งซึ่งมาอาศัยร้านแมคเป็นที่หลับนอน  จนเจ้าหน้าที่บอกว่าตีสองจะปิดเพราะจะความสะอาดไล่หนูที่วิ่งกันสนุกสนานอยู่ในร้าน  ยายจึงเดินออก  เดินตามแกไม่ทัน

 

          ส่วนครูจุดหมายปลายท้ายคือเป็นนอนที่สะพานลอยกับแม่เด็ก   แต่ขณะที่เดินไป  ผ่านกลุ่มคนที่มองด้วยสายตาวางเปล่าแบบ  มีคำถามทำไมไม่กลับ    เพราะที่เหลืออยู่บนถนนก็จะเป็นนักท่องเที่ยวกันเป็นส่วนใหญ่   หรือหญิงขายบริการ

          ตัวครูอาจจะจะถูกเหมาไปแล้ว เพราะสายตาที่จับจ้องครู แบบไม่เป็นมิตร  คืนนี้เป็นคืนแห่งการเรียนรู้ที่สุดยอดอีกหนึ่งคืน...